Ear ID เป็นระบบที่ใช้ปรับจูนประสิทธิภาพในการรับฟังเสียงของแต่ละบุคคล คิดค้นโดย Nuheara บรรจุอยู่ในหูฟังไร้สาย Nuheara รุ่น IQbuds2 MAX เป็นฟังท์ชั่นที่ใช้งานง่าย ทำงานโดยการวัดความสามารถในการรับฟังคลื่นเสียง (hearing thresholds) ของคุณ จากนั้นก็เอาผลลัพธ์มาวิเคราะห์แล้วสร้างเป็นโปรไฟล์ Ear ID ของผู้สวมใส่คนนั้นๆ ขึ้นมาให้ ซึ่งค่าโปรไฟล์ที่ได้มานี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับฟังคลื่นเสียงของผู้สวมใส่ทุกครั้งที่ใช้หูฟังตัวนั้น
กระบวนการตรวจวัดและสร้างโปรไฟล์ Ear ID สำหรับหูข้างซ้ายและหูข้างขวาจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว บนแอพฯ จะโชว์กราฟฟิกให้รู้ว่าคุณมีจุดอ่อนและจุดแข็งอย่างไรกับการรับฟังคลื่นเสียงแต่ละความถี่อย่างไรบ้าง
ขั้นตอนการใช้งานฟังท์ชั่น Ear ID
หน้าตาของแอพฯ IQbuds
หลังจากได้หูฟัง Nuheara IQbuds2 MAX มาแล้ว ให้ไปดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น IQbuds มาติดตั้งบนอุปกรณ์พกพาที่ต้องการใช้งานร่วมกับหูฟัง (ในตัวอย่างนี้ใช้สมาร์ทโฟน iPhone 12)
1. เปิดแอพฯ ขึ้นมาแล้วเลือก Product ไว้ที่ IQbuds2 MAX จากนั้นกดที่ปุ่ม “I have IQbuds2 MAX”
2. เอาหูฟังสวมเข้าไปที่หูทั้งสองข้างให้แนบสนิท จากนั้นกดที่ “NEXT”
3. – 4. เชื่อมต่อหูฟังเข้ากับอุปกรณ์พกพาของคุณผ่านทาง Bluetooth
5. เมื่อหูฟังเชื่อมต่อ Bluetooth กับอุปกรณ์ของคุณแล้ว หน้าจอแอพฯ จะแจ้งให้รู้ จากนั้นให้กดไปที่ “Proceed”
6. ก่อนเข้าใช้งานซอฟท์แวร์ Ear ID ผู้เขียนซอฟท์แวร์จะให้เรารับทราบข้อกำหนดทางกฏหมายลิขสิทธิ์และต้องยืนยันการยินยอมด้วยการกดไปที่วงกลมทั้งสองก่อนถึงจะสามารถเข้าไปใช้ฟังท์ชั่นนี้ได้
7. มาถึงหน้านี้ แอพฯ จะชักชวนให้เราลงทะเบียนตัวหูฟัง ถ้ายังไม่ต้องการทำตอนนี้ก็สามารถกด Skip เลื่อนไปก่อนได้
8. ถึงขั้นตอนนี้คุณก็พร้อมเข้าสู่ฟังท์ชั่น Ear ID แล้ว ให้กดที่ “I’m ready”
9. ถ้ามีเฟิร์มแวร์อัพเดตเข้ามาก่อนหน้าที่คุณจะเปิดใช้งานหูฟังตัวนี้ แอพฯ จะแนะนำให้ทำการอัพเดตเฟิร์มแวร์ แต่ถ้ายังไม่พร้อม ก็สามารถเลือกอัพเดตไว้ทีหลังได้โดยกดที่ “Later”
10. แอพฯ จะพามาที่หน้าเริ่มต้นเข้าสู่การปรับตั้งฟังท์ชั่น Ear ID ให้กดที่ “Recreate”
11. กดที่ “Get Started”
12. แอพฯ จะแจ้งให้เรารู้ว่า ต้องการปริมาณแบตเตอรี่ในอุปกรณ์พกพา ไม่ต่ำกว่า 10% และจะใช้เวลาในการปรับจูนประมาณ 10 นาที และแจ้งให้รู้ถึงกระบวนการปรับจูนทั้งหมดที่แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ
– 1. ตรวจวัดปริมาณเสียงรบกวนแวดล้อมบริเวณรอบๆ ตัวเรา (ถ้ามีเสียงรบกวนมากเกินไปจะทำให้ไม่สามารถใช้ฟังท์ชั่นนี้ได้)
– 2. แอพฯ จะตรวจเช็คลักษณะการสวมใส่หูฟังว่าแนบแน่นดีพอหรือไม่
– 3. ทำการวัดประสิทธิภาพในการได้ยินของเรา
– 4. ทำการปรับชดเชยการได้ยินสำหรับเราโดยเฉพาะ
หลังจากรับทราบแล้ว กดไปที่ “Next”
13. แอพฯ จะทำการตรวจวัดปริมาณเสียงรกวนโดยรอบบริเวณที่เราอยู่ ถ้าปริมาณเสียงรกวนไม่มากเกินมาตรฐานที่โปรแกรมกำหนดไว้ ที่แอพจะแจ้งให้เรารู้ว่า “Ok to proceed” ให้กดที่ “Next”
14. ถึงหน้านี้ แอพฯ แจ้งว่าจะทำการตรวจวัดความสามารถในการได้ยินของหูแยกกันระหว่างข้างซ้ายและข้างขวา ให้เราระบุข้างที่ฟังชัดกว่า แต่ถ้าไม่แน่ใจ ให้เลือกไว้ที่ “Unsure” จากนั้นกดที่ “Next”
15. ขั้นตอนตรวจเช็คว่าคุณใส่หูฟังแนบแน่นดีหรือเปล่า.? ให้ทดสอบด้วยการกดปุ่ม “START” จะมีเสียงดังปี๊บๆ ดังขึ้นในหูเรา
16. ถ้าหูฟังอยู่ในลักษณะที่แนบแน่นดี แอพฯ จะแจ้งให้เรารู้ จากนั้นให้กด “Next”
17. ตัวโปรแกรมถูกตั้งไว้ให้ทำการตรวจวัดเฉพาะระดับเสียงที่เบาและเบามากๆ ของแต่ละย่านความถี่เท่านั้น ให้กดที่ “START” เพื่อเริ่มขั้นตอนการตรวจวัด
18. โปรแกรมจะเริ่มตรวจวัดจากหูข้างขวาก่อน โดยมีเสียงปี๊บๆ ดังขึ้นภายในหูของเรา ให้ตั้งใจฟังเสียงปี๊บๆ นั้นให้ดี เมื่อได้ยินเสียงปี๊บๆ ในหูให้กดปุ่ม “TAP” ทันที เพื่อตอบรับให้โปรแกรมรู้ว่าเราได้ยิน ถ้าไม่กดปุ่ม TAP โปรแกรมจะประเมินว่าเราไม่ได้ยินความถี่ที่ระดับความดังนั้น เมื่อการตรวจวัดเสร็จในแต่ละความถี่ แถบสีเขียวที่อยู่รอบปุ่ม TAP จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ
19. เมื่อการตรวจวัดเสร็จสิ้น ให้กดที่ “Next”
20. หลังจากนั้น โปรแกรมจะใช้เวลาชั่วครู่ในการประมวลผลเพื่อสร้างโปรไฟล์ที่แสดงความสามารถในการได้ยินของเราขึ้นมาให้เรารู้ โดยแสดงเป็นแถบสีฟ้าสำหรับหูข้างซ้ายและแถบสีเขียวสำหรับหูข้างขวา โดยที่แถบสีอ่อนจะแทนความถี่สูง และแถบสีเข้มจะแสดงแทนความถี่ต่ำ ถือเป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอน ให้กดที่ “Done” เพื่อออกจากโปรแกรม /
********************
REVIEW : Nuheara IQbuds2 MAX