ชั้นวางดีๆ ต้องเป็นแบบไหน.? ต้องหนักมากๆ ใช่มั้ย.? ไม่จำเป็น! ความดี–เลวของ “ชั้นวางเครื่องเสียง” ไม่ได้วัดกันที่น้ำหนัก แม้ว่าน้ำหนักของชั้นวางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “บุคลิกเสียง” ก็ตาม แต่น้ำหนักไม่ใช่คุณสมบัติหลักที่จะใช้กำหนดความดีหรือไม่ดีของชั้นวางเครื่องเสียง
ต้องมาดูกันก่อนว่า หน้าที่หลักของชั้นวางเครื่องเสียงคืออะไร สิ่งที่เราต้องการจากชั้นวางเครื่องเสียงก็คือ ป้องกันไม่ให้ “แรงสั่นสะเทือน” ที่เกิดจากภายนอกชุดเครื่องเสียงส่งผ่านมาถึงชุดเครื่องเสียงได้ และอีกหน้าที่คือช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียงในซิสเต็มเอาไว้ ไม่ปล่อยให้แรงสั่นสะเทือนเหล่านั้นย้อนกลับไปที่อุปกรณ์เครื่องเสียงได้อีก
ผู้ผลิตชั้นวางเครื่องเสียงใช้ความรู้ทางด้านฟิสิกส์เข้ามาคิดคำนวนในการออกแบบ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจถึงพฤติกรรมในการ “แกว่ง” ของ “วัสดุ” ที่ใช้ทำไปจนถึง “รูปทรง” ของชั้นวาง ข้อมูลจากหลายๆ แหล่งพูดถึงชั้นวางเครื่องเสียงเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า ชั้นวางเครื่องเสียงที่ดีจะต้อง “ไม่สะสม” แรงสั่นสะเทือนไว้ในตัวมันนาน ถ้าชั้นวางเครื่องเสียงตัวไหนที่ทำอย่างนั้นได้ คือไม่สะสมแรงสั่นสะเทือนไว้ในตัวมัน ก็สามารถพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ชั้นวางเครื่องเสียงชุดนั้นมีความสามารถในการ “สลาย” พลังงานแรงสั่นสะเทือน (ทั้งจากภายนอกซิสเต็ม และจากภายในซิสเต็ม) ที่แผ่มาถึงตัวมันออกไปได้นั่นเอง
ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจมากขนาดไหน
ในการเลือกซื้อชั้นวางเครื่องเสียงมาใช้.??
ในแง่ของคนเล่นเครื่องเสียงทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ ไม่ต้องไปค้นหาเหตุผลว่าเพราะอะไร ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ถ้าจะหาความรู้ไว้ประดับตัวก็โอเค ใน google มีให้ค้นหาเยอะ แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจไว้อย่างหนึ่งก็คือ “ทฤษฎี” บอกให้เรารู้ว่ามีแนวโน้มที่จะทำให้ได้เสียงออกมาแบบนั้นแบบนี้ แต่เมื่อนำเอาทฤษฎีเหล่านั้นมาออกแบบชั้นวางเครื่องเสียงเสร็จแล้วเอามาใช้งานในชีวิตจริง ผลทางเสียงก็อาจจะไม่ได้ออกมาตรงตามที่ทฤษฎีว่าไว้ร้อยเปอร์เซ็นต์ มันอาจจะมีบางแง่ของเสียงที่เกิดขึ้นโดยที่ทฤษฎีไม่ได้กล่าวถึงด้วย สิ่งนั้นเขาเรียกว่า “ผลข้างเคียง” ซึ่งมีสาเหตุร้อยพันประการ (reaction ระหว่างอุปกรณ์เครื่องเสียงกับชั้นวางก็เป็นสาเหตุหนึ่งของผลข้างเคียงเหมือนกัน)
Solid Tech ‘Rack of Silence’
ทุกส่วนของดีไซน์เพื่อลดเรโซแนนซ์โดยเฉพาะ.!
มีการค้นพบมานานแล้วว่า “เรโซแนนซ์” คืออาการสั่นค้างของวัสดุส่งผลต่อ “คุณภาพเสียง” ของอุปกรณ์ต่างๆ ในชุดเครื่องเสียงอย่างมาก นับจากนั้นมา ได้เริ่มมีการผลิตอุปกรณ์เสริมขึ้นมาเพื่อช่วยซึมซับเอาอาการสั่นค้าง หรือ “เรโซแนนซ์” ออกไปจากอุปกรณ์เครื่องเสียงขณะที่มันกำลังทำงาน

Solid Tech เป็นแบรนด์จากประเทศสวีเดน เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับชุดเครื่องเสียงที่ใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากในการ “จัดการ” เรโซแนนซ์ของอุปกรณ์เครื่องเสียงอย่างได้ผล เพราะพวกเขาไม่ได้ทำแค่อุปกรณ์ “ดูดซับ” (absorb) เพื่อสลายเรโซแนนซ์ที่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์เครื่องเสียงอย่างพวก absorber ต่างๆ เท่านั้น แต่พวกเขาทำไปถึงระดับที่เรียกว่า “ป้องกัน” โอกาสที่จะทำให้เกิดเรโซแนนซ์บนตัวอุปกรณ์ตั้งแต่ต้น ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า isolate คือจับแยกไม่ให้แรงสั่นสะเทือน (vibration) ที่เกิดขึ้นบนตัวอุปกรณ์แต่ละตัวแผ่กระจายไปถึงตัวอื่นๆ จนกลายเป็นเรโซแนนซ์ที่ส่งผลเสียรุนแรง ด้วยเหตุนี้ ชั้นวางเครื่องเสียงที่ Solid Tech ออกแบบและสร้างขึ้นมาก็เพื่อ “ควบคุมแรงสั่นสะเทือน” (vibration control) ซึ่งเป็นต้นตอของ “อาการสั่นค้าง” (resonance) นั่นเอง
แผ่นรองใต้เครื่อง

“..excluding as much resonance prone material (shelf board) as possible,” วิศวกรผู้ออกแบบชั้นวางเครื่องเสียง Solid Tech ‘Rack of Silence’ แจงข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของพวกเขาถึงแนวคิดในการออกแบบโดยเริ่มต้นด้วยการคิดค้นวัสดุที่ใช้รองใต้อุปกรณ์เครื่องเสียง (เรียกว่า shelf board) ที่ไม่ “ส่งเสริม” กับการสั่นค้างออกมาใช้ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าชั้นวางที่รองใต้เครื่องเสียงแต่ละชิ้นมีคุณสมบัติที่สามารถช่วย “ยุติ” ความสั่นสะเทือนที่เกิดจากการทำงานภายในตัวอุปกรณ์เครื่องเสียงแต่ละชั้นเอาไว้ไม่ให้แพร่กระจายไปสู่อุปกรณ์ตัวอื่นๆ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้เรโซแนนซ์หมดโอกาสก่อตัวขึ้นมาในระบบนั้น
แบรนด์ Solid Tech ออกแบบและผลิตแผ่นรองใต้เครื่อง (shelf board) ออกมา 2 รูปแบบ แบบแรกคือ paint MDF ซึ่งทำด้วยแผ่นไม้ MDF ชุบผิวด้วยสีดำหรือขาว กับแบบ veneered sandwich board ซึ่งประกอบด้วยแผ่นไม้คอร์กบางๆ ปูทับด้านบนของแผ่นไม้ MDF ซึ่งเป็นชั้นที่สอง ถัดไปชั้นที่สามเป็นแผ่นซับเสียงที่มีรูพรุน จากนั้นก็เป็นแผ่นไม้ MDF อีกชั้น ประกบไว้เป็นชั้นที่สี่ก่อนจะหุ้มด้วยวีเนียร์ไว้ด้านนอก สรุปแล้วด้านในมีวัสดุซ้อนทับกันอยู่ 4 ชั้น ซึ่งแผ่นรองเครื่องที่ทาง Hi-End Audio เอามาให้ทดสอบร่วมกับชั้นวาง Rack of Silence จำนวน 4 แผ่นเป็นแบบที่สองคือ veneered sandwich board ที่มีประสิทธิภาพในการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้มากเป็นพิเศษ
วัสดุ และโครงสร้างของชั้นวาง Rack of Silence

1 = แกน (หรือคาน) ที่ใช้รับน้ำหนักของแต่ละชั้น
2 = จุดรับน้ำหนักตรงกลางแผ่น
3 = จุดเชื่อมระหว่างแกนกับเสา
4 = ตัวรองใต้แผ่นไม้ที่ช่วยดูดซับคลื่นความสั่นสะเทือ
5 = เสาอะลูมิเนียม
6 = ตัวยึดแกนเข้ากับเสา
7 = ฝาไม้ปิดบนหัวเสา
คานรับน้ำหนัก (strut)
ถ้ามองทางด้าน metallurgy จะเห็นว่า วัสดุที่ใช้เป็นพื้นฐานหลักของชั้นวางเครื่องเสียง Rack of Silence ตัวนี้ก็คือ “ไม้” กับ “อะลูมิเนียม” โดยที่ตัวคานรับน้ำหนัก (1) (ผู้ผลิตใช้คำเรียกว่า ‘strut’) มีอยู่ 2 ขนาด คือ basic strut กับ HD Strut ทั้งสองขนาดนี้ทำมาจากไม้ท่อนสี่เหลี่ยม จำนวน 4 ท่อน ต่อหนึ่งชั้น โดยไม้แต่ละท่อนที่เป็นแบบ basic strut จะมีสัดส่วนกว้าง x สูง x ยาว อยู่ที่ 2 x 3 x 30 ซ.ม. (รับน้ำหนักได้สูงสุด 40 กิโลกรัม) ส่วนแบบ HD Strut จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 2 x 5 x 30 ซ.ม. (รับน้ำหนักได้สูงสุด 80 กิโลกรัม) ต่างกันที่ความสูงกับความสามารถรองรับน้ำหนักเท่านั้น ผิวนอกหุ้มด้วยวีเนียร์สีดำ–ขาว และวีเนียร์ลายไม้เชอร์รี่, วอลนัท และมอคค่า ซึ่งในแต่ละชั้น (ผู้นำเข้าอาจจะนำเข้ามาไม่ครบทุกสี) แท่นไม้ทั้งสี่ชิ้นจะเชื่อมโยงเข้ากับวัสดุอะลูมิเนียมทรงกระบอกที่อยู่ตรงกลาง (2)

บนท่อนไม้จะมีตัวรองใต้แผ่นไม้ (4) วางสวมอยู่ท่อนละ 1 ตัว รวมเป็นชั้นละ 4 ตัว ทำมาจากอะลูมิเนียมที่มีผิวเป็นลอนๆ เพื่อสลายคลื่นความสั่นสะเทือน ด้านบนที่สัมผัสกับแผ่นไม้มีแผ่นปะเก็นติดอยู่เพื่อลดแรงกระแทกและกันลื่น ผู้ใช้สามารถขยับเลื่อนตำแหน่งของตัวรองนี้ได้โดยอิสระ ใช้ประโยชน์ในการปรับจูนเสียงด้วย

ท่อนไม้แต่ละท่อนจะถูกยึดด้วยน็อตเกลียวหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ขันทะลุผ่านกระบอกอะลูมิเนียมเข้าไปในเกลียวสลักพุกที่ฝังอยู่ในเนื้อไม้แต่ละท่อน ทำให้ท่อนไม้กับท่ออะลูมิเนียมเชื่อมติดกันอย่างแน่นหนาแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนอีกด้านของท่อนไม้จะยึดติดอยู่กับกระบอกอะลูมิเนียม (3) ด้วยน็อตหกเหลี่ยมขนาดเท่ากัน

ซึ่งกระบอกอะลูมิเนียมที่ว่านี้ (6) จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง “มากกว่า” เสา (pillar) แนวดิ่งทั้งสี่ต้น (5) ที่เป็นแกนหลักในการทอนน้ำหนักจากแกนท่อนไม้ที่รองรับน้ำหนักมาจากแผ่นไม้อีกทอดนึง กระบอกอะลูมิเนียมทั้งสี่ด้านยึดอยู่กับเสาทั้งสี่ต้นด้วยน็อตตัวใหญ่ โดยมีปลอกโลหะกับประเก็นรองรับอยู่ในช่องว่างระหว่างกระบอกอะลูมิเนียมกับเสาจำนวน 3 จุด ซึ่งน็อตตัวเมียที่รองรับเกลียวของน็อตตัวผู้ถูกฝังอยู่ในช่องว่างบนตัวเสาที่เจาะยาวลงมาในแนวดิ่ง เพื่อให้สามารถเลื่อนแกนท่อนไม้ให้สูง–ต่ำได้โดยปลดล็อคน็อตยึดทั้ง 3 ตัว ที่อยู่รอบๆ เสาทั้งสี่เสาออกมา ประโยชน์เพื่อเอาไว้ปรับระนาบของแกนท่อนไม้ให้ขนานกับพื้นตอนจูนเสียง และเอาไว้ปรับความสูงของช่องว่างระหว่างชั้นแต่ละชั้นเพื่อให้เหมาะสมกับความสูงของเครื่องเสียงที่จะวางลงบนชั้นนั้นๆ
เสาค้ำยันกระจายน้ำหนัก (pillars)
ทางผู้ผลิตมีเสารับน้ำหนักอยู่ 3 ระดับความสูง คือ 30, 60 และ 90 ซ.ม. ให้เลือกที่เหมาะสมกับจำนวนชั้นที่คุณต้องการใช้ (สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่บริษัท Hi-End Audio โทร. 062-551-2410)

เสารับน้ำหนักทั้ง 4 เสา ที่ประกอบอยู่ในชั้นวางเครื่องเสียง Rack of Silence เป็นเสาทรงกระบอกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 ซ.ม. วัสดุเป็นอะลูมิเนียมขึ้นรูป


ด้านในกลวงตลอดทั้งความสูง ที่ส่วนบนและส่วนล่างของเสามีจุกไม้ปิดไว้ (7) ส่วนความหนาของผนังเสาที่เป็นอะลูมิเนียมอยู่ที่ 2 – 3 ม.ม. ในขณะที่ผิวนอกของตัวเสาเขาดีไซน์ให้ไม่เรียบ แต่มี texture ลักษณะคล้ายๆ เสาโรมัน จุดประสงค์ก็เพื่อลดเรโซแนนซ์ที่เกิดขึ้นบนผิวนอกของเสาให้สลายไปเร็วขึ้น ไม่ให้สะสมอยู่บนตัวเสาและกระจายไปสู่จุดอื่น

ตัวจุกไม้ที่อยู่ด้านล่างของเสามีฝังเกลียวที่รองรับเดือยแหลมไว้ด้วย ซึ่งทางผู้ผลิตคือ Solid Tech เขาได้ทำจานรองเดือยแหลมที่แนะนำให้ใช้กับชั้นวางตัวนี้มาด้วย ตามที่เห็นในภาพ
Rack of Silence แบบชั้นเดี่ยว
ถูกใจผมมาก..!! ทาง Hi-End Audio ได้เอาชั้น Rack of Silence มาให้ผมทดสอบ 2 ตัว เป็นแบบ “คอนโด” ที่วางเครื่องเสียงได้ 3 เครื่อง กับแบบ “ชั้นเดี่ยว” ที่วางได้เครื่องเดียว ซึ่งตรงกับลักษณะการใช้งานของผมพอดี ซึ่งโดยปกติแล้วผมจะเอาอุปกรณ์ต้นทางกับปรีแอมป์วางไว้ที่ผนังด้านข้างทางขวามือของจุดนั่งฟัง ผมจึงจัดวาง Rack of Silence แบบคอนโดสามชั้นไว้ที่ด้านข้าง ในขณะที่ตัวที่เป็นแบบชั้นเดียว ผมเอาไปวางไว้บนพื้นห้องตรงกลางระหว่างลำโพงซ้าย–ขวาเพื่อวางอินติเกรตแอมป์หรือเพาเวอร์แอมป์



ลักษณะและองค์ประกอบทางโครงสร้างของชั้นวางแบบชั้นเดี่ยวก็เหมือนกับแบบคอนโดสามชั้น คือมีเสา 4 เสา สูงแค่ 30 ซ.ม. มีคานรับน้ำหนัก 1 ชั้น ทำด้วยท่อนไม้ 4 ท่อน เหมือนกัน ที่ส่วนล่างของเสาแต่ละต้นมีเดือยแหลมเหมือนกัน ซึ่งทางผู้นำเข้าได้เอาจานรองเดือยแหลมรุ่นใหญ่ทรงซาละเปามาให้ลองฟังด้วย
ผลทางเสียง..
ถ้าจะทดสอบประสิทธิภาพของชั้นวางเครื่องเสียงว่ามันเวิร์คมั้ย สำหรับนักเล่นเครื่องเสียง สามารถพิสูจน์ได้ง่ายๆ ด้วยการหาเพลงที่มีปริมาณความถี่ต่ำเยอะๆ ชัดๆ แล้วลองเล่นด้วยระดับวอลลุ่มที่สูงกว่าตอนฟังปกตินิดนึง จากนั้นก็ให้ทดลองเอามือไปแตะหรือจับหลวมๆ ที่ตัวชั้นวาง โดยเฉพาะส่วนที่เป็นขาตั้ง โดยดูว่า ตอนเสียงความถี่ต่ำกำลังดังอยู่นั้น ที่ขาตั้งมันสั่นตามจังหวะของเสียงความถี่ต่ำหรือเปล่า.? ถ้าสั่นตาม ก็ให้ดูว่า สั่นเยอะมั้ย.? ถ้าสั่นตาม “ทุกจังหวะ” ของเสียงทุ้มไม่ว่าจะดังหรือเบา สั่นแรงจนรู้สึกมาถึงมือที่ไปแตะบนขาของขาตั้งตัวนั้นอย่างชัดเจน และเป็นการสั่นต่อเนื่องยาวๆ แบบนี้ก็แสดงว่า ชั้นวางเครื่องเสียงตัวนั้นไม่สามารถสลายแรงสั่นจากภายนอกซิสเต็มได้ ถ้าชั้นวางตัวไหนไม่มีอาการสั่นไปตามเสียงความถี่ต่ำของเพลงที่กำลังเล่นอยู่เลย หรือสั่นแค่เบาๆ และสั้นๆ ก็แสดงว่าชั้นวางเครื่องเสียงตัวนั้นมีคุณสมบัติในการสลายเรโซแนนซ์ได้ดี

เพลง : Kradem ti se u veceri (https://tidal.com/browse/track/114542272?u)
อัลบั้ม : Bass Room (TIDAL HIGH/FLAC-16/44.1)
ศิลปิน : Nanad Vasilic
แต่การทดสอบที่ชัดเจนที่สุดก็คือทดลองฟังด้วยเพลงที่คุ้นเคย ผมลองเล่นเพลง ‘ Kradem ti se u veceri ’ จากอัลบั้มชุด Bass Room ซึ่งเป็นเพลงบรรเลงเดี่ยวอะคูสติกเบสของ Nenad Vasilic แล้วเร่งวอลลุ่มขึ้นไปสูงๆ จนเสียงเบสดังเต็มห้อง จากนั้นก็ทดลองเอามือไปแตะที่ขาของชั้นวาง Solid Tech รุ่น Rack of Silence (regular) ที่กำลังทำการทดสอบอยู่นี้ พบว่า ตรงขาตั้งของชั้นวางตัวนี้มีแรงสั่นเกิดขึ้นแค่เบาๆ และสั่นแค่สั้นๆ เท่านั้น แสดงว่าชั้นวางเครื่องเสียงของ Solid Tech ตัวนี้สามารถซึมซับพลังงานคลื่นความถี่ต่ำไม่ให้ถ่ายทอดเข้าไปถึงอุปกรณ์เครื่องเสียงได้จริง เมื่อคลื่นความถี่ต่ำจากภายนอกซิสเต็มถูกสลายไปก่อนจะเดินทางเข้ามาถึงตัวเครื่องเสียงและสะสมจนกลายเป็น resonance คลื่นความถี่ต่ำที่เกิดขึ้นภายนอกซิสเต็มก็ไม่สามารถแผ่เข้ามาทำอันตรายให้กับการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเสียงที่วางอยู่บนชั้นวางนั้นได้ ซึ่งผมรับรู้ถึงผลลัพธ์ของชั้นวางตัวนี้ผ่านทางเสียงที่โปร่งลอย มีการแบ่งเลเยอร์ของเวทีเสียงที่มีความตื้น–ลึกของวงที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ซ้อนทับกันออกมาเป็นก้อนทึบๆ และที่เด่นมากๆ ก็คือ “รายละเอียด” ของเสียงแต่ละเสียงที่ถูกคลี่คลายตั้งแต่หัวเสียงลงไปจนถึงระดับฮาร์มอนิกที่ทอดตัวเป็นหางเสียงออกไปได้แบบนิ่งๆ และยืดยาวไปจนสุดปลายเสียง ชั้นวาง Solid Tech ตัวนี้มันทำให้ผมได้ยินเสียงแต่ละเสียงแบบ “ครบทั้งตัว” สามารถตามติดการดำเนินไปของแต่ละเสียงได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน นั่นคือ “ความต่อเนื่อง” ที่ดีเยี่ยม

ผมทดลองฟังเปรียบเทียบกัน ระหว่างวางแอมป์บนชั้นวางแบบชั้นเดี่ยวหนาๆ ของ Guizu ตัวเดิมที่ผมใช้อยู่ ซึ่งทำด้วยไม้ทั้งตัว กับวางบน Rack of Silence แบบชั้นเดี่ยว พบว่า มันคือการอัพเกรดโดยแท้ คือตอนวางบนชั้นวางไม้ของ Guizu เสียงจะออกมาหนา โดยเฉพาะในย่านกลางลงไปถึงทุ้ม ส่วนแหลมจะมีลักษณะที่ลาดปลายเสียงลงแบบนุ่มๆ ซึ่งก็ฟังดีมาก แต่พอเปลี่ยน Guizu ออกแล้วเอา Rack of Silence แบบชั้นเดี่ยวเข้าไปรองรับแทน ปรากฏว่า ปริมาณของความถี่ตั้งแต่แหลมลงมาถึงทุ้มมีความสมดุลกันมากขึ้น มีปริมาณใกล้เคียงกันมากขึ้น ไม่ได้รู้สึกว่าเสียงกลางลงไปทุ้มมีลักษณะที่หนาๆ บวมๆ แต่เป็นเสียงกลางลงไปถึงทุ้มที่มีความตึงตัว เนื้อแน่นไม่หลวม ไม่บวม และคุณสมบัติที่ดีขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับตอนวางบนชั้นวาง Guizu ก็คือ “ไทมิ่ง” ของเสียงที่มีความฉับไวมากขึ้น เห็นได้ชัดมากตั้งแต่ย่านกลางลงไปถึงทุ้ม ทำให้ได้ “จังหวะ” ของเพลงที่แม่นยำมากขึ้น และแต่ละตัวเสียงมีลักษณะรูปทรงที่สันทัดมากขึ้น แยกขาดจากกันมากขึ้นโดยมีมวลอากาศ (airy) ล้อมรอบแต่ละตัวเสียงด้วย
เบสบางมั้ย.? เมื่อเทียบกับตอนวางแอมป์บนชั้นวางของ Guizu ผมพบว่า เบสมันขยับตัวได้เร็วขึ้น ผิดกับตอนวางบนชั้นวาง Guizu ที่เบสขยับตัวช้ากว่า เลยทำให้รู้สึกว่าเบสหนากว่า แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะโน๊ตเบสแต่ละตัวมันฉีกจากกันได้ไม่เด็ดขาดมากกว่า บอดี้กับหางเบสของโน๊ตแต่ละตัวมันคาบเกี่ยวกันอยู่ กลายเป็นเบสที่สั่นค้างอยู่ในห้องนาน เลยฟังดูเหมือนหนากว่า หลังจากวางแอมป์บนชั้นวาง Rack of Silence แล้ว นอกจาก “โทนัลบาลานซ์” ที่ดีขึ้นอย่างมากตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ผมพบว่า ยิ่งฟังนาน ยิ่งรับรู้ถึงความแตกต่างในประเด็นอื่นที่ตามมามากขึ้นเรื่อยๆ

อัลบั้ม : Piano Man (DSF64)
ศิลปิน : Billy Joel
สังกัด : Mobile Fidelity Sound Lab
ผมชอบเพลง Piano Man ของบิลลี่ โจเอลมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชอบเนื้อหาของเพลง เป็นเรื่องของนักเปียโนที่รับจ้างเล่นเพลงอยู่ในบาร์ ซึ่งเขาต้องคอยรับฟังเรื่องราวของคนที่เข้ามาปรับทุกข์กับเขาอยู่ตลอดเวลา บิลลี่ โจเอลแต่งเพลงนี้ออกมาได้ดีมาก โดยเอาแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขาเอง ฟังแล้วมันได้อารมณ์แบบเห็นภาพเลย แต่คุณภาพการบันทึกเสียงของอัลบั้มนี้ไม่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไดนามิกไม่เต็ม มีอาการอั้นๆ เลยทำให้โดยรวมของเพลงมีลักษณะที่อับทึบ ไม่กระจ่างใส ไม่แน่ใจว่าต้องการสื่อถึงบรรยากาศในบาร์ที่อึมครึมไปด้วยแสงสลัวคละเคล้ากับควันบุหรี่หรือเปล่า.? แต่ลักษณะเสียงแบบนั้นทำให้แยกแยะรายละเอียดเสียงต่างๆ ที่อยู่ในเพลงออกมาได้ยาก ตอนฟังก็ต้องปล่อยให้นัวๆ ไปแบบนั้น
ผมตัดสินใจซื้อแผ่น SACD ของอัลบั้ม Piano Man ชุดนี้มาเพราะหวังว่าเสียงมันอาจจะเปิดกระจ่างมากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นซีดี แต่ก็ผิดหวัง คือเสียงโดยรวมมันสะอาดกว่าเวอร์ชั่นซีดีเท่านั้นเอง แต่ความอึมครึมและบรรยากาศที่อับทึบก็ยังอยู่ แถมจะหนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีกด้วย หนีเสือปะจรเข้โดยแท้..!!
อีกอย่างหนึ่ง ผมพบว่า Piano Man เวอร์ชั่น SACD ให้เกนเสียงออกมา “เบากว่า” เวอร์ชั่นซีดีอยู่พอสมควร ตอนฟังผมต้องเร่งวอลลุ่มที่แอมป์ขึ้นมาเยอะเลย เพื่อให้ได้ไดนามิกของเสียงที่สวิงได้กว้างมากที่สุด พอเร่งวอลลุ่มจนได้ความดังของเสียงที่พอๆ กันแล้ว ผมพบว่า เวอร์ชั่น SACD ให้เสียงที่มีความนุ่มเนียนมากกว่าเวอร์ชั่นซีดีเยอะ แม้ว่าโดยรวมจะยังคงมีความอับทึบอยู่นิดๆ ก็ตาม แต่เสียงร้องของบิลลี่, เสียงเม้าส์ออแกน และเสียงเปียโน แยกตัวออกจากกันได้ห่างและมีช่องไฟมากขึ้น เหลือแต่เสียงกลองกับเสียงเบสเท่านั้นที่ยังเกาะกลุ่มนัวเนียกันอยู่ ซึ่งตอนผมวางเพาเวอร์แอมป์บนชั้นวาง Guizu เสียงโดยรวมจะออกทึบและขุ่นมากกว่านี้ เสียงร้อง, เสียงเปียโน และเสียงเม้าส์ออแกนไม่แยกชัดขนาดนี้ แสดงว่าชั้นวางของ Solid Tech ชุดนี้ช่วยลดความขุ่นมัวของเสียงโดยรวมได้จริงๆ.!

เพลง : St. James Infirmary (https://tidal.com/browse/track/110723674?u)
อัลบั้ม : Gimmer Of Gold
ศิลปิน : Baba Blues
เพลงนี้เพิ่งเข้ามาอยู่ในลิสต์รายชื่อเพลงที่ผมใช้เป็นเพลงอ้างอิงตอนเซ็ตอัพลำโพงและชุดเครื่องเสียง เป็นเพลงบลูส์ที่ศิลปินชายคู่ Baba Blues ถ่ายทอดอารมณ์ออกมากับเสียงร้องได้ดีมาก ลีลาของเพลงออกไปทางเนิบช้าแต่เข้มลึก เสียงกีต้าร์กับเสียงโซโล่แซ็กโซโฟนบาดลึกมาก..
ผมใช้เพลงนี้ทดลองวางสตรีมมิ่ง ทรานสปอร์ต Innuos ‘PULSE’ กับ external DAC ของ Ayre Acoustics ‘QB-9 DSD Twenty’ ลงไปบนตัวรองเครื่องที่วางอยู่บนแท่งไม้ตรงๆ โดยไม่ใช้แผ่นไม้รอง หลังจากขยับตัวรองจนได้ตำแหน่งที่ลงตัวแล้ว ผมพบว่า การวางตัว PULSE กับ QB-9 DSD Twenty ลงไปบนตัวรองตรงๆ ให้เสียงออกมาโปร่งลอยกว่าวางโดยมีแผ่นไม้รองอยู่อีกชั้น คือมันได้ไปคนละแบบ ถ้าวางแผ่นไม้ลงไปบนตัวรองก่อนแล้วค่อยวางเครื่องลงไปบนแผ่นไม้อีกที ผมพบว่า เสียงที่ออกมาจะมีลักษณะหนาและแน่นมากกว่าวางลงบนตัวรองตรงๆ แต่ความโปร่งจะไม่ออกมาลอยและเปิดกว้างเท่ากับวางตัวเครื่องลงบนตัวรองตรงๆ ส่วนตัวแล้ว ผมชอบวางตัว Innuos ‘PULSE’ กับ Ayre Acpustics ‘QB-9 DSD Twenty’ บนตัวรองโดยตรงมากกว่า แต่สำหรับแอมป์ที่อยู่บนชั้นเดี่ยว ผมทดลองแล้วพบว่า มีแผ่นไม้เข้าไปเสริมให้เสียงโดยรวมออกมาดีกว่า คือได้เนื้อมวลที่หนาแน่นและได้ความนิ่งที่ดีกว่าวางลงไปบนตัวรองโดยตรงวึ่งจะให้เสียงออกมาเบาบาง ไม่แน่น เบสจะไม่ค่อยมีมวล เข้าใจว่า “น้ำหนัก” ของเครื่องที่วางน่าจะมีผล ถ้าเป็นเครื่องเสียงที่มีน้ำหนักเบา วางบนตัวรองโดยตรงจะให้เสียงโดยรวมออกมาดีกว่า คือได้ความโปร่งโล่งและได้ความกังวานของหางเสียงที่ทอดยาว ไทมิ่งก็ดี แต่ถ้าเป็นเครื่องที่มีน้ำหนักเยอะๆ คือ เกิน 10 กิโลกรัมขึ้นไป ผมพบว่า วางโดยมีแผ่นไม้เข้ามาคั่นระหว่างตัวรองกับเครื่องเสียงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
จานรองใต้เดือยแหลมก็สำคัญ.!!!


ผมทดลองเอาจานรองใต้เดือยแหลมทรงซาละเปาที่ Solid Tech ทำออกมาและแนะนำให้วางรองใต้เดือยแหลมของชั้นวางของเขาออกไป แล้วเปลี่ยนมาใช้จานรองทองเหลืองเข้าไปรองแทน ก็ได้ความหนาของเสียงมากขึ้นแต่ไม่โปร่งกระจ่างเท่ากับจานรองทรงซาละเปา ประกายเสียงก็ไม่ดีเท่าด้วย ผมทดลองเอาแผ่นไม้มาวางซ้อนกับจานทองเหลือง ก็ได้เสียงที่ออกนุ่มมากขึ้น เนื้อหนามากขึ้นหน่อยนึง ส่วนปลายเสียงแหลมมีลักษณะโรลออฟ ฟังสบายแต่ไม่สด พลังไดนามิกอ่อนไปนิด ทรานเชี้ยนต์ไม่ค่อยคม สุดท้ายก็ต้องเอาจานรองซาละเปาคืนกลับเข้าไปจึงได้เสียงที่ลงตัวมากกว่า
สรุป
ใครไม่เชื่อว่าชั้นวางเครื่องเสียงส่งผลกับเสียงมาก อยากจะแนะนำให้ไปหาโอกาสทดลองฟังเปรียบเทียบกันดูระหว่างวางเครื่องเสียงบนพื้นกับวางบนชั้นวาง คุณจะพบว่า ชั้นวางเครื่องเสียงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อใช้วางเครื่องเสียงโดยตรงอย่าง Solid Tech ของสวีเดนรุ่น Rack of Silence ชุดนี้ มันทำให้เสียงของซิสเต็มเข้ารูปเข้ารอยได้อย่างไม่น่าเชื่อ เวทีเสียงที่ปนๆ มั่วๆ อยู่จะแผ่ลอยขึ้นมาทันทีหลังจากวางเครื่องเสียงลงไป ชิ้นดนตรีก็จะเกิดการจัดเรียงอย่างมีระบบ เป็นระเบียบ ไม่ซ้อนทับกันจนมั่ว แต่ละตัวเสียงก็จะมีทรวดมีทรงขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนมากขึ้น รายละเอียดในแต่ละเพลงที่ฟังจะถูกเปิดเผยออกมาให้ได้ยินอย่างมากมาย มากจนน่าแปลกใจว่าก่อนหน้านี้มันไปหลบซ่อนอยู่ตรงไหนกัน ทำไมไม่ได้ยินว่ามีเสียงเหล่านั้นอยู่ด้วย น่าทึ่งมาก..!
นอกจากจะช่วยทำให้เสียงของซิสเต็มออกมาดีมากแล้ว ชั้นวางของ Solid Tech ชุดนี้ยังดูสวย หรูหรา อลังการมาก วางเข้าไปแล้วทำให้ซิสเต็มดูไฮโซขึ้นมาทันที.. เสียงดีต่อหู รูปลักษณ์ดีต่อตาจริงๆ ..!!!
*******************
ราคา :
Rack of Silence ‘ROS 1 Regular’ Cherry stained, Silver anodized = 34,000 บาท
Rack of Silence ‘ROS 3 Regular’ Cherry stained, Silver anodized = 76,000 บาท
*******************
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บ. HI-END AUDIO
โทร. 02-101-1988
facebook: @hiendaudiothailand



