ในยุคปัจจุบัน ที่ความสามารถของภาค DAC (Digital-to-Analog Converter) กระโดดข้ามมาตรฐาน CD และ Hi-Res 24/192 กับ DSD64 ขึ้นไปเป็น PCM 32/384 และ DSD512 ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงที่อาศัยภาค DAC แปลงสัญญาณดิจิตัลเป็นอะนาลอกทุกชนิด ทุกแพลทฟอร์ม และทุกวงการ ต้องพากันขยับตัวอัพเกรดตัวเองกันถ้วนหน้า
Sony เป็นหนึ่งในกลุ่มของผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงรายหลักของโลก ที่มีผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงที่ต้องอาศัยการทำงานของภาค DAC อยู่หลายกลุ่มสินค้า ซึ่งกลุ่มของ “Walkman” หรือเครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบพกพาถือว่าเป็นสินค้ากลุ่มหลักของ Sony ที่มีการขยับตัวมาอย่างต่อเนื่องนับจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในอนุกรม Signature Series เมื่อปี 2016 เป็นต้นมา
หลังจากมีข่าวเล็ดลอดออกมาประปรายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ถือว่าชัดเจนแล้วว่า Sony จะปล่อยเครื่องเล่น Walkman รุ่นใหม่ออกมาในตลาดเร็วๆ นี้ตามที่ปรากฏข่าวในงาน IFA 2019 ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ซึ่งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ อีกนัยหนึ่งก็ถือเป็นการฉลองครบรอบปีที่ 40 ของ Walkman ที่เริ่มต้นออกมารุ่นแรกคือรุ่น TPS-L2 เมื่อปี 1979
Walkman รุ่นใหม่ที่กำลังจะปล่อยออกมาคือรุ่น A100 กับรุ่น ZX500 ซึ่งรุ่น A100 นั้นเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น A50 โดยเอาขาดรูปทรงคล้าย A55 และเอารูปแบบดีไซน์จากรุ่น ZX300 มาผสมกัน ในขณะที่รุ่น ZX500 เป็นการต่อยอดพัฒนาจากรุ่น ZX300 ซึ่งเป็นรุ่นไฮเอ็นด์ฯ ขนาดกลางของ Sony เดิม
NW-ZX500
ในขณะที่ตัวจริงยังมาไม่ถึง (ในยุโรปคาดกันว่าเครื่องจะเริ่มมีขายประมาณพฤศจิกายน 2019) เรามาดูสเปคฯ คร่าวๆ ของตัว ZX500 กันหน่อย ซึ่งผมแอบคาดหวังว่าตัว ZX500 น่าจะเป็น “เป้าหมาย” สำหรับนักเลงหูฟังที่เน้นคุณภาพเสียงในบ้านเรา
ความสามารถคร่าวๆ ของ ZX500
– รองรับไฟล์เพลงตระกูล PCM ได้สูงสุดถึงระดับ 384kHz และตระกูล DSD ได้สูงสุดถึงระดับ DSD11.2MHz (DSD512)
– ใช้แอมปลิฟายแบบดิจิตัล S-Master HX
– สตรีมไฟล์เพลงแบบไร้สายด้วย Bluetooth ได้ถึงระดับ Hi-Res Audio ด้วยฟอร์แม็ต LDAC และ aptX HD
– มี NFC ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ ทำได้ง่ายและเร็วขึ้น
– มีฟังท์ชั่น DSEE HX ช่วยอัพสเกลสัญญาณและปรับปรุงสัญญาณที่ผ่านการสตรีมให้ได้รายละเอียดดีขึ้น
– บอดี้ทำด้วยอะลูมิเนียมที่ขึ้นรูปด้วย CNC ช่วยลดสัญญาณรบกวน
– ป้องกันปัญหาจากระบบกราวนด์ของการทำงานวงจรดิจิตัลด้วยบล็อกโลหะที่ทำจากทองแดง OFC (Oxygen Free Copper) ส่งผลให้ได้เสียงที่สะอาด
– มีช่องเอ๊าต์พุต Balanced 4.4mm
– ใช้ตะกั่วบริสุทธิ์ผสมทองเชื่อมทางเดินสัญญาณบนแผงวงจรเข้ากับแบตเตอรี่
– แยก crystall oscillator สำหรับสร้างสัญญาณนาฬิกาสำหรับฐาน 44.1kHz และ 48kHz ออกเป็นสองตัวอิสระต่อกัน ทำให้ได้สัญญาณเสียงที่มี noise ต่ำ
– ใช้แคปาซิเตอร์แบบ high polymer capacitor ที่พัฒนาและปรับจูนเสียงโดยวิศวกรของ Sony เองเพื่อจ่ายกำลังไฟให้กับช่อง Balanced output
– ส่วนภาคเพาเวอร์ซัพพลายหลักใช้แคปาซิเตอร์แบบ Electric double-layer เพื่อให้จ่ายไฟได้สูง ป้องกันปัญหาโวลดรอป
– ปรับจูนละเอียดลงไปถึงการจัดวางเลย์เอ๊าต์ของวงจรที่เกี่ยวกับเสียงและวงจรที่เกี่ยวกับการทำงานของภาคดิจิตัลให้แยกห่างจากกัน
– ใช้แคปาซิเตอร์แบบ POSCAP และ Film capacitor ในภาคเพาเวอร์ซัพพลายที่จ่ายให้กับการทำงานที่ใช้กำลังน้อยๆ
– รองรับ Android
– สามารถดาวน์โหลดไฟล์เพลงโดยตรงผ่าน Wi-Fi เพื่อใช้เล่นด้วยแอพฯ บน Android
– เปลี่ยนมาใช้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยขั้วต่อ USB-C แทนขั้วต่อมาตรฐานของ Sony เอง
– ใช้วิธีสั่งงานด้วยสัมผัสบนจอโดยตรง ซึ่งขยายหน้าจอใหญ่กว่ารุ่น ZX300 ถึง 16%
– แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 20 ชั่วโมง (เมื่อเชื่อมต่อสัญญาณเสียงระหว่างหูฟังด้วยสาย)
– ขณะเล่นเพลง หน้าจอจะแสดง UI เป็นภาพคลาสเส็ทเทป ให้ความรู้สึกย้อนยุค
– เพิ่มความจุได้ด้วย micro SD card
ในเมืองไทยยังรอการประกาศตัวที่ชัดเจนว่าเครื่องเล่น Walkman ทั้งสองรุ่นจะเริ่มวางขายเมื่อไร แน่นอนว่ามีความคืบหน้าเมื่อไรจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบกันต่อไป /
****************************