dCS เสาหลักในกลุ่ม digital source ของวงการไฮไฟฯ ระดับซุปเปอร์ไฮเอ็นด์ฯ

ทั้งผู้ก่อตั้งและทีมวิศวกรของ dCS มีความเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า บทบาทหน้าที่ที่แท้จริงของชุดเครื่องเสียงก็คือ นำเสนอรายละเอียดแต่ละด้านในเพลงที่มีความละเอียดอ่อนซึ่งเก็บมาได้จากการบันทึกเสียง ออกมาให้ผู้ฟังได้สัมผัส ทั้งหมดโดยไม่มีตกหล่น แม้ในรายละเอียดที่ยิบย่อยที่สุด!

และแน่นอนว่า แหล่งต้นทางของสัญญาณถือเป็นด่านแรกที่มีความสำคัญสูงสุดของชุดเครื่องเสียงซึ่ง dCS มองว่า DAC หรือ Digital-to-Analog converter คือหัวใจสำคัญของระบบเพลย์แบ็คสำหรับ digital source ทุกซิสเต็ม เพราะหน้าที่หลักของ DAC ก็คือแปลงสัญญาณดิจิตัลให้ออกมาเป็นสัญญาณอะนาลอกก่อนจะส่งไปขยายผ่านแอมป์และแปลงเป็นสัญญาณเสียงออกมาทางลำโพงให้เราฟัง ถ้าภาค DAC ไม่มีประสิทธิภาพสูงพอ สัญญาณอะนาลอกที่ได้ออกมาก็จะมีแต่ความผิดเพี้ยน ส่งผลให้อารมณ์ของเพลงเสียหายไป แม้ว่าในซิสเต็มจะใช้แอมปลิฟายและลำโพงที่ดีก็ไร้ความหมาย กลายเป็นฟ้องความไม่สมบูรณ์ของภาค DAC ที่อยู่ต้นทางซะอีก

ด้วยเหตุนี้ ทาง dCS จึงได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบภาค DAC มาตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อเกือบสามสิบปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น ระบบการทำงานที่ร่วมกับภาค DAC ก็คือ ภาค transport, ภาค master clock และภาค digital-to-digital converter (D2D) หรืออัพแซมปลิ้ง เทคโนโลยีก็ได้รับการพัฒนาอย่างลงลึกไปด้วย

dCS เป็นใคร.? มาจากไหน.?

แบรนด์ dCS สร้างชื่อขึ้นมาในวงการเครื่องเสียงอย่างรวดเร็ว เป็นแบรนด์ที่ใช้เวลาสั้นมากในการผงาดขึ้นมาในวงการ มูลเหตุสนับสนุนนั้นชัดเจน เพราะว่าบริษัท dCS หรือ Data Conversion Systems ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเมืองแคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการแปลงสัญญาณ Analog-to-Digital และ Digital-to-Analog เป็นพื้นฐานเดิมอยู่แล้ว เพราะพวกเขารับหน้าที่ในการออกแบบและผลิตอุปกรณ์แปลงสัญญาณ ADC/DAC ให้กับบริษัทโทรคมนาคม และหน่วยงานทหารของสหราชอาณาจักรมาก่อน ซึ่งแน่นอนว่า อุปกรณ์เหล่านั้นต้องการเทคโนโลยีที่ใช้ในการออกแบบและผลิตที่มีความแม่นยำสูงสุด มีความคงที่ และต้องมีความเสถียรสูงด้วย

David J Steven เอ็ม.ดี. ของบริษัท

ด้วยพื้นฐานที่แน่นเปรี๊ยะอย่างนั้น เมื่อวงการเพลง, วงการสตูดิโอบันทึกเสียง และวงการเครื่องเสียงขยับเปลี่ยนแพลทฟอร์มจากมาตรฐานอะนาลอกเข้าสู่แพลทฟอร์มดิจิตัลเต็มรูปแบบตอนปลายยุค ’80 ทำให้ dCS มองเห็นโอกาสและตัดสินใจกระโดดเข้าสู่วงการเครื่องเสียงและสตูดิโอทันที หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของ dCS ก็ผงาดขึ้นมายืนอยู่ในระดับแนวหน้าของผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงดิจิตัลเต็มตัว

Andy McHarg ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชื่อแบรนด์ dCS ขยับขึ้นมาเป็นเสาหลักของวงการเครื่องเสียงอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง นั่นคือความเข้าใจในพื้นฐานของตัวเองที่ว่า แม้พวกเขาจะเก่งกาจทางด้านเทคโนโลยีดิจิตัล คอนเวิร์สชั่นก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่ได้เติบโตขึ้นมาทางด้านเพลงมาตั้งแต่แรก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสามารถสะท้อนความเป็นดนตรีของบทเพลงออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างที่ผู้ให้กำเนิดบทเพลงต้องการนำเสนอ ด้วยเหตุนี้ dCS จึงพยายามเข้าไปสุงสิงกับวงการสตูดิโอบันทึกเสียงโดยออกแบบ A-to-D converter ออกมาใช้ในสตูดิโอ คู่ขนานไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อป้อนให้กับวงการนักเล่นเครื่องเสียงไปในเวลาเดียวกัน

Chris Hales ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์

Ray Wing หัวหน้าฝ่ายออกแบบ

ปัจจุบัน ทาง dCS ก็ยังคงคลุกคลีอยู่กับวงการสตูดิโออย่างต่อเนื่อง กิจกรรมล่าสุดที่พวกเขาทำคือ จัดทำ “The dCS Legends Award” (dcslegends.com) เพื่อสนับสนุนซาวนด์เอ็นจิเนียร์ที่เป็นกำลังสำคัญในการทำให้เกิดความพัฒนาขึ้นในวงการบันทึกเสียง แต่ละคนล้วนเป็นบุคลากรที่มีดีกรีของความเป็นตำนานในวงการบันทึกเสียงและมาสเตอริ่งของอุตสาหกรรมเพลงทั้งสิ้น dCS ก่อตั้งกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกเสียงในสตูดิโอให้มีความก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ และสอดคล้องกับการทำงานของซาวนด์เอนจิเนียร์ระดับโลกไปในขณะเดียวกันด้วย

เทคโนโลยีของ dCS

Ring DACนี่คือหัวใจของ dCS ที่ซึ่งวิศวกรของ dCS ร่วมกันออกแบบมาตั้งแต่เริ่มต้น เป็นระบบการทำงานของภาค DAC ที่ใช้พื้นฐานของการทำงานด้วยระบบแยกชิ้น (discrete) เป็นเทคโนโลยี R2R รูปแบบแรกสุดในวงการที่ให้ความแม่นยำสูง, ให้ความเป็นเชิงเส้นเป็นเลิศเพราะควบคุมความผิดเพี้ยนในการทำงานด้วย DSP ที่มีประสิทธิภาพสูง และให้รายละเอียดในระดับ Low Level ที่ชิป DAC ส่วนใหญ่มักจะทำได้ไม่ถึง

Digital Processing Platform เป็นชุดคำสั่งเชิงโลจิกที่วิศวกรโปรแกรมเมอร์ของ dCS เขียนขึ้นมาและถูกบรรจุลงใน FPGA (Field Programmable Gate Arrays) และชิป DSP ซึ่งใช้ในการประมวลผลร่วมกับฮาร์ดแวร์ที่เรียบง่าย ประโยชน์ในการออกแบบการทำงานให้มีส่วนร่วมระหว่างซอฟท์แวร์ + ฮาร์ดแวร์ลักษณะนี้ก็เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการอัพเกรดประสิทธิภาพในการทำงานแบบต่อเนื่องนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะอัพเกรดทางด้านประสิทธิภาพของภาค DAC และส่วนอื่นๆ แล้ว ยังสามารถอัพเกรดฟังท์ชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามาได้โดยไม่จำกัดอีกด้วย

Digital Processingเป็นเรื่องปกติของภาค DAC ที่ต้องการวงจร digital filter ที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ รวมถึงวงจรเสริมจำพวก signal processing รูปแบบต่างๆ เพื่อช่วยให้การ ประกอบร่าง” (reconstructions) ข้อมูลดิจิตัลให้ออกมาเป็นคลื่นเสียงอะนาลอกที่มีความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด

Clock Precision เมื่อพูดถึง jitter ศัตรูร้ายของกระบวนการแปลงดิจิตัลให้เป็นอะนาลอก ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยถึง Clock System เพราะว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการนี้ที่จะเข้ามาช่วยขจัดปัญหาจิตเตอร์ของระบบให้สิ้นไป ด้วยเหตุนี้ วิศวกรของ dCS จึงให้ความสำคัญกับระบบ Clock มากเป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความแม่นยำถูกต้องในการแปลงสัญญาณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยปราศจากผลข้างเคียง อย่างเช่นปัญหา phase noise และได้ออกแบบให้ภาคเพาเวอร์ซัพพลาย, ไฮสปีด ซิกเนล โปรเซสซิ่ง และมอดูเลชั่นที่ใช้ในระบบ มีลักษณะที่ซิ้งค์ไปในทิศทางเดียวกันกับสัญญาณ Clock ที่ภาค DAC ใช้เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนซึ่งกันและกัน

Audio Microscope ทีมออกแบบของ dCS ได้ทำการพัฒนาระบบตรวจสอบความแม่นยำถูกต้อง (test systems) ของผลงานที่พวกเขาออกแบบขึ้นมาใช้เอง โดยตั้งชื่อเรียกว่า FFT หรือ Fast Fourier Transform ซึ่งให้ความถูกต้องแม่นยำในการวัดผลสูงมาก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของ dCS มีความถูกต้องแม่นยำสูง และให้ความเที่ยงตรงสูงมากเช่นกัน

จนถึงทุกวันนี้ ทางทีมวิศวกรของ dCS ก็ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง และมีการออกแบบฟังท์ชั่นใหม่ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ ตามยุคสมัย อย่างเช่นฟังท์ชั่น PCM-to-DSD conversion, ฟังท์ชั่น Upsampling และ Oversampling จนถึงเทคโนโลยี Streaming ที่ทันยุคทันสมัยด้วย นอกจากนั้น ในส่วนของ Ring DAC และ Digital Processing ก็ได้ถูกปรับจูนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันตามมาตรฐานของไฟล์เสียงที่ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของเสียงของทุกไฟล์ฟอร์แม็ตออกมาดีที่สุดตามที่ไฟล์ฟอร์แม็ตเหล่านั้นจะให้ได้นั่นเอง

ผลิตภัณฑ์ของ dCS

เมื่อตั้งใจเจาะลึกลงไปถึงพื้นฐานของระบบ digital music reproduction อย่างจริงๆ จังๆ ตั้งแต่เริ่มต้น เป็นเหตุให้ dCS แยกแยะการพัฒนาระบบเพลย์แบ็คของฟอร์แม็ตดิจิตัล ออดิโอออกมาเป็น 4 ส่วนหลักๆ โดยยึดตามฟังท์ชั่นในระบบเพลย์แบ็ค ได้แก่

1. CD/SACD Transportor
2. Digital-to-Digital converter
3. Digital-to-Analog converter
4. Master Clock

ซึ่ง dCS ระบุว่า ผลที่เกิดจากการทำงานของฟังท์ชั่นหลักทั้ง 4 ส่วนนี้จะส่งผลกับคุณภาพเสียงออกมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน นั่นคือเหตุผลที่ dCS เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเล่นเพลงดิจิตัลเจ้าแรกที่ออกแบบและผลิต “Digital Playback Systemสำหรับสัญญาณเพลงดิจิตัลที่มีอุปกรณ์แยกชิ้นมากถึง 4 ชิ้นในหนึ่งซิสเต็ม โดยที่ DAC หรือ Digital-to-Analog converter จะทำหน้าที่เป็นหัวใจของระบบ เป็นส่วนของการทำงานที่ส่งผลต่อเสียงมากที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทาง dCS ออกแบบวงจร DAC ออกมาเป็นแบบดีสครีต ซึ่งมีข้อดีกว่าการใช้ชิป DAC เพราะนอกจากวงจร DAC แบบดีสครีตจะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการแปลงสัญญาณเสียงที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากแล้ว ภาค DAC ของ dCS ยังง่ายต่อการปรับจูนลงไปในรายละเอียดแต่ละจุดอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดตลาดให้กับแบรนด์ dCS มีชื่อว่า “Elgar DACเป็น external DAC ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1996 ทันทีที่มันปรากฏโฉมออกมาในวงการเครื่องเสียง ทุกคนก็พูดถึง DAC ตัวนี้เพราะมันเป็น DAC ตัวแรกของวงการที่สามารถอัพคอนเวิร์ตสัญญาณจากแผ่นซีดีให้ขึ้นไปมีเรโซลูชั่นถึงระดับ 24/96 “จริงๆซึ่งในยุคนั้นต้องถือว่าเป็นสเปคฯ ที่สูงมาก Elgar DAC เวอร์ชั่นแรกตัวนั้นเฉิดฉายเป็นดาวค้างฟ้าอยู่ในวงการเครื่องเสียงอยู่สี่ห้าปี ก่อนจะถูกอัพเกรดขึ้นไปเป็น “Elgar DAC Plusในปี 2000 ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีกขั้น คือภาคอินพุตสามารถรองรับการเล่นไฟล์ 24/96 ได้โดยตรง และในตอนหลังได้ถูกปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพของภาคอินพุตขึ้นไปอีกขั้นให้เล่นไฟล์ได้สูงถึง 24/192 จนที่สุดในปี 2002 Elgar DAC Plus ก็ได้รับการปรับปรุงให้สามารถเล่นไฟล์ DSD ผ่านทางอินเตอร์เฟซ IEEE1394 ได้ด้วย

ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของผลิตภัณฑ์ที่ dCS ออกแบบและผลิตออกมาทั้งหมด เรียงลำดับตั้งแต่ยุคแรกเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

Elgar

Scarletti

Paganini

Puccini

Debussy

Vivaldi

Vivaldi One

Rossini

Bartok

Network Bridge

********************
สนใจผลิตภัณฑ์ของ dCS สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ตัวแทนผู้นำเข้าในประเทศไทย
. Deco2000
โทร. 089-870-8987

facebook: @DECO2000Thailand

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า