ผมทำรีวิวลำโพง PA เอนกประสงค์รุ่น S1 Pro+ ของ Bose ลงบนเว็บไซต์ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (REVIEW) ซึ่งก็ได้รับความสนใจพอสมควร เพราะลำโพงตัวนี้มันมีฟังท์ชั่นที่เอื้อกับการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเป็นนักดนตรีที่รับงานเล่นเพลงตามร้านอาหาร หรือเอนเตอร์เทนฯ ในไพรเวทอีเว้นต์ขนาดย่อมๆ จะลงตัวกับลำโพง Bose ตัวนี้มาก หรือแม้แต่จะเอาไปใช้ให้ความบันเทิงในปาร์ตี้ก็ได้ ใช้ในบ้านเพื่อความบันเทิงในครอบครัว ร้องคาราโอเกะก็ได้ ครบเครื่องทั้งงานหาเงินและใช้เพื่อตอบสนองความบันเทิงส่วนตัว
หลังจากลงรีวิวตัว S1 Pro+ ไปไม่นาน ก็มีคนถามถึงรุ่น S1 Pro ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้า S1 Pro+ เพราะเห็นว่ารุ่น S1 Pro ก็ยังมีวางจำหน่ายอยู่ที่ร้านอัศวโสภณฯ ซึ่งรุ่น S1 Pro ที่ว่านี้มีราคาต่ำกว่ารุ่น S1 Pro+ อยู่พอสมควร คือตัว S1 Po+ ขายอยู่ที่ราคาตัวละ 33,790 บาท ในขณะที่รุ่น S1 Pro ราคาเพียง 29,900 บาท เท่านั้น หลายคนเลยสงสัยว่า สองรุ่นนี้ต่างกันมากมั้ย.? ตรงไหนบ้าง.? ควรจะเล่น S1 Pro ก็พอ หรือควรจะกระโดดไปเล่น S1 Pro+ ไปเลย.??
รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน..!
รูปลักษณ์ภายนอกของ S1 Pro และ S1 Pro+ มีลักษณะโดยรวมออกไปทางเดียวกัน คือตัวตู้ทำเป็นทรงห้าเหลี่ยมเหมือนกัน แต่ตัว S1 Pro จะโชว์เหลี่ยมคมๆ ของทั้ง 5 มุมออกมาชัดๆ ในขณะที่ S1 Pro+ จะปาดมุมให้มีลักษณะที่ป้านมน โดยเฉพาะตรงแผงหน้าตะแกรงที่ปิดบังไดเวอร์ของลำโพงของรุ่น S1 Pro+ จะมีลักษณะที่โค้งมน ดูอ่อนช้อยลื่นตา ในขณะที่หน้าตะแกรงของรุ่น S1 Pro จะดูขึงขัง เพราะมีเหลี่ยมคม ถือว่าสวยกันไปคนละแบบ แล้วแต่รสนิยมไม่มีใครเหนือใคร
ทางด้านขนาดของตัวเครื่องก็สูสีกัน ถ้ามองจากด้านบน Top View รุ่นดั้งเดิมคือ S1 Pro จะดูใหญ่กว่านิดๆ ส่วนน้ำหนักของรุ่นใหม่ S1 Pro+ เหมือนจะมากกว่าหน่อยๆ
ทั้งสองรุ่นจัดอ๊อปชั่นในการวางใช้งานมาพอกัน ไม่ว่าจะวางเอียงเฉียงบนพื้น, วางหน้าตรงบนโต๊ะ หรือเสียบบนขาตั้ง Tripod หรือจะยกสูงไปแขวนไว้ใต้ฝ้าก็ยังได้ ตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ทุกสถานการณ์ อันนี้ถือว่าเสมอกัน
ฟังท์ชั่นในการปรับแต่งใช้งาน
ทั้งสองรุ่นมีมิกเซอร์ฝังมาในตัวให้ 3 แชนเนล เท่ากัน ให้อินเตอร์เฟซในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ มาจำนวนเท่ากัน แต่สิ่งที่ต่างกันก็มี “ลักษณะของขั้วต่อสัญญาณ” กับ “ปุ่มควบคุม” ที่ให้สำหรับการปรับแต่งเสียง
ถ้าพิจารณาจากภาพด้านบนนั้น จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันอยู่หลายจุด อย่างแแรกคือ S1 Pro ไม่มีช่องสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอะแด๊ปเตอร์ไร้สายที่ใช้กับไมโครโฟน และไม่มีช่องจ่ายไฟเลี้ยงทางช่อง USB เหมือนรุ่นใหม่ S1 Pro+ ความแตกต่างจุดที่สองคือลักษณะการปรับตั้งค่าของสัญญาณอินพุตช่องที่ 1 กับช่องที่ 2 ซึ่งในรุ่น S1 Pro แยกการปรับตั้งค่า Reverb, Bass และ Trable ออกมาไว้ที่ปุ่มหมุน 3 ปุ่ม ที่สามารถแยกกันปรับค่าได้อิสระ รวมถึงปารปรับเลือกฟังท์ชั่น ToneMatch ก็แยกออกมาต่างหาก ในขณะที่รุ่นใหม่ S1 Pro+ จะรวมการปรับตั้งค่าทุกพารามิเตอร์ข้างต้นนั้นไปไว้ที่ปุ่ม multi function ทั้งหมด และเพิ่มจอเข้ามาให้ดูตอนปรับตั้งค่า ซึ่งจะว่าไปแล้ว คนที่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ปรับแต่งเสียงแบบอะนาลอกเดิมอาจจะมองว่าแบบแยกปุ่มอิสระอย่างรุ่น S1 Pro ใช้งานง่ายกว่า แต่บางคนบอกว่า จอภาพที่ใช้ปรับตั้งค่าของรุ่น S1 Pro+ ช่วยให้ปรับในที่มืดได้ง่ายกว่า ซึ่งก็แล้วแต่ความถนัด แต่ในการใช้งานนั้นให้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน
ในรุ่นเก่า S1 Pro ให้ขั้วต่ออินพุตสำหรับสัญญาณจากภายนอก (AUX) มาแค่แบบเดียวคือ mini 3.5mm ในขณะที่รุ่นใหม่ S1 Pro+ เพิ่มขั้วต่ออินพุตขนาดมาตรฐาน 6.3mm มาให้อีกช่องหนึ่ง ความแตกต่างจุดสุดท้ายก็คือช่องสัญญาณขาออก Line Out ซึ่งรุ่นเก่า S1 Pro ให้สัญญาณออกมาทางขั้วต่อ TRS 6.3mm ในขณะที่รุ่นใหม่ S1 Pro+ เปลี่ยนมาใช้ขั้วต่อบาลานซ์ XLR แทน
รุ่น S1 Pro เอามาทำคาราโอเกะได้มั้ย.?
สามารถทำได้.!
สมัยนี้การสตรีม YouTube ไปที่ทีวีสามารถทำได้ง่ายๆ หลายหนทาง โดยเฉพาะใครที่ใช้ Android TV ของ Sony จะยิ่งง่ายมากเพราะบนทีวีมีแอ๊ป YouTube มาให้เสร็จสรรพ ซึ่งบน YouTube ทุกวันนี้ก็มีคลิปเสียงเพลงที่ดูดเสียงร้องออกเป็นคลิปคาราโอเกะให้เลือกเยอะแยะ คุณแค่เอา S1 Pro ไปเชื่อมต่อเพื่อรับสัญญาณเสียงจากทีวีตามชาร์ตที่ให้ไว้ข้างบนนั้นได้เลย
สิ่งที่คุณต้องเพิ่มเติมเข้ามาอย่างแรกก็คือ “ไมโครโฟน” ซึ่งจะใช้แบบไร้สายหรือมีสายก็ได้ อย่างที่สองคือ ภาค DAC ที่มีอินพุต HDMI หรือ Optical ที่ต้องเอามาใช้รองรับสัญญาณดิจิตัลจากทีวี ซึ่งในภาพข้างบนนั้นผมทดลองใช้สตรีมเมอร์ยี่ห้อ Bluesound รุ่น NODE (ในวงสีแดง) ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจ
แต่ถ้าใครงบไปไม่ถึง Bluesound ให้ลองหา DAC ที่มีอินพุต HDMI ที่มีราคาย่อมลงหน่อยก็ใช้ได้ ผมลองเซิร์สหาใน google ก็เห็นว่ามีอยู่หลายตัวที่ทำแบบนี้ได้ ตัวที่เอารูปมาให้ดูราคาไม่ถึง 30 เหรียญยูเอส ต้องสั่งซื้อออนไลน์ คิดว่าก็น่าจะพอใช้ได้ หรือใครจะลองหาตัวอื่นมาลองดูก็ได้ ขอให้เป็น DAC ที่มีอินพุต HDMI หรือ Optical ก็ใช้ได้หมด
*** ข่าวดี.!!!
ทางอัศวโสภณ แจ้งโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ Bose รุ่น S1 Pro มาให้ทราบ คือตอนนี้ บนเว็บไซต์ของอัศวโสภณติดราคาขายรุ่น S1 Pro อยู่ที่ 29,900 บาท / ตัว แต่ถ้าคุณสนใจไปซื้อ S1 Pro จากหน้าร้าน ให้แจ้งไปว่าเห็นโปรโมชั่นมาจากเว็บไซต์ allabout AUDIO/VISUAL ทางอัศวโสภณจะลดราคาให้พิเศษอีก 5% เหลือเพียง 28,400 บาท / ตัว แต่ถ้าสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ ให้ใส่โค๊ด ‘ALS1P5‘ เพื่อรับส่วนลดพิเศษได้เหมือนกัน
และถ้าคุณซื้อ S1 Pro พร้อมไมโครโฟนยี่ห้อ Audix รุ่น OM3 พร้อมสายไมโครโฟนยาว 5 เมตร คุณจะซื้อได้ในราคารวมทั้งเซ็ตเพียงแค่ 33,500 บาท เท่านั้น (ลดพิเศษจากราคาเต็มทั้งเซ็ตอยู่ที่ 37,400 บาท)
*** หมายเหตุ : ลำโพง Bose รุ่น S1 Pro มีจำนวนจำกัด รีบด่วนก่อนหมด.!!!
**********
สนใจสั่งซื้อ เชิญได้ที่
อัศวโสภณ ออนไลน์สโตร์
https://bit.ly/48wrmUE
หรือซื้อได้จากโชว์รูมอัศวโสภณ ทุกสาขา
