เป็นธรรมชาติของคนเล่นเครื่องเสียง ถึงจะมีชุดใหญ่ในห้องฟังอยู่แล้ว ชุดหูฟังไว้พกพาไปฟังนอกบ้านก็มีแล้ว ก็ยังอยากจะได้ชุดฟังเพลงแบบลำลอง ชุดเล็กๆ ไว้ฟังเล่น เอามาวางเท่ๆ ในห้องรับแขกสักชุด “..คุณธานี ช่วยเลือกให้หน่อยครับ แต่ผมไม่อยากได้ลำโพงบลูทูธแบบตัวเดียวจบนะครับ อยากได้เป็นชุดแบบแยกแอมป์กับลำโพง แต่ไม่เอาใหญ่มาก จะไปวางบนโต๊ะวางโทรศัพท์ในห้องรับแขก ไว้ฟังแบบลำลอง..”
“ชุดลำลอง”
ชุดฟังเล่นสำหรับนักเล่นเครื่องเสียง
ให้จำไว้เลยนะ คำพูดของนักเล่นเครื่องเสียงไม่ต่างอะไรกับคำพูดของหญิงสาวตอนที่มีผู้ชายไปจีบ คือถ้าพวกเขาพูดว่า ขอชุดง่ายๆ ฟังเล่นๆ ไม่ซีเรียส ความจริงก็คือ ซีเรียสมาก คืออยากได้ชุดเล็กๆ แต่ที่สำคัญแต่ไม่ได้บอกก็คือ “ต้องเสียงดี” ด้วยนะ!
อีกโจทย์ที่ยากมากสำหรับผมนั่นคือ “..ผมวางงบไว้ไม่เกินสองหมื่นนะครับ รวมหมด! ” อือมม.. source + amp + speaker + cable ทั้งหมดนี้ไม่เกินสองหมื่น สำหรับชุดเล็กๆ เสียง (ต้อง) ดี!!
source + amp
ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว
โปรเจคค้นหาตามคำร้องขอเริ่มต้นขึ้น ก่อนจะเดินทางออกไปค้นหาเครื่องเครามาจัดชุด ผมต้องลุกจากเก้าอี้ทำงานไปดริปกาแฟร้อนๆ มานั่งจิบเพิ่มจินตนาการ เริ่มด้วยการตีโจทย์ที่ต้องการให้แตกก่อน ทุกแนวทางต้องไม่ลืมคำนึงถึง “งบประมาณ” ด้วย เพราะผมบอกผู้ร้องขอไปว่า งบประมาณสองหมื่นบาทยังพอจะหาลำโพงไร้สายแบบตัวเดียวจบที่เสียงดีได้ เขาย้อนกลับมาทันทีว่า “งั้นผมตั้งงบสองหมื่นแล้วกัน แต่ไม่เอาลำโพงบลูทูธตัวเดียวจบ ผมอยากได้ชุดฟังเล่นแบบที่นักเล่นเครื่องเสียงฟังแล้วแฮ้ปปี้ได้ ไม่อยากเอามาแค่ประดับโต๊ะรับแขก! “
เรื่องเสียงดีหรือไม่ดีผมไม่ห่วงเพราะลองฟังก็รู้ แต่จะแม็ทชิ่งซิสเต็มยังไงให้มีครบทุกอย่างโดยที่มีงบให้แค่สองหมื่นนี่ซิ.. โจทย์ยาก.!!
นั่งคิดไปจนกาแฟจะหมดแก้ว ผมก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า ต้องหาแอมป์ที่มี source ในตัว อย่างเช่นมีภาค DAC ในตัว ซึ่งในตลาดก็มีอินติเกรตแอมป์ที่มีภาค DAC ในตัวอยู่เยอะแยะ แต่หลังจากเปิดคอมพิวเตอร์ลองค้นหาอินติเกรตแอมป์แบบที่ว่าอยู่พักใหญ่ ผมก็พบว่า ส่วนมากจะมีราคาเกินหมื่นทั้งนั้น และส่วนใหญ่จะเฉียดสองหมื่นหรือไม่ก็สองหมื่นต้นๆ ทั้งๆ ที่เป็นรุ่นเล็กสุด อีกอย่าง ภาค DAC ที่ให้มาก็ต้องไปหาเพลเยอร์เข้ามาเสริมอีก ถ้าไม่เป็น CD Transport เข้าทางช่อง Coaxial หรือ Optical ก็ต้องเล่นไฟล์เพลงจากคอมพิวเตอร์ผ่านเข้าทางช่อง USB ซึ่งไม่ต้องพูดถึงความซับซ้อนยุ่งยากที่จะทำให้ไม่ใช่ชุดลำลองอย่างที่ต้องการ อีกอย่าง ต้องเจียดงบไปซื้อซีดี ทรานสปอร์ต หรือคอมพิวเตอร์อีก สายต่อต่างๆ อีก สรุปคือแนวทางนี้ไม่เวิร์ค.!!
ก่อนที่กาแฟหยดสุดท้ายจะหลุดผ่านคอหอย มีไอเดียหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัว ถ้าเน้น source ที่สตรีมไฟล์เพลงจากมือถือล่ะ? แบบนี้จะประหยัดค่า source ไปได้เยอะเลย ซึ่งแนวทางที่ง่ายที่สุดก็คือ หาอินติเกรตแอมป์ที่มีอินพุต Bluetooth เพื่อรองรับการสตรีมไฟล์เพลงจากมือถือ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะประหยัดงบประมาณสำหรับ source ไปได้แล้ว ยังสามารถลดงบประมาณสำหรับสายสัญญาณจาก source มาที่แอมป์ได้ด้วย อ่าาา… แบบนี้เริ่มจะมองเห็นลำแสงที่ปลายอุโมงค์บ้างแล้ว
Clef Audio รุ่น 1250
คือคำตอบแรก!
หลังจากค้นหาข้อมูลของอินติเกรตแอมป์ที่มีอินพุต Bluetooth อยู่พักใหญ่ ผมก็พบว่า อินติเกรตแอมป์ที่มีอินพุต Bluetooth ในงบประมาณไม่เกิน 10,000 บาท มีอยู่เยอะกว่าที่คิด! แต่ 99% ที่ผมค้นเจอเป็นอินติเกรตแอมป์ที่มีชื่อแบรนด์ไม่คุ้นหูเลย เกือบทั้งหมดนั้นชัดเจนว่ามีแหล่งกำเหนิดมาจากประเทศจีน บางตัวเมื่อดูจากรูป พบว่ามันมีขนาดเล็กมาก ส่วนใหญ่จะโตกว่าฝ่ามือแค่นิดเดียว และโดยมากจะใช้อะแด้ปเตอร์เป็นไฟเลี้ยง ส่วนกำลังขับแม้จะมีให้เลือกเยอะ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน 100W ต่อข้าง ซึ่งหลายๆ ตัวน่าสงสัยมาก เมื่อดูจากขนาดรูปทรงของตัวเครื่องเปรียบเทียบกับกำลังขับที่แจ้งไว้ มันดูไม่น่าไว้ใจเลย
หนึ่งในอินติเกรตแอมป์ตามสเปคฯ ที่ผมค้นพบจาก google ก็มี Clef Audio รุ่น 1250 ที่ดูเข้าตา เพราะตัวนี้มีคุณสมบัติครบตามที่ต้องการ โดยเฉพาะราคาค่าตัวอยู่ที่เจ็ดพันกว่าบาทเกือบๆ แปดพัน กำลังขับอยู่ที่ 25W ต่อข้าง ซึ่งแบรนด์นี้นักเล่นเครื่องเสียงรู้จักกันดีเพราะเป็นแบรนด์ไทย จากข้อมูลที่ค้นพบในอินเตอร์เน็ตแจ้งว่า แอมป์ตัวนี้เป็นผลงานที่ Clef Audio ออกแบบและผลิตออกมาฉลองครบรอบปีที่ 12 ของการก่อตั้งแบรนด์ Clef Audio ซึ่งแอมปลิฟายเป็นผลิตภัณฑ์หลักชนิดหนึ่งของแบรนด์นี้นอกเหนือจากอุปกรณ์ประเภทที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่ใช้กับเครื่องเสียง อย่างเช่นตัวกรองไฟ (power conditioner), ตัวคุมไฟ (power stabilizer) และปลั๊กราง


อินติเกรตแอมป์ของ Clef Audio ตัวนี้มีสัดส่วนรูปทรงอยู่ในพิกัดเล็กกระทัดรัด หน้ากว้างแค่ยี่สิบแปดเซ็นติเมตรกว่าๆ (ประมาณ 11 นิ้วนิดๆ) สูงไม่ถึงสิบเซ็นต์ฯ และลึกแค่สิบห้าเซ็นต์ฯ เท่านั้น ตัวจริงดูน่ารักดี เนื้องานก็ทำออกมาได้เรียบร้อย ดีไซน์เท่ เก๋ไก๋ ด้านข้างสองข้างไม่เหมือนกันซะด้วย ด้านหนึ่งติดตั้งฮีทซิ้งค์ (A) สำหรับระบายความร้อน ผมชอบปุ่มวอลลุ่ม (B) ที่ทำให้มีขนาดใหญ่จับเหมาะเต็มมือ ปุ่มปรับความดังได้สะดวก บนหน้าปัดเรียบง่าย นอกจากปุ่มวอลลุ่มแล้วก็มีแค่สวิทช์โยกอันเล็กๆ อีกสองอันเท่านั้น อันหนึ่งทำหน้าที่เป็นสวิทช์เลือกอินพุต (C) ซึ่งมีให้เลือกใช้อยู่ 2 อินพุตคือ Bluetooth กับ AUX (Line) กับอีกอันเป็นสวิทช์เปิด/ปิดเครื่อง (D)

แผงด้านหลังของแอมป์ตัวน้อยตัวนี้ดูคล้ายแอมป์ตัวใหญ่ มีอินพุต AUX มาให้หนึ่งชุด (E) ติดขั้วต่อ RCA สำหรับรองรับสัญญาณเสียงจากเครื่องเล่นทุกชนิดที่อยู่ภายนอก อย่างเช่น เครื่องเล่นซีดี, ภาคขยายหัวเข็มของเครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือเครื่องเล่นไฟล์เพลงที่เรียกว่าสตรีมเมอร์ก็นำมาต่อใช้งานร่วมกับแอมป์ตัวนี้ได้ ขั้วต่อ RCA ที่ให้มาสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเสียงมาตรฐานได้ทันที ไม่ต้องผ่านอะแด๊ปเตอร์ใดๆ อีกเลย ส่วนอีกอินพุตคือ Bluetooth ซึ่งใช้วิธีเชื่อมต่อกับแอมป์ตัวนี้ผ่านทางคลื่นไร้สาย ที่ตัว 1250 จึงให้เสาอากาศสำหรับรับคลื่น Bluetooth มาให้ (F) หนึ่งเสา
ที่ชอบมากคือขั้วต่อสายลำโพง (G) กับช่องเสียบสายไฟเอซี (H) ซึ่งที่ให้มานั้นเป็นรูปแบบที่เครื่องมาตรฐานใช้กันอยู่ สามารถใช้ักับสายลำโพงกับสายไฟเอซีที่ใช้กับชุดเครื่องเสียงมาตรฐานได้เลย
ราคาตั้งของ Clef Audio 1250 อยู่ที่ตัวละ 8,700 บาท แต่จากที่เห็นขายกันอยู่ตามออนไลน์และร้านเครื่องเสียงทั่วไปจะลดราคาลงมาประมาณ 10% สะระตะแล้วอยู่ที่ 7,830 บาท (สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ บ. เคลฟ ออดิโอ โทร. 02-932-5981 ถึง 2) สรุปทั้งสเปคฯ และค่าตัวอยู่ในงบสบายๆ เลยสำหรับแอมป์ตัวนี้
คัดเลือกลำโพง
แอมป์ตัวน้อยของ Clef Audio ให้กำลังขับข้างละ 25 วัตต์ จะว่าน้อยก็น้อย แต่เนื่องจากภาคขยายเขาดีไซน์เป็น class-AB และภาคอินพุตที่ใช้รับสัญญาณดิจิตัล อินพุตเข้ามาจัดการถอดรหัสด้วยชิปของ Qualcomm เบอร์ CSRA64215 ก่อนจะส่งไปแปลงเป็นสัญญาณอะนาลอกด้วยภาค DAC ภายในตัวที่ทำหน้าที่โดยชิปของ TI (BurrBrown) เบอร์ PCM5102A 32bit/384kHz แล้วจัดส่งสัญญาณอะนาลอก เอ๊าต์จากชิป DAC ตรงเข้าภาคขยาย class-AB ที่ว่า ซึ่งหากออกแบบได้ดี ด้วยวิธีการเชื่อมต่อชิป DAC กับภาคขยายเข้าด้วยกันแบบนี้จะทำให้ได้กำลังขับที่สูงมากกว่าตัวเลขที่เห็นเพราะไม่ต้องสูญเสียเกนของสัญญาณไปกับสายสัญญาณ
ด้วยสเปคฯ ของแอมป์ลักษณะข้างต้น บวกกับงบประมาณที่จำกัด หักลบค่าแอมป์ไปแล้ว จึงเหลือของลำโพงไว้ไม่เกินหนึ่งหมื่น และขนาดของลำโพงก็ควรจะดูสมดุลกับขนาดของแอมป์ด้วย ทางเลือกของลำโพงจึงบีบลงมาที่ลำโพงสองทางวางหิ้งขนาดเล็ก เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ผมก็เดินทางไปที่ร้านไฮไฟ ทาวเวอร์เพื่อค้นหาลำโพงที่เหมาะสมกับสเปคฯ ที่ต้องการ (ที่นั่นมีลำโพงให้เลือกเยอะ!) ผมได้มา 2 คู่คือ Wharfedale รุ่น D310 กับ Mission รุ่น LX-1 ซึ่งมีขนาดตัวตู้อยู่ในพิกัดที่ต้องการ และราคาก็ไม่เกินงบด้วย

ต้องขอบคุณร้านไฮไฟ ทาวเวอร์ด้วยที่ให้ยืมลำโพงมาเพื่อทดลองแม็ทชิ่งกับแอมป์ของ Clef Audio ครั้งนี้ ซึ่งตอนที่เลือกมา นอกจากจะพิจารณาที่รูปร่างภายนอกและดูที่ราคาไม่เกินงบแล้ว ทางด้านสเปคฯ ผมดูแค่ว่ามันแนะนำกำลังขับของแอมป์ไว้เท่าไหร่ กะว่าให้กำลังขับ 25 วัตต์ของแอมป์ฯ 1250 สามารถขับออก ซึ่งตัว D310 แนะนำกำลังขับของแอมป์ที่เหมาะสมเอาไว้ระหว่าง 20 – 60W ในขณะที่ LX-1 แนะนำไว้ที่ 20 – 80W ใกล้เคียงกันมาก เลยขอยืมมาทั้งสองคู่เลย
Wharfedale รุ่น D310
คู่แท้ที่ลงตัว!
หลังจากทดลองต่อลำโพง D301 กับ LX-1 ทดลองฟังทีละคู่อยู่พักใหญ่ ผมพบว่า Clef Audio 1250 จับคู่กับ Wharfedale D301 ได้ค่าเฉลี่ยของเสียงออกมาดีกว่าจับคู่กับ Mission LX-1 ซึ่งจริงๆ แล้ว กำลังขับของ 1250 ก็สามารถขับลำโพงทั้งสองคู่นี้ออกมาได้น่าพอใจ ทว่าตอนขับ D301 มันทำงานเข้าขากันมากกว่า ให้เสียงออกมาน่าฟังกว่า โทนัลบาลานซ์สวยงาม ทุ้ม–กลาง–แหลม แยกตัวกันออกมาได้ชัดเจนมากกว่า ทุ้มกับกลางไม่ดึงกัน ทำให้เสียงร้องลอยเด่น เสียงทุ้มมีปริมาณพอตัว แหลมก็ทอดหางเสียงได้ยาวพอสมควร ที่สำคัญที่สุดคือฟังเพลงแล้วแฮ้ปปี้กับอารมณ์เพลงได้นี่แหละเรื่องสำคัญ!

Wharfedale D301 เป็นลำโพงสองทางขนาดเล็ก ใช้งานโดยวางบนขาตั้ง หรือวางบนโต๊ะ ตัวตู้ออกแบบให้ไร้เหลี่ยม ไม่มีขอบคมๆ เพราะถูกลบขอบให้มีลักษณะโค้งมน โดยรวมจึงดูสวยนุ่มตา ตัวตู้ทำสีดำทั้งตัว ดูมีเสน่ห์ ทำงานในระบบตู้เปิด โดยยิงมวลอากาศผ่านท่อระบายลงสู่พื้นด้านล่าง ทั้งระบบทำงานโดยใช้ไดเวอร์ประสานกัน 2 ตัวต่อข้าง ประกอบด้วยมิดเร้นจ์/วูฟเฟอร์ทรงกรวยทำด้วยเคลฟล่า (J) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว กับทวีตเตอร์ซอฟท์โดมขนาด 1 นิ้ว (I) ให้ความถี่เสียงตั้งแต่ 65Hz ขึ้นไปจนถึง 20kHz ความไวอยู่ที่ 86dB อิมพีแดนซ์ 4 โอห์ม (ต่ำสุด 3.6 โอห์ม)

ผมชอบขั้วต่อสายลำโพงที่ D301 ให้มา มันดูแข็งแรงและขึงขังดี เป็นขั้วต่อมาตรฐานเดียวกับลำโพงขนาดใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในวงการเครื่องเสียงนั่นเอง ให้มาคู่เดียว จัดวางระยะของตัวขั้วต่อไว้ห่างกันทำให้ใส่สายลำโพงได้ง่าย ท่อระบายอากาศยิงลงด้านล่าง ที่ฐานมีขายางเตี้ยๆ ติดไว้ 4 ตัว ใช้วางบนโต๊ะได้เลย ไม่ต้องมีอะไรรองด้านล่าง
เท่าที่สอบถามทาง ร้านไฮไฟ ทาวเวอร์ (ซึ่งเป็นตัวแทนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายลำโพงรุ่นนี้) ได้ข้อมูลมาว่า ราคาตั้งของลำโพงคู่นี้เดิมอยู่ที่ 8,900 บาทต่อคู่ แต่ตอนนี้เขาทำโปรฯ อยู่ เหลือคู่ละ 5,000 บาท (สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ บ. ไฮไฟ ทาวเวอร์ 02-881-7273) โชคดีมาก ทำให้งบประมาณของเราเบาตัวไปได้เยอะ!
สายลำโพง
Furutech รุ่น FS-301

ทีแรกผมไม่ได้นึกถึงสายลำโพงที่ดีไปหว่าสายไฟเส้นใหญ่ๆ ธรรมดา เพราะคิดว่างบจะไม่พอ แต่ตอนนี้งบเราเหลือหลายพัน ผมเลยทดลองใช้สายลำโพงถูกๆ เมตรละไม่กี่สิบบาทเชื่อมต่อระหว่างแอมป์ 1250 กับลำโพง D301 สลับกับสายลำโพงเมตรละสามร้อยกว่าบาทยี่ห้อ Furutech รุ่น FS-301 ที่ผมใช้อ้างอิงทดสอบอุปกรณ์เครื่องเสียงระดับกลางๆ อยู่ ฟังเทียบกันแล้วพบว่า สายลำโพงของ Furutech รุ่น FS-301 ช่วยให้เสียงของชุดนี้ดีขึ้นมาก เสียงสะอาด เปิด พลิ้วและละเอียดน่าฟังมากขึ้น
ถ้าเข้าไปค้นหาบนออนไลน์จะพบว่าราคาขายของสายลำโพงตัวนี้สวิงอยู่ระหว่างสองร้อยกว่าบาทไปจนถึงสามร้อยกว่าบาทต่อเมตร ตีเป็นตัวเลขกลมๆ เผื่อเหลือไว้สักสี่ร้อยบาทต่อเมตรก็แล้วกันจะได้คำนวนง่ายๆ ใช้จริงถ้าวางบนโต๊ะวางโทรศัพท์ในห้องรับแขก ลำโพงทั้งสองข้างก็ไม่น่าจะห่างกันเกิน 2 เมตร เผื่อให้อีกหน่อยเป็นเส้นละ 1.5 เมตร ค่าสายลำโพงรวมแล้วก็อยู่ที่ (1.5×2) x 400 = 1,200 บาท พอไหว (บริษัท Clef Audio คนทำแอมป์ 1250 เป็นตัวแทนสายลำโพงตัวนี้ ถ้าสนใจก็โทรฯ ไปสอบถามเบอร์เดียวกันคือ 02-932-5981 ถึง 2)

* ขั้วต่อสายลำโพงที่เห็นในภาพนี้เป็นของ Furutech รุ่นใหญ่หน่อยราคาค่อนข้างสูง ใช้ทั้งแปดตัวจะเกินงบ เอารูปมาให้ดูลักษณะของขั้วต่อบานาน่าและลักษณะการเสียบใช้งาน
ถ้าคุณซีเรียส จะใช้วิธีปลอกสายลำโพงให้ถึงตัวนำข้างในแล้วแยงเข้าไปในรูปที่ขั้วต่อสายของตัวลำโพงแล้วขันยึดก็ได้ เขาเรียกว่าต่อแบบสายเปลือย ฟังได้เหมือนกันแต่ใช้ไปนานๆ ตัวนำที่สายลำโพงจะเกิดอ็อกไซด์เป็นสีดำๆ เขียวๆ ทำให้สัญญาณเดินไปไม่สะดวก เสียงก็จะแย่ลง ถ้าพิถีพิถันหน่อยจะป้องกันปัญหานี้ก็ต้องไปหาขั้วต่อสายลำโพงตัวผู้ (male plug) ที่คุณภาพดีหน่อยมาต่อเข้าที่ปลายสายลำโพงแต่ละข้าง เวลาใช้ก็เอาไปเสียบที่รูของขั้วต่อสายลำโพงตัวเมียที่ติดอยู่บนตัวลำโพง แนะนำเป็นขั้วต่อแบบที่เรียกว่า “บานาน่า ปลั๊ก” (banana plug) จะเสียบง่ายกว่าแบบหางปลา ราคาก็มีหลายระดับ เข้าไปค้นหาในออนไลน์จะให้เลือกเยอะ อย่างถ้าเป็นแบบถูกๆ ยี่ห้อ Deltron Black () ราคาแค่ตัวละร้อยกว่าบาท หรือจะเอาแบบดีหน่อยตัวละหลายร้อยกว่ามี หลักพันยังมีเลย แต่อย่าลืมว่าเราต้องใช้ทั้งหมด 8 ตัว ต่อสายลำโพงสองเส้น จะเลือกราคาเท่าไรก็ต้องเอา 8 คูณ ยกตัวอย่างถ้าเป็นของ Deltron Black ที่ผมลองค้นหาในออนไลน์ตัวละ 148.78 บาท ตีว่า 150 บาทต่อตัว ใช้ 8 ตัวก็ 150×8 = 1,200 บาท ใช้งบเท่ากับสายลำโพง รวมเบ็ดเสร็จสำหรับสายลำโพง+ขั้วต่อบานาน่าก็คือ 2,400 บาท ก็ยังถือว่าอยู่ในงบ
สำเร็จ.!!!

ผมทดลองต่อเชื่อมแอมป์+ลำโพง ลองฟังดูแล้ว พบว่าเสียงของชุดนี้ออกมาน่าฟังมาก คุณภาพเสียงโดยรวมมันเกินหน้าเกินตาคำว่า “ชุดลำลอง” ไปไกลเลย เผลอๆ จะใช้ฟังเอาเรื่องก็ยังได้ เพราะเป็นชุดเล็กที่ให้โทนัลบาลานซ์ครบและสมดุลกันดีระหว่างปริมาณของความถี่ต่ำ–กลาง–สูง เนื้อเสียงเนียนละเอียด ไม่หยาบกระด้าง รายละเอียดดีพอสมควร ที่สำคัญคือ เปิดได้ดังมากกว่าที่คาด รับประกันว่าห้องรับขนาด ไม่เกิน 40 ตารางเมตร เสียงเต็มพื้นที่แบบฟังดีเลยล่ะ..!


ภาพด้านบนนี้ผมทดลองเชื่อมต่อ Bluetooth จาก iPhone 7 ของผมไปที่ตัวแอมป์ Clef Audio 1250 ปรากฏว่ามันเชื่อมต่อได้ง่ายมาก แค่เปิดแอมป์แล้วสับสวิทช์โยกอินพุตไปที่ BT จากนั้นก็เปิดฟังท์ชั่น Bluetooth บน iPhone 7 ก็จะมีชื่อของ “Clef 1250” โผล่ขึ้นมาที่ other devices เราก็เอานิ้วจิ้มลงไปที่ชื่อ Clef 1250 แค่นี้ก็เสร็จแล้ว หลังจากนั้นผมก็ได้ลองใช้ iPad mini2 เชื่อมต่อดูก็ทำได้ง่ายเหมือนกัน


จากนั้นผมก็ทดลองเล่นเพลงด้วยแอพฯ Onkyo HF Player ส่งสัญญาณไปที่ 1250 เสียงก็ไปปกติ แต่ทุกครั้งที่เริ่มต้นเชื่อมต่อและเล่นไฟล์เพลง ผมพบว่า วอลลุ่มที่ตัวแอพฯ Onkyo HF Player จะเริ่มต้นอยู่ที่ระดับประมาณ 30% (ศรชี้รูปบน) ซึ่งคุณอาจจะพบว่าเร่งวอลลุ่มที่ตัวแอมป์ 1250 แล้วเสียงไม่ดัง อย่าเพิ่งตกใจ ไม่ต้องยกเครื่องกลับไปเปลี่ยนที่ร้าน ให้คุณหรี่วอลลุ่มที่ตัวแอมป์ 1250 ลงมาให้หมดก่อน จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วรูดวอลลุ่มที่ตัวแอพฯ บนสมาร์ทโฟนของคุณไปให้สุด (ศรชี้รูปล่าง) จากนั้นก็ค่อยๆ เร่งวอลลุ่มที่แอมป์ขึ้นมาจนได้ความดังที่ต้องการฟัง ทิ้งวอลลุ่มที่แอมป์ไว้ตรงนั้น หลังจากนั้น ถ้าต้องการปรับความดัง ก็แค่ใช้ปลายนิ้วรูดแท่งวอลลุ่มที่แอพฯ ขึ้นๆ ลงๆ ก็ได้ วอลลุ่มที่แอมป์จะช่วยล็อคความดังเอาไว้ไม่ให้ดังจนเกินไป
ส่งมอบโปรเจคฯ
นับว่าประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ออกมาดีเกินคาดสำหรับโปรเจคค้นหาซิสเต็มขนาดเล็กในงบไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท สำหรับนักเล่นเครื่องเสียงตัวจริงที่อยากได้ชุดฟังลำลอง ฟังเล่นในห้องรับแขก แต่เน้นคุณภาพเสียงที่ดีตามมาตรฐานที่นักเล่นฯ ยอมรับได้ชุดนี้
ใครอยากให้ผมช่วยแม็ทชิ่งชุดลักษณะไหนอีกแจ้งเข้ามาได้ จะหาเวลาจัดให้! /
********************



