คุณเคยสงสัยมั้ยว่า.. หูฟังรุ่นเดียวกัน ขับกับเครื่องเสียงชุดเดียวกัน ทำไมบางคนฟังแล้วบอกว่าดี ในขณะที่บางคนกลับว่าไม่ดี.? เมื่อหาคำตอบไม่ได้ก็โยนไปที่ความชอบของแต่ละบุคคลไปเลย แต่ถ้าพยายามมองหาคำตอบจริงๆ แล้ว คุณเชื่อมั้ยว่า.. มีคนที่พยายามค้นคว้าหาคำตอบของเรื่องนี้จนได้บทสรุป และเอาบทสรุปที่ว่านั้นไปออกแบบวิธีแก้ต้นตอของปัญหาข้างต้นนั้นออกมาจนเป็นผลสำเร็จแล้ว.!!
Nuheara จากประเทศออสเตรเลีย
หูฟังยี่ห้อ Nuheara เกิดขึ้นมาจากบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่กับการพัฒนาคุณภาพการฟัง (hearing health company) ของมนุษย์มาก่อน ด้วยพื้นฐานที่พวกเขาคลุกคลีอยู่กับการปรับปรุงคุณภาพการรับฟังของผู้ที่มีปัญหาบกพร่องของประสาทหูที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา พวกเขาพบว่า สามารถนำเอาเทคโนโลยีที่มีอยู่มาดัดแปลงใช้ในการปรับปรุงความสามารถในการฟังของคนทั่วไปได้
นั่นคือไอเดียที่มาของหูฟัง IQbuds2 MAX ตัวนี้ เนื่องจากความจริงที่ว่า ประสาทหูของมนุษย์ทุกคนมีประสิทธิภาพในการรับฟังคลื่นความถี่ที่ต่างกัน แม้ว่าความแตกต่างที่ว่านี้จะไม่ได้มากถึงกับทำให้มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก็ส่งผลถึงการรับฟังเพลงด้วยหูฟังอย่างแน่นอน ซึ่งนี่ก็คือคำตอบต่อข้อสงสัยที่ว่า ทำไมคนสองคนฟังหูฟังตัวเดียวกันแล้วจึงมีความรู้สึกต่างกัน
ประสาทหูของบางคนอาจจะมีความสามารถในการรับฟังความถี่ในย่านแหลมได้ดีกว่าย่านทุ้ม ในขณะที่บางคนอาจจะตรงข้ามกัน (เรื่องของวัยและเพศ ก็เป็นปัจจัย) เมื่อความสามารถในการรับฟังความถี่เสียงทุ้ม–กลาง–แหลมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็แน่นอนว่าย่อมกระทบการฟังเพลงด้วยหูฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
Ear IDTM Technology
เทคโนโลยีที่ช่วยปรับจูนความสามารถในการรับฟังความถี่ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ของแต่ละคน
Nuheara เริ่มพัฒนาหูฟังไร้สายชื่อรุ่น “IQbuds” ออกมาครั้งแรกเมื่อ ปี 2016 ซึ่งเป็นหูฟังที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการฟังเสียงที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์พกพาได้ ต่อมาใน ปี 2018 พวกเขาได้ทำการพัฒนาหูฟังตัวนี้เข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่สองด้วยการเพิ่มเติมเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Ear ID เข้าไป โดยให้ชื่อหูฟังเวอร์ชั่นสองว่า “IQbudsBOOST” ซึ่งความพิเศษของเจ้าตัว Ear ID นี้ก็คือสามารถปรับจูนความถี่เสียงเพื่อชดเชยให้กับความบกพร่องในการได้ยินความถี่ย่านต่างๆ ของแต่ละคนได้
ใน ปี 2020 หูฟังตัวนี้ได้ถูกพัฒนาเข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่สาม โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “IQbuds2 MAX” เปิดตัวที่งาน CES 2020 และได้รับรางวัล CES Innovation Award ถึง 3 รางวัล จุดเด่นของหูฟัง Nuheara IQbuds2 MAX ตัวนี้ก็คือเอาเทคโนโลยีระดับไฮเอ็นด์ของหูฟังสมัยใหม่ นั่นคือ Active Noise Cancellation (ANC) มาใช้ร่วมกับเทคโนโลยี Ear ID ที่เป็นทีเด็ดของพวกเขา ทำให้หูฟัง IQbuds2 MAX ไม่ได้ถูกจำกัดวงให้ใช้อยู่ในกลุ่มของผู้บกพร่องทางการได้ยินเสียงเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับทุกคนที่ต้องการเสริมประสิทธิภาพในการได้ยินของตัวเอง เพื่อทำให้ได้ความสุขจากการฟังเพลงมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย อย่างเช่นใช้รับสายโทรศัพท์ก็จะได้ยินเสียงของคู่สนทนาที่ชัดเจนมากขึ้น เมื่อปลดฟังท์ชั่น Noise Cancelling ก็จะได้ยินเสียงแวดล้อมได้ชัดขึ้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานหูฟังในสภาพแวดล้อมทั่วไปได้ดีขึ้น
กล่องใส่กระทัดรัด + เป็นที่ชาร์จแบตฯ ในตัว
หูฟังตัวนี้มีกล่องใส่สำหรับพกพาออกไปใช้งานนอกสถานที่ให้ด้วย เป็นกล่องที่มีแบตเตอรี่เก็บไฟในตัว ขนาดของกล่องใส่ไม่ใหญ่มาก สามารถใส่ในกระเป๋ากางเกง หรือกระเป๋าถือของคุณผู้หญิงได้ น้ำหนักก็ไม่เยอะ
ระบบชาร์จไฟ
ในตัวหูฟังมีแบตเตอรี่ลิเธี่ยม อิออนขนาด 120mAh ฝังอยู่ในแต่ละข้าง ใช้เวลาชาร์จไฟให้เต็มเฉพาะตัวหูฟังประมาณ 90 นาที ถ้าใช้งานสตรีมไฟล์เพลงต่อเนื่องจะใช้ได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ส่วนตัวกล่องใส่ก็มีแบตเตอรี่ฝังอยู่ เป็นแบบลิเธี่ยม อิออน โพลีเมอร์ขนาดความจุ 820mAh เมื่อชาร์จไฟเต็มกล่อง จะสามารถชาร์จเติมให้กับตัวหูฟังจนเต็มได้ 3 รอบ ดังนั้น ถ้ารวมเวลาใช้งานโดยใช้แบตเตอรี่ในตัวของตัวหูฟังเอง + รีชาร์จจากกล่องใส่อีก 3 รอบก็จะใช้ได้นานถึง 20 ชั่วโมง
ที่ตัวหูฟังจะมีจุดโลหะชุบทองที่ใช้เชื่อมต่อกับหมุดตัวนำที่อยู่ในกล่องเพื่อใช้ถ่ายโอนไฟในแบตเตอรี่ของตัวกล่องมาให้กับตัวหูฟัง
ส่วนการชาร์จไฟของตัวกล่องจะกระทำผ่านสาย USB type A > Micro USB ซึ่งที่ด้านข้างของกล่องจะมีช่องเสียบ Micro USB มาให้สำหรับใช้ชาร์จไฟเข้าไปในกล่อง
บอดี้ใหญ่ ใส่กระชับ.!
IQbuds2 MAX เป็นหูฟังเอียร์บัดที่มีท่อระบายเสียงสั้นๆ ยื่นเข้าไปในรูหู รูปทรงของบอดี้ขนาดค่อนข้างใหญ่และถูกออกแบบมาให้มีรูปทรงที่สอดรับไปกับร่องหู ทำให้มีความกระชับ ไม่หลุดง่าย และยังช่วยชีลด์ให้เสียงไม่เล็ดลอดเข้าไปในหูด้วย มีข้อดีทำให้ได้ความสงัดเงียบ ส่งผลให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจน มีรายละเอียด
การปรับจูนเสียงด้วย Ear ID
Ear ID เป็นเทคโนโลยีที่ติดตั้งมาในตัวหูฟังรุ่น IQbuds2 MAX ของ Nuheara ทุกตัวแล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพียงแค่คุณต้องเข้าไปดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นที่ชื่อว่า IQbuds ซึ่งมีให้โหลดฟรีทั้งเวอร์ชั่น iOS บน App Store และเวอร์ชั่น Android บน Google Play เพื่อนำมาใช้ร่วมกับซอฟท์แวร์ Ear ID ในตัวหูฟัง
หน้าตาแอพฯ IQbuds
Ear ID จะทำการตรวจวัดความสามารถในการได้ยินความถี่ของหูผู้สวมใส่ด้วยการแบ่งความถี่เสียงออกมาเป็นช่วงทั้งหมด 6 ช่วง คือ 500Hz, 1000Hz, 2000Hz, 3000Hz, 4000Hz และ 6000Hz แล้วยิงความถี่เหล่านี้เข้ามาในหูของผู้สวมใส่ด้วยระดับความดังที่ต่างกัน 3 ระดับ ผู้สวมใส่ต้องกด TAP เพื่อยืนยันผลการฟังเมื่อได้ยินความถี่เหล่านั้น เมื่อการทกสอบเสร็จลง โปรแกรม Ear ID จะทำการประมวลผลการรับฟังของผู้สวมใส่ออกมาเป็นโปรไฟล์เพื่อแสดงให้รู้ว่า ประสาทหูของผู้สวมใส่มีความบกพร่องในการรับฟังความถี่ใดบ้าง จากนั้น โปรแกรม Ear ID ในตัวหูฟังจะทำการปรับตั้ง EQ เพื่อชดเชยความบกพร่องเหล่านั้นเพื่อทำให้ผู้สวมใส่ได้ยินความถี่เสียงได้เท่าเทียมกันทุกย่านความถี่ที่ใช้ทดสอบ – ไปดู “ขั้นตอนการปรับตั้งฟังท์ชั่น Ear ID”
ทดลองใช้งานหูฟัง Nuheara IQbuds2 MAX
ในแอพ IQbuds จะมีเฉพาะการปรับตั้งค่าการทำงานของฟังท์ชั่นต่างๆ ของตัวหูฟังและข้อมูลอีกส่วนหนึ่งเท่านั้น จะไม่มีส่วนของการเล่นไฟล์เพลงอยู่ในแอพฯ นี้ ซึ่งการปรับตั้งค่าต่างๆ จะถูกแบ่งออกไปอยู่ใน 3 หัวข้อ คือ World, Ear ID และ My Buds (ในกรอบสีแดง ภาพด้านบน) ส่วนหัวข้อ IQstream เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เชื่อมต่อกับทีวี
ในหัวข้อ “World” จะมีฟังท์ชั่นให้ปรับตั้งการทำงานของวงจร Noise Cancellation, หัวข้อ “Ear ID” จะมีฟังท์ชั่นให้ปรับตั้งการทำงานของโปรแกรม Ear ID ส่วนหัวข้อ “My Buds” จะแสดงข้อมูลของปริมาณแบตเตอรี่ ปรับตั้งคำสั่ง Tap Touch Control และเป็นที่อัพเดตเฟิร์มแวร์ของตัวหูฟังและเฟิร์มแวร์ของแอพฯ
IQbuds2 MAX เชื่อมต่อกับ iPhone12 ของผมผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 โดยรองรับโปรไฟล์ A2DP, HFP v.1.7, HSP, AVRCP ทำให้สามารถควบคุมสั่งงานด้วยวิธีแตะ (Tap) ที่ตัวหูฟังได้ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปปรับตั้งลักษณะคำสั่งของการแตะที่ตัวหูฟังแต่ละข้างได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมวอลลุ่ม, ควบคุมการเล่นไฟล์เพลง หรือเปิด/ปิดโหมด World (Noise Cancelling)
จากการใช้งานจริง ผมชอบการเชื่อมต่อระหว่างหูฟัง IQbuds2 MAX กับ iPhone12 ของผมมาก เมื่อสวมหูฟังเข้าไปครบทั้งสองตัว หูฟังมันก็จัดการเชื่อมต่อกับ iPhone12 ของผมทันทีโดยที่ผมไม่ต้องกดอะไรเลย ระบบ noise reduction (เจ้านี้เรียก World Control) ของหูฟังตัวนี้ออกแบบได้ดี ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง สามารถปรับตั้งการทำงานได้หลายแบบ และสามารถปิดการทำงานได้ด้วยในกรณีที่เดินออกไปนอกสถานที่ในขณะที่หูฟังยังคงเสียบคาอยู่ที่หู
การรับสายโทรฯ เข้าต้องกดรับที่ iPhone12 แต่สามารถคุยผ่านหูฟังได้เพราะที่ตัวหูฟังมีติดตั้งไมโครโฟนไว้คอยรับเสียงพูดของเราถึง 4 ตัว เมื่อทดลองปรับจูนด้วย Ear ID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการได้ยินความถี่ของผมและเปิดใช้งานโหมด Ear ID ผมพบว่า การปรับจูนหูด้วย Ear ID ส่งผลให้ได้ยินเสียงคู่สนทนาฟังชัดมากขึ้น แกะคำพูดออกมาได้เคลียร์ชัดกว่าเดิมอย่างชัดเจน รู้สึกได้เลย แม้ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนหนาแน่น ก็ยังสามารถรับฟังเสียงได้ชัด ส่วนการสตรีมไฟล์เพลงจาก iPhone12 มาที่หูฟังแม้ว่าจะใช้ดีโค๊ดเดอร์ SBC แต่เสียงเพลงที่ออกมากลับมีความชัดเจนมาก รู้สึกได้เลยว่ารายละเอียดเสียงต่างๆ มันเด่นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะในย่านเสียงกลาง อย่างเช่นเสียงร้องของศิลปินนักร้องที่คุ้นเคยก็รู้สึกได้ว่าฟังคำร้องได้ชัดเจนมากขึ้น รายละเอียดเสียงดีขึ้นมาก ยอมรับว่าโปรแกรม Ear ID เวิร์คจริงๆ !!!
แบตเตอรี่ก็อึดมาก เมื่อชาร์จจนเต็มทั้งตัวหูฟังและกล่องใส่ สามารถนำไปใช้นอกบ้านได้ทั้งวันโดยไม่มีปัญหากับแบตเตอรี่ ตัดความกังวลเรื่องชาร์จแบตฯ ทิ้งไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
สรุป
ประทับใจกับประสิทธิภาพของโปรแกรม Ear ID มากเป็นพิเศษ ผมทดลองปรับจูนสองครั้ง ครั้งแรกนั่งทำในสภาพแวดล้อมที่ไม่เงียบสนิทมาก ครั้งที่สองลองนั่นจูนในห้องที่เงียบกว่า ปรากฏว่าได้ยินรายละเอียดเสียงดีขึ้นกว่าตอนแรก เป็นระบบที่อะเมซิ่งมาก.!!! ใครที่ไม่มั่นใจว่าหูจะเริ่มด้อยประสิทธิภาพแล้วยัง อยากจะแนะนำให้ไปลองทดสอบด้วยฟังท์ชั่น Ear ID ของหูฟังตัวนี้ดูสักหน่อย มันอาจจะช่วยทำให้คุณมีความสุขกับการใช้งานหูฟังตัวนี้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้ /
********************
ราคา : 21,900 บาท / ชุด
********************
สนใจสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่
asavasopon online
หรือที่โชว์รูมของร้านอัศวโสภณ บนห้างชั้นนำเหล่านี้
– ศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า
– ศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีสวิลล์
– ศูนย์การค้าสยามพารากอน
– อัศวโสภณ สำนักงานใหญ่ (รามคำแหง)