อุปกรณ์เครื่องเสียงสมัยนี้มีอยู่มากมายหลายรูปแบบ ในมุมหนึ่งอาจจะมองว่าเป็นข้อด้อย คือทำให้รู้สึกสับสนในการเลือกใช้ แต่ถ้าย้ายไปมองมาจากอีกมุม อาจจะเห็นว่าเป็นข้อดีก็ได้ เพราะถ้าผู้ใช้สามารถโฟกัสความต้องการของตัวเองให้ชัดเจนออกมาได้จริงๆ แล้ว ความหลากหลายรูปแบบของอุปกรณ์เครื่องเสียงในปัจจุบันจะทำให้คุณสามารถคัดสรรอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างตรงจุดมากที่สุดนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการชุดเครื่องเสียงที่เน้นไปทางสตรีมมิ่งอย่างเดียวซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ฮิตอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเกิดขึ้นหลายเจ้า และต่างก็พัฒนาทั้งทางด้านประสิทธิภาพและคุณภาพกันอย่างรุดหน้า อีกทั้งมีผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงหลายแบรนด์ที่กระโดดออกมารับลูกด้วยการออกแบบและผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงของตันออกมารองรับความต้องการที่ว่ากันอย่างล้นหลามจนทำให้การสตรีมไฟล์เพลงกลายเป็นเทรนด์ฮิตในปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ประกอบกับไล้ฟ์สไตล์ของคนเมืองในปัจจุบันที่มีขนาดของที่อยู่อาศัยที่กระทัดรัดลงกว่าเดิมด้วย จึงมีส่วนช่วยหนุนให้เกิดความต้องการอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีความกระทัดรัดมากที่สุดตามมา
KEF wireless speaker แนวหน้าของวงการ
KEF เป็นแบรนด์แรกๆ ของวงการผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงยุคเก๋าที่ปรับตัวมาออกแบบและผลิตลำโพงไร้สายยุคใหม่ที่เน้นคุณภาพเสียงไปพร้อมๆ กับฟังท์ชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน เมื่อปี 2016 KEF ปล่อยตัวลำโพงไร้สาย all-in-one รุ่น LS50 Wireless ซึ่งรองรับการสตรีมไฟล์เพลงผ่านระบบเน็ทเวิร์คที่มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดในขณะนั้นออกมาสู่ตลาด และมันก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจนกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น และสร้างชื่อให้กับแบรนด์ได้มาก
หลังจากนั้น LS50 Wireless ตัวเดิมก็ได้ถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในหลายๆ จุด จนกลายมาเป็นระบบลำโพงไร้สายแบบเต็มตัว (fully active wireless stereo speaker system) ในชื่อ “LS50 Wireless II” ที่ผมกำลังจะพูดถึงอยู่ในขณะนี้
LS50 Wireless II
The BEST Keeps Getting BETTER!
คุณสมบัติสำคัญอันหนึ่งที่ส่งให้ LS50 Wireless มีความโดดเด่นก็คือไดเวอร์แบบ Uni-Q
โครงสร้างภายในไดเวอร์ Uni-Q
ซึ่งเป็นไดเวอร์ที่ออกแบบด้วยเทคนิค point source configuration คือวางไดเวอร์ขับแหลม (ทวีตเตอร์) เข้าไปแทรกอยู่ตรงใจกลางของไดเวอร์เบส/มิดเร้นจ์ที่ทำหน้าที่สร้างความถี่ในย่านกลางและทุ้ม ซึ่งเทคนิคนี้ทำให้เกิดผลดีต่อเสียงในแง่ของความกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างความถี่ย่านต่ำ–กลาง และสูง ทำให้ LS50 Wireless ให้เสียงที่มีความต่อเนื่อง ไหลลื่น และให้มิติเสียงที่ดี
ในรุ่น LS50 Wireless II ผู้ผลิตคือ KEF ได้เพิ่มเติมประสิทธิภาพการทำงานของไดเวอร์ให้สูงขึ้นด้วยการเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่เข้ามา นั่นคือ “Metamaterial Absorption Technology” หรือเรียกย่อๆ ว่า “MAT” เพื่อใช้ดูดซับพลังงานคลื่นเสียงที่เกิดขึ้นด้านหลังของไดเวอร์ขับแหลม (ทวีตเตอร์) ออกไป ซึ่งคลื่นเสียงที่ว่านี้เป็นส่วนเกินที่ส่งผลเสียต่อเสียงโดยรวมที่ไดเวอร์สร้างขึ้นมา (*เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้ในรุ่น LS50 Meta ที่ผมเคยรีวิวไปแล้วนั่นเอง – ลิ้งค์รีวิว) นอกจากจุดนี้แล้ว ทีมวิศวกรของ KEF ยังได้ทำการปรับปรุงในส่วนของภาคขยาย, ภาค DSP (Digital Signal Processing) และภาคสตรีมมิ่งให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นไปอีกขั้น พร้อมทั้งยังได้ทำการอัพเกรดแอพลิเคชั่นที่ใช้ควบคุมสั่งงานออกมาใหม่ด้วย แต่ก่อนจะไปลงรายละเอียดทางด้านประสิทธิภาพและการใช้งาน LS50 Wireless II ตัวนี้เรามาเล็งกล้องส่องไปที่ตัวลำโพงกันก่อนดีกว่า
รูปลักษณ์ภายนอก
กับฟังท์ชั่นต่างๆ
หน้าตาของ LS50 Wireless II ยังคงมาในรูปแบบของเวอร์ชั่น LS50 Wireless ตัวเดิม นั่นคือไดเวอร์ Uni-Q ถูกติดตั้งอยู่ตรงกลางของแผงหน้าที่ออกแบบให้โค้งนูนออกมา ในขณะที่ตัวตู้ส่วนที่เหลืออยู่ในรูปของกล่องสี่เหลี่ยมที่ถูกลบเหลี่ยมให้มีลักษณะโค้งมน ดูลื่นตา สัดส่วนตัวตู้ยังคงเท่ากับเวอร์ชั่นเดิม
LS50 Wireless II เป็นระบบลำโพงที่ออกแบบมาใช้กับสัญญาณเสียงสเตริโอ ในระบบจึงมีลำโพง 2 ข้างทำงานร่วมกัน โดยกำหนดให้ตัวที่ใช้สร้างสัญญาณเสียงแชนเนลขวา (Right Channel) ทำหน้าที่เป็นมาสเตอร์ (ทาง KEF ตั้งชื่อว่า “Primary”) ซึ่งจะมีสถานะเป็นศูนย์กลางของระบบ ในขณะที่ลำโพงแชนเนลซ้าย (Left Channel) จะทำหน้าที่เป็นลูกข่าย (ทาง KEF ตั้งชื่อว่า “Secondary”) คอยรับคำสั่งจากลำโพงข้างขวาอีกที
ตัวตู้ทั้งสองข้างทำงานในระบบ bass reflex โดยใช้วิธีระบายอากาศในตัวตู้ผ่านท่อระบายเบสทรงกลมรีขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง และเนื่องจาก LS50 Wireless II เป็นลำโพงแอคทีฟที่มีวงจรอิเล็กทรอนิคกับแอมปลิฟายอยู่ในตัว มันจึงต้องมีแผงฮีทซิ้งค์ที่ใช้ระบายความร้อนจากการทำงานของแอมปลิฟายแปะติดอยู่บนพื้นที่ส่วนบนของผนังด้านหลังตัวตู้ทั้งสองข้าง โดยมีแผ่นโลหะที่ทำเป็นลอนๆ ปิดทับฮีทซิ้งค์เอาไว้เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความสวยงาม ส่วนล่างของผนังด้านหลังของตัวตู้เป็นพื้นที่ติดตั้งขั้วต่อต่างๆ
ขั้วต่อด้านหลังของลำโพงข้างขวา (Primary)
1. อินพุต TV
2. อินพุต Optical
3. อินพุต Coax
4. อินพุต AUX
5. ปุ่ม Reset
6. ปุ่มกดเพื่อเชื่อมต่อระหว่างลำโพงซ้ายและขวาด้วยวิธีไร้สายผ่าน Wi-Fi
7. ปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth
8. ช่องเสียบสาย LAN เพื่อเชื่อมต่อลำโพงทั้งสองข้าง
9. ช่องส่งออกสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อกับลำโพงซับวูฟเฟอร์
10. ช่องต่อสำหรับการตรวจเช็คระบบ
11. ช่องต่อสาย LAN เพื่อเชื่อมต่อกับ router
12. ช่องเสียบสายไฟเอซี
ด้านหลังของตัวข้างซ้าย (Secondary)
A = ช่องเสียบสาย LAN ที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างข้างซ้ายและข้าวขวา
B = ช่องส่งออกสัญญาณเพื่อเชื่อมต่อกับลำโพงซับวูฟเฟอร์
C = ช่องต่อสำหรับการตรวจเช็คระบบ
D = ปุ่มกดเพื่อเชื่อมต่อระหว่างลำโพงซ้ายและขวาด้วยวิธีไร้สายผ่าน Wi-Fi
E = ช่องเสียบสายไฟเอซี
วิศวกรของ KEF เปิดโอกาสให้คุณใช้งาน LS50 Wireless II กับสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์ภายนอกได้หลากหลายและครบถ้วนมาก เริ่มจากให้ขั้วต่อ HDMI มาสำหรับเชื่อมต่อกับช่อง ARC หรือ eARC ของทีวีเพื่อรับสัญญาณเสียงจากทีวีมาขยายผ่าน LS50 wireless II ซึ่งเป็นการอัพเกรดระบบเสียงของทีวีที่มีประสิทธิภาพมาก โดยเฉพาะคนที่ใช้ทีวีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 55 นิ้วขึ้นไปจะรู้สึกแฮ้ปปี้มากเป็นพิเศษ เพราะ LS50 Wireless II จะทำให้เสียงของทีวีมีลักษณะที่เปิดกว้างมากขึ้น โอ่อ่ามากขึ้น สนามเสียงจะแผ่กว้างออกไปทัดเทียมกับขนาดของทีวีมากขึ้น และด้วยประสิทธิภาพของระบบเสียงสเตริโอที่ LS50 Wireless II ถ่ายทอดออกมา ทำให้ตำแหน่งของเสียงจากลำโพง LS50 Wireless II กับภาพบนจอมีความสัมพันธ์ตรงกันมากกว่าเสียงจากลำโพงของทีวีมาก ดูหนังเพลินขึ้นเยอะ (*ถ้าให้สมบูรณ์มากขึ้นไปอีกขั้น แนะนำให้เพิ่มลำโพงซับวูฟเฟอร์ของ KEF ที่ออกแบบมาด้วยกันคือรุ่น KC62 จะได้ความกระหึ่มเพิ่มขึ้นเวลาดูภาพยนตร์จาก Netflix)
ผังการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับ LS50 Wireless II
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบฟังเพลง ดูเหมือนว่า LS50 Wireless II จะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าคุณจะเป็นคน gen เก่าเก๋ากึ๋กที่ฟังเพลงจากแผ่นเสียง LS50 Wireless II ก็มีช่องอินพุต analog (AUX) มาให้คุณเล่นกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงของคุณ หรือคุณจะเป็นนักฟังเพลงรุ่นกลางเก่า–กลางใหม่ที่ฟังเพลงจากแผ่นซีดีผ่านเครื่องเล่นซีดี LS50 Wireless II ก็ได้จัดช่องอินพุต digital มาให้คุณเลือกใช้กับเครื่องเล่นซีดีของคุณถึง 2 รูปแบบคือ Coaxial กับ Optical หรือคุณจะเป็นคน gen ใหม่ที่ฟังเพลงผ่านสตรีมมิ่งเป็นหลัก LS50 Wireless II ก็มีช่องทางอินพุตให้คุณเลือกสตรีมไฟล์เพลงมาเล่นกับมันได้ทั้งวิธีใช้สาย (LAN/Ethernet) และวิธีไร้สายครบหมดทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth.!!
การเชื่อมต่อ
เพราะความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้รอบตัว ทำให้ LS50 Wireless II เป็นระบบลำโพงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากกับการใช้งานในห้องรับแขก มันจะตอบสนองความต้องการให้กับคุณได้อย่างครบถ้วนทั้งดูหนังและฟังเพลงด้วยคุณภาพเสียงที่ดีมาก และด้วยความสามารถในการเชื่อมโยงระหว่างลำโพงทั้งสองข้างผ่านทาง Wi-Fi ได้ ทำให้การจัดวางลำโพงมีความยืดหยุ่นสูงเมื่อนำไปใช้งานร่วมกับทีวี เพราะไม่ว่าคุณจะใช้ทีวีที่มีขนาดใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีปัญหาลำโพงบังหน้าจอ เพราะลำโพงรุ่นนี้มีวิธีเชื่อมต่อลำโพงทั้งสองข้างด้วยวิธีไร้สายให้เลือกใช้นั่นเอง
ขั้นตอนแรกของการเชื่อมต่อหลังจากยกลำโพงทั้งสองข้างออกมาจากกล่อง ก็คือเชื่อมต่อสายไฟเอซีเข้าที่ช่องเสียบปลั๊กไฟเอซีของลำโพงทั้งสองข้าง จากนั้นก็กดปุ่มเปิดที่อยู่ด้านบนตัวตู้ของลำโพงข้างขวา (ศรชี้) จากนั้น ก็ทำการเชื่อมโยงลำโพงทั้งสองแชนเนลเข้าด้วยกัน ซึ่งทำได้ 2 แบบ แบบแรกคือต่อแบบไร้สาย ด้วยการกดปุ่ม “P/S Pairing” ที่อยู่บนแผงด้านหลังของตัวลำโพง กับต่อแบบใช้สาย LAN ที่แถมมาในกล่องเสียบเข้าที่ช่อง LAN ที่เขียนว่า “TO P/S” ที่อยู่บนแผงด้านหลังของตัวลำโพงซ้ายและขวา ซึ่งหลังจากเสียบสาย LAN แล้ว ลำโพงทั้งสองตัวจะใช้เวลาไม่กี่อึดใจในการเชื่อมต่อกัน
การควบคุมสั่งงาน
KEF จัดระบบควบคุมสั่งงานสำหรับ LS50 Wireless II มาให้ครบทั้ง 3 รูปแบบ รูปแบบแรกก็คือสั่งงานด้วยการกดปุ่มสัมผัสบนตัวลำโพงข้างขวา ซึ่งมีเฉพาะคำสั่งที่จำเป็นๆ ให้เลือกใช้ นั่นคือ เปิด/ปิดเครื่อง, เลือกอินพุต, ปรับวอลลุ่มและลดเสียงชั่วคราว แบบที่สองคือสั่งงานผ่านรีโมทไร้สายที่แถมมาให้ ซึ่งบนรีโมทมีคำสั่งที่มากกว่าปุ่มสัมผัสบนตัวลำโพงอีกส่วนหนึ่ง นั่นคือคำสั่งที่ใช้ควบคุมการเล่นไฟล์เพลงผ่านแอพฯ ส่วนรูปแบบที่สามที่ถือว่าเป็นไฮไล้ท์ของ LS50 Wireless II นั่นคือควบคุมสั่งงานด้วยแอพลิเคชั่น KEF Connect บนอุปกรณ์พกพา ซึ่งรวบรวมการปรับตั้งค่าต่างๆ กับการควบคุมการเล่นไฟล์เพลงเอาไว้ในแอพฯ ตัวเดียวกันนี้ทั้งหมด เป็นช่องทางการควบคุมสั่งงาน LS50 Wireless II ที่สะดวกและมีประสิทธิภาพสูงสุด
แอพลิเคชั่น KEF Connect
ตอนที่เป็น LS50 Wireless เวอร์ชั่นแรก KEF ออกแบบแอพลิเคชั่นออกมา 2 ตัวคือ “KEF Control” ใช้ควบคุมสั่งงานฟังท์ชั่นต่างๆ ของ LS50 Wireless กับแอพฯ “KEF Stream” ที่ใช้เล่นไฟล์เพลง ซึ่งมีความไม่สะดวกในการใช้งานพอสมควร เพราะผู้ใช้ต้องสลับไป–มาระหว่างแอพฯ สองตัวนี้ พอมาถึงเวอร์ชั่นใหม่นี้ วิศวกรของ KEF ได้ทำการปรับปรุงแอพลิเคชั่นที่ใช้ในการควบคุมสั่งงาน LS50 Wireless II ขึ้นมาใหม่โดยจับเอาการควบคุมสั่งงานฟังท์ชั่นต่างๆ ของตัวเครื่องกับการควบคุมการเล่นไฟล์เพลงมาไว้ในแอพฯ ตัวเดียวกัน ชื่อว่า “KEF Connect” ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่กระโดดขึ้นมาอีกขั้น ทำให้การควบคุมสั่งงาน LS50 Wireless II ทำได้สะดวกมากขึ้นเยอะ ทั้งปรับตั้งและเลือกใช้ฟังท์ชั่นต่างๆ รวมถึงเล่นไฟล์เพลงได้ง่ายขึ้นมาก
หน้าตาของแอพฯ KEF Connect โหลดฟรีได้จาก App Store และ Google Play
แอพ KEF Connect เป็นแอพฯ ที่ KEF พัฒนาขึ้นมาให้ผู้ใช้ลำโพง LS50 Wireless II โหลดมาใช้ได้ฟรี ซึ่งมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่น Android และ iOS
ฟังท์ชั่นต่างๆ บนแอพลิเคชั่น KEF Connect
ในแอพฯ KEF Connect จะแบ่งฟังท์ชั่นต่างๆ ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ Remote (1), Music (2), EQ Settings (3) และ Settings (4) ซึ่งแต่ละกลุ่มจะถูกแทนด้วยไอค่อนสัญลักษณ์ที่เรียงอยู่ตรงพื้นที่ด้านล่างของหน้า Home (ตามภาพด้านบน)
กลุ่มแรก คือ “Remote” – เมื่อจิ้มปลายนิ้วลงไปที่สัญลักษณ์รูปรีโมทไร้สาย หน้าจอแอพฯ จะเปลี่ยนไปตามภาพด้านบน ซึ่งหน้าที่สำคัญของเมนูนี้คือเป็นที่รวมของอินพุตทั้งหมดที่ LS50 Wireless II มีไว้ให้ใช้ คือ Wi-Fi, Bluetooth, TV, Optical, COAX และ AUX คุณต้องการใช้งานอินพุตไหนก็เลือกได้ที่หน้าเมนูนี้
กลุ่มที่สอง “Music” – ไอค่อนถัดไปที่เป็นรูปตัวโน๊ตเป็นที่รวมของแหล่งต้นทาง (source) ของเพลงที่คุณต้องการฟัง ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แหล่ง แหล่งแรกคือ “In The Cloud” = รวมผู้ให้บริการสตรีมมิ่งบนอินเตอร์เน็ต อาทิ Amazon Music, DeeZer, Qobuz, Spotify และ TIDAL แหล่งที่สองคือ “Live Stream” = รวมแหล่งของสถานีวิทยุบนอินเตอร์เน็ตกับรายการสนทนา แหล่งที่สามคือ “On Your Network” = รวมแหล่งเก็บไฟล์เพลงของคุณเองที่อยู่บนเน็ทเวิร์คเดียวกัน ซึ่งจะถูกรวมอยู่ในหัวข้อ Media servers
ผมทดลองเลือกฟังไฟล์เพลงจากไฟล์ที่ผมเก็บไว้ใน NAS ของผมเองซึ่งเชื่อมต่ออยู่ในเน็ทเวิร์คเดียวกับ LS50 Wireless II เมื่อจิ้มปลายนิ้วลงไปที่ “MinimServer[MusicServer]” (ผมใช้โปรแกรม MinimServer ทำหน้าที่ MusicServer เพื่อให้ LS50 Wireless II มองเห็นและดึงไฟล์ได้) และเลือกให้แอพฯ ดึงไฟล์เพลงใน NAS ของผมออกมาโชว์ในรูปแบบของ “album” ซึ่งในนั้นมีอยู่ 3,949 อัลบั้ม แอพฯ ตัวนี้ใช้วิธีโชว์ด้วยภาพปกในกรอบสี่เหลี่ยมอยู่ทางขวาและมีชื่ออัลบั้มกับศิลปินอยู่ทางซ้าย ผมสามารถเลื่อนหน้าจอขึ้น–ลงเพื่อเลือกอัลบั้มที่ต้องการได้ ผมทดลองเลือกอัลบั้มชุด “Anita Sings The Most” ของ Anita O’Day ขึ้นมาลองฟัง ทุกอย่างทำงานได้อย่างไหลลื่นมาก เป็นแอพฯ ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีความเสถียรสูง
กลุ่มที่สาม “EQ Settings” – สัญลักษณ์ตัวที่สี่ซึ่งเป็นรูปสไลด์ปรับเสียงนั้นคือที่รวมของฟังท์ชั่นการปรับตั้ง Equalizer โดยตัวแอพฯ จะกำหนดลักษณะความซับซ้อนของการปรับตั้งไว้ 2 ระดับ ระดับแรกคือ “Normal” โดยมีหัวข้อการปรับตั้งเอาไว้ให้ 5 ข้อ คือ
1. “Where is your speaker?” (คุณวางลำโพงไว้ที่ไหน.?) = โดยมีคำตอบไว้ให้เราเลือก 2 ข้อคือ “On a stand” (บนขาตั้ง) กับ “On a desk” (บนโต๊ะ) ซึ่งทั้งสองข้อนี้จะมีผลในการปรับตั้ง EQ ที่ต่างกัน
2. “Distance from the wall” (ระยะห่างจากผนังหลัง) = มีสเกลให้เลือนเพื่อกำหนดระยะคร่าวๆ ระหว่าง <10 ซ.ม. (น้อยกว่า 10 ซ.ม.) ไปจนถึง >50 ซ.ม. (มากกว่า 50 ซ.ม.) ให้วัดระยะห่างของลำโพงกับผนังด้านหลังแล้วเลื่อนสไลด์ไปไว้ในตำแหน่งประมาณนั้น
3. “How is your room?” (สภาพอะคูสติกในห้องของคุณเป็นแบบไหน) = ข้อนี้มีคำตอบให้เลือก 3 คำตอบคือ Damped (ค่อนข้างซับเสียง), Moderate (ซับกับสะท้อนปานกลาง) และ Lively (ค่อนข้างสะท้อน) แต่ละรูปแบบของห้องที่คุณเลือกจะให้ค่าการปรับตั้ง EQ ที่ต่างกัน
4. “How large is your room?” (ห้องของคุณใหญ่แค่ไหน.?) = มีขนาดให้เลือก 3 ขนาดคือ <20 m2 (น้อยกว่า 20 ตรม.), 20-40m2 (ระหว่าง 20 ถึง 40 ตรม.) และ >40m2 (มากกว่า 40 ตรม.)
5. “How many subwoofers are you using?” (คุณใช้ซับวูฟเฟอร์กี่ตัว.?) = มีคำตอบให้เลือก 3 คำตอบคือ None (ไม่ได้ใช้), One (หนึ่งตัว) และ Two (สองตัว) เข้าใจว่าตัวเลือกนี้น่าจะเกี่ยวกับการกำหนดจุดตัดความถี่ระหว่างลำโพงหลักทั้งสองตัวกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่ใช้อยู่ในระบบ (ยังไม่ได้รับลำโพงซับวูฟเฟอร์มาลองใช้ร่วมกัน)
ส่วนระดับที่สองคือ “Expert” โดยมีหัวข้อให้ปรับตั้งที่แยกย่อยละเอียดลงไปมากขึ้น อาทิเช่น เลือกปรับปริมาณของเสียงแหลมได้ (หัวข้อ “Treble Trim”), ปรับเลือกใช้/ไม่ใช้โหมด “Phase correction” ได้, ปรับปริมาณเสียงทุ้มได้ 3 ระดับ ระหว่าง Less (น้อย), Standard (ปกติ) และ Extra (มาก) ส่วนที่มีให้ปรับตั้งเยอะหน่อยก็คือหัวข้อ “SUBWOOFER OUT” ซึ่งเป็นการปรับตั้งค่าสัญญาณที่ส่งไปให้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ภายนอก คือเริ่มตั้งแต่ มีใช้หรือไม่, ถ้ามีใช้กี่ตัว (หนึ่งหรือสอง), เลือกรุ่นของลำโพงซับวูฟเฟอร์, กำหนดจุดตัด, กำหนดความถี่สำหรับ High-pass และ Low-pass, ปรับเกน และ ปรับมุมเฟส (polarity)
ขั้นตอนการปรับตั้งนั้น ตัวแอพฯ จะให้คุณเริ่มต้นด้วยการกำหนด “Profile” ก่อนทำการปรับตั้ง ซึ่งความหมายก็คล้ายๆ กับ “Memory” นั่นเอง ประโยชน์จากการที่สามารถกำหนดโปรไฟล์ได้หลายโปรไฟล์ก็คือทำให้เราค่อยๆ ไฟน์จูนเสียงของ LS50 Wireless II ให้ออกมาดีที่สุด เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวลำโพงมากที่สุด เพื่อให้ได้เสียงออกมาถูกใจเรามากที่สุดนั่นเอง
จากการทดลองปรับตั้งฟังท์ชั่น EQ Settings ของ LS50 Wireless II ผมพบว่า ถ้าไม่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์เชื่อมต่ออยู่ในระบบ ค่า default ที่ปรับตั้งมาจากโรงงานก็ให้เสียงที่ดีพอสมควรแล้วเมื่อใช้งาน LS50 Wireless II ในห้องรับแขกทั่วๆ ไป แต่ถ้าต้องการปรับแต่งเสียงให้ออกมาถูกใจ แนะนำให้ปรับตั้งที่ระดับ “Normal” ก็พอแล้ว เพราะที่ระดับ “Expert” นั้นเขาเน้นไปที่การใช้งาน LS50 Wireless II ร่วมกับลำโพงซับวูฟเฟอร์มากกว่า
กลุ่มที่สี่ “Settings” – เป็นที่รวมของการปรับตั้งค่าอื่นๆ ของตัวลำโพง ซึ่งแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มย่อย คือ “Speaker preference”, “Volume”, “Speaker update”, “Application”, “Support” และ “About”
กลุ่มย่อย “Speaker preference” มีให้เลือกปรับ 3 หัวข้อ คือ POWER SAVER = ปรับตั้งเวลาปิดตัวเองอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน, DO NOT DISTURB = สั่งปิดการสั่งงานด้วยวิธีกดปุ่มบนตัวลำโพง (Top panel lock) และ SPEAKER SYSTEM OPTIONS = เลือกอ๊อปชั่นปรับเลือกวิธีการเชื่อมต่อระหว่างลำโพงซ้ายกับขวาด้วยวิธีใช้สายหรือไร้สาย (cable mode) และเลือกสลับสัญญาณระหว่างแชนเนล Right กับ Left (Inverse L/R speaker)
กลุ่มย่อย “Volume” มีให้เลือกปรับ 5 หัวข้อ คือ “Volume display settings” = เลือกลักษณะของสเกลการปรับตั้งวอลลุ่มบนตัวแอพ, “Hardware volume” = สั่งปิดการปรับวอลลุ่มผ่าน Wi-Fi กรณีที่เกิดซ้ำซ้อนกับอุปกรณ์อื่น, “Speaker volume sensitivity” = ปรับตั้งระดับความแรงของวอลลุ่มของแต่ละครั้งที่กดปุ่มวอลลุ่มบนตัวอุปกรณ์พกพาที่ใช้แอพ, “Maximum volume” = ปรับตั้งระดับความดังสูงสุดของลำโพง, “Balance control” = ปรับตั้งความดังระหว่างลำโพงซ้ายและขวา
กลุ่มย่อย “Speaker update” = แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับรุ่น–ชื่อ–เวอร์ชั่นเฟิร์มแวร์ และรายละเอียดของเฟิร์มแวร์แต่ละเวอร์ชั่นที่ออกมาแล้ว
กลุ่มย่อย “Application” = ปรับตั้งระดับการสตรีมสัญญาณระหว่าง Normal, High และ Hi-Fi, และเปิดแชร์ข้อมูลการใช้งานเพื่อปรับปรุงแอพและตัวลำโพง
กลุ่มย่อย “Support” = ส่งรายงานและฟีดแบ็คให้กับผู้ผลิต
กลุ่มย่อย “About” = เป็นที่รวมข้อมูลลิขสิทธิ์, ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ และข้อมูลความเป็นส่วนตัว
การฟังเพลงด้วยวิธีสตรีมมิ่ง
การเชื่อมต่อ LS50 Wireless II เพื่อการฟังเพลงด้วยวิธีสตรีมมิ่ง
การฟังเพลงผ่าน LS50 Wireless II ด้วยวิธีสตรีมมิ่งผ่านทาง Wi-Fi นั้น ที่บ้านของคุณต้องมีระบบเน็ทเวิร์คด้วย ถ้าไม่มีระบบเน็ทเวิร์ค คุณจะสตรีมได้ทาง Bluetooth อย่างเดียว กรณีที่ต้องการคุณภาพของเสียงที่ดีที่สุด โดยเฉพาะจากการเล่นไฟล์เพลงที่มีความละเอียดสูง แนะนำให้ทำการเชื่อมต่อลำโพงทั้งสองข้างเข้ากับ router (network) ด้วยสาย LAN เข้าที่ลำโพงข้างขวา ซึ่งนอกจากจะได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดแล้ว ยังได้ความเสถียรของการเชื่อมต่อที่ดีกว่าอีกด้วย
หลังจากดาวน์โหลดแอพ KEF Connect ลงมาบนอุปกรณ์พกพาของคุณแล้ว ก่อนจะใช้งานแอพฯ นี้ได้ คุณจะถูกร้องขอให้ทำการ Log in ก่อน คุณก็ต้องลงทะเบียนโดยกดปุ่ม “Create Account” แล้วกรอกอีเมลกับกำหนดพาสเวิร์คของคุณขึ้นมา เมื่อเข้าได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเชื่อมต่อระหว่างแอ๊พ KEF Connect บนอุปกรณ์พกพาของคุณกับตัวลำโพง LS50 Wireless II ของคุณโดยผ่านทางเน็ทเวิร์คที่บ้านคุณใช้อยู่ กรณีที่ง่ายที่สุดคือปรับตั้งวิธีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน router ไว้ที่ DHCP คืออนุญาตให้ router จัดการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งหลังจากขั้นตอนนี้จะใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที แอพฯ KEF Connect จะตรวจพบ LS50 Wireless II ที่เชื่อมต่ออยู่ในเน็ทเวิร์คเดียวกันขึ้นมาให้คุณเลือกเพื่อใช้ฟัง (ถ้าคุณมีอุปกรณ์ของ KEF ตัวอื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ในเน็ทเวิร์คเดียวกัน รายชื่ออุปกรณ์เหล่านั้นจะปรากฏขึ้นมาด้วย) เมื่อต้องการฟังเพลงผ่าน LS50 Wireless II ก็คลิ๊กเลือกลงไปเลย
ทดลองใช้งานและทดลองฟังเพลงผ่าน LS50 Wireless II
หลังจากได้ทดลองใช้งานและลองฟังเสียงของ LS50 Wireless II ผ่านมานานเกือบเดือนเต็มๆ ผมอยากจะบอกว่า LS50 Wireless II ตัวนี้เป็นลำโพงไร้สายแบบ all-in-one ที่มีความ “สมบูรณ์แบบ” มากที่สุดตัวหนึ่งที่ผมเคยทดสอบมา มันทำคะแนนได้สูงลิ่วใน 3 ประเด็นที่ผมตั้งโจทย์ไว้ในการทดสอบ
ประเด็นแรกคือ “ฟังท์ชั่นการใช้งาน” ซึ่งต้องบอกว่า ครบเครื่องมากจริงๆ ถึงแม้ว่าที่บ้านของคุณจะไม่มีระบบโฮมเน็ทเวิร์ค แต่คุณก็ยังสามารถใช้งาน LS50 Wireless II ตัวนี้ได้เหมือนชุดเครื่องเสียงทั่วไป ผมทดลองใช้เครื่องเล่นซีดีเล่นแผ่นซีดีแล้วต่อเชื่อมสัญญาณดิจิตัลไปเข้าที่อินพุต Coax ของ LS50 Wireless II ด้วยสายโคแอ็กฯ แล้วใช้รีโมทไร้สายปรับวอลลุ่ม ก็สามารถฟังเพลงผ่าน LS50 Wireless II ได้, ผมทดลองใช้เครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบพกพา (DAP) เล่นไฟล์เพลงแล้วต่อสัญญาณจากหูฟังไปเข้าที่อินพุต analog ของ LS50 Wireless II ก็สามารถฟังเพลงได้, และเมื่อทดลองต่อสัญญาณจากทีวีเข้ามาที่อินพุตของ LS50 Wireless II ทางช่องอินพุต HDMI ปรากฏว่าทุกอย่างก็ผ่านไปได้ฉลุย สุดท้าย คุณอาจจะสงสัยว่า เมื่อไม่มีระบบ Network จะสามารถฟังเพลงผ่าน LS50 Wireless II ด้วยวิธีสตรีมไร้สายได้มั้ย.? ทำไมจะไม่ได้.! ผมทดลองใช้ iPhone 7 ของผมเชื่อมต่อกับ LS50 Wireless II ทาง Bluetooth แล้วเล่นไฟล์เพลงด้วยแอพฯ Onkyo HF Player ไปที่ LS50 Wireless II ทางอินพุต Bluetooth ก็สามารถฟังเพลงผ่าน LS50 Wireless II ได้โดยใช้วิธีปรับวอลลุ่มจากแอพฯ Onkyo HF Player โดยตรง ทั้งสะดวกและเสียงดีน่าพอใจ..
การใช้งานทั้งหมดข้างต้นนั้น สามารถเล่นได้โดยไม่ต้องมีระบบเน็ทเวิร์คเข้ามาช่วยเลย ส่วนการควบคุมสั่งงานนอกจากจะใช้รีโมทไร้สายแล้ว ยังสามารถใช้วิธีสัมผัสที่ปุ่มบนตัวลำโพงก็ได้ด้วย
แต่ไฮไล้ท์ของ LS50 Wireless II ต้องเป็นอินพุต Wi-Fi ซึ่งเป็นอินพุตที่รองรับการเล่นไฟล์เพลงจากอินเตอร์เน็ต และเล่นไฟล์เพลงจาก media servers ที่ผมเก็บเพลงของผมไว้บนเน็ทเวิร์ค จากการทดลองเล่นไฟล์เพลงจาก TIDAL และ Spotify พบว่าแอพฯ KEF Connect ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ทุกอย่างลื่นไหล ไม่มีอาการหลุดหรือเอ๋อเลย..
ที่ประทับใจสุดๆ คือ LS50 Wireless II รองรับการเล่นไฟล์ MQA บน TIDAL ด้วย.! จากการทดลองฟังไฟล์เพลง MQA บน TIDAL มาจำนวนหนึ่ง ผมพบว่า มันถูกปรับจูนเสียงมาได้ดีมาก รู้สึกได้เลยว่าเสียงออกมาสะอาดและมีรายละเอียดที่ชัดเจนกว่าไฟล์ FLAC 16/44.1 อย่างชัดเจน จะยิ่งรู้สึกถึงความต่างได้ชัดเมื่อเปิดดังๆ นับว่าเป็นความสามารถที่โดดเด่นมากข้อหนึ่งสำหรับ LS50 Wireless II ตัวนี้ ใครที่อาศัยฟังเพลงผ่าน TIDAL จะต้องหลงรักทันที.!!
ตอนทดลองฟังเพลงที่อยู่ในฮาร์ดดิส NAS ของผมผ่านแอพ KEF Connect ผมลองเล่นไฟล์ไฮเรซฯ FLAC 24/192 ผ่านแอพฯ KEF Connect ปรากฏว่า LS50 Wireless II สามารถดึงไฟล์ 24/192 ผ่านเน็ทเวิร์คมาเล่นได้สบายๆ แถมเสียงดีมากด้วย!
และเมื่อลองดึงไฟล์ DSD จากฮาร์ดดิส NAS ของผมมาเล่นผ่าน LS50 Wireless II ก็ยิ่งประทับใจไปอีก เพราะ LS50 Wireless II มันยอมเล่นไฟล์ DSD ของผมแต่ด้วยวิธีแปลงเป็นสัญญาณ PCM ที่ระดับ 32bit/352.8kHz ซึ่งเป็นสเปคฯ ที่สูงมาก
เสียงของ LS50 Wireless II
เสียงของ LS50 Wireless II เอนเอียงมาทาง “เป็นดนตรี” มากกว่า “มอนิเตอร์” แบบเครื่องเสียงไฮไฟฯ คือมันไม่ได้ขี้ฟ้องคุณภาพของเพลงมากเหมือนเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ฯ ไม่ว่าจะเลือกเพลงอะไรขึ้นมาฟัง จะเป็นไฟล์ FLAC, WAV หรือแม้แต่ MP3 ไม่ว่าจะเป็นเพลงสากล, เพลงจีน หรือเพลงไทย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นจากไฟล์ที่เก็บอยู่ใน NAS หรือสตรีมมาจาก TIDAL เสียงที่ออกมาก็ฟังดี ฟังเพลินไปหมด สำหรับคนฟังเพลงทั่วไปน่าจะแฮ้ปปี้กับเสียงของ LS50 Wireless II ตัวนี้อย่างแน่นอน และก็น่าจะประทับใจกับลักษณะการใช้งานที่ง่ายและสะดวกของมันด้วย
ฟังแบบเอาเรื่อง.!!
ต้องไม่ลืมว่า LS50 Wireless II เป็นผลิตผลของแบรนด์ KEF ซึ่งเป็นผู้ผลิตลำโพงสำหรับวงการเครื่องเสียงมาก่อน และมีประสบการณ์มาช้านาน เมื่อ KEF มาทำลำโพงไร้สายยุคใหม่แบบนี้ ข้อนี้ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ลำโพง LS50 Wireless II คู่นี้จะมี DNA ของความเป็นไฮไฟฯ อยู่ในตัวรึปล่าว.?
ในตอนท้ายของการทดลองฟัง LS50 Wireless II ผมยกลำโพงคู่นี้เข้าไปทดลองเซ็ตอัพในห้องฟังเพลงของผม เพื่อทดลองฟังคุณภาพเสียงตามมาตรฐานของคนเล่นเครื่องเสียง ซึ่งผมได้ตำแหน่งการตั้งลำโพงตามภาพด้านบนนี้ แนะนำให้ใช้ขาตั้งที่ออกแบบมาด้วยกัน ของ KEF เองรุ่น S2 (ลิ้งค์) คุณจะทดลองเอาไปเซ็ตอัพในห้องรับแขก หรือห้องนอนก็ได้ และทดลองฟังเพลงผ่านอินพุต Wi-Fi โดยใช้แอพลิเคชั่น roon เป็นตัวเล่นไฟล์เพลง เนื่องจากพบว่า LS50 Wireless II รองรับ “Roon Ready” คือถูกจูนมาให้ทำงานร่วมกับระบบของ roon ได้ประสิทธิภาพสูงสุด หลังจากทดลองเล่นด้วยวิธีนี้ ทำให้ผมค้นพบเบื้องหลังการทำงานที่น่าสนใจของ LS50 Wireless II อีกหลายอย่าง
ผมเริ่มฟังด้วยไฟล์ WAV 16/44.1 ที่ผมริปมาจากแผ่นซีดี จากภาพหน้าจอของแอพฯ roon remote ผมพบว่า LS50 Wireless II ทำการอัพคอนเวิร์ต sampling rate ของสัญญาณต้นทางที่รับมาจาก roon ที่ระดับ 44.1kHz ให้ขึ้นไปที่ระดับ 192kHz ก่อนจะส่งเข้าสู่วงจรปรับแต่งเสียงของ LS50 Wireless II ที่ชื่อว่า “KEF Music Intergrity Engine” ให้ทำการปรับปรุงทางด้านเฟสสัญญาณ (phase correction) ให้มีความถูกต้องตรงกับต้นทางสัญญาณก่อน จากนั้นก็นำสัญญาณที่ปรับปรุงเฟสแล้วไปเข้าสู่กระบวนการขยายย่านเสียงทุ้มด้วยมาตรฐาน standard (คุณสามารถเข้าไปปรับตั้งระดับได้ในเมนูของ LS50 Wireless II) แล้วจึงขยายเสียงออกไปทางลำโพง
ขั้นตอนต่อไป ผมทดลองเล่นไฟล์เพลง MQA ที่ผมริปจากแผ่น MQA-CD ของผมออกมาเป็นไฟล์ WAV 16/44.1 ซึ่งเก็บอยู่ใน NAS ขึ้นมาฟังด้วยโปรแกรม roon แล้วส่งสัญญาณไปที่ LS50 Wireless II ผมพบว่า โปรแกรม roon ทำการตรวจสอบไฟล์ MQA ได้แล้วจัดส่งสัญญาณ PCM 16/44.1 พร้อมไฟล์ MQA ต้นฉบับไปให้ LS50 Wireless II เพื่อทำการแตกไฟล์ MQA และแปลงสัญญาณออกมาตามแซมปลิ้งเรตของสัญญาณ PCM ที่แพ็คมากับไฟล์ MQA นั้น ซึ่งก็คือแซมปลิ้งที่ระดับ 352.8kHz สรุปก็คือ LS50 Wireless II สามารถ decode และ render ไฟล์ MQA ออกมาได้สุดสายปลายทางของสัญญาณออริจินัลที่มาจากสตูดิโอนั่นเอง.!! สุดมาก..!!!
ความพิเศษของ LS50 Wireless II ยังไม่หมด.! ผมได้ทดลองเล่นไฟล์เพลง DSD64 กับไฟล์ DSD128 กับ LS50 Wireless II ด้วย ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านฉลุย โดยที่โปรแกรม roon แจ้งให้ทราบว่า LS50 Wireless II ทำการแปลงสัญญาณ DSD ให้ออกมาเป็นสัญญาณ PCM ที่ระดับแซมปลิ้ง 192kHz ก่อนจะส่งเข้าไปเช็คเฟส (ทำ phase correction) และปรับปรุงเสียงทุ้ม (Bass extension) ตามที่คุณตั้งไว้ในเมนูของ LS50 Wireless II ก่อนจะส่งต่อไปที่ภาคขยายเพื่อขยายออกลำโพงต่อไป
เสียงที่ได้จากการเล่นไฟล์เพลงร่วมกับ roon ในแง่คุณภาพเสียงโดยรวมออกมา “ใกล้เคียง” กับเล่นด้วยแอพ KEF Connect ของเขาเอง ส่วนที่ต่างกันไปอยู่ที่ลักษณะการปรับจูนเสียงของแอพฯ ทั้งสองตัว คือเสียงที่ได้จากการเล่นผ่านแอพฯ KEF Connect จะให้ความหนาของเนื้อเสียงมากกว่า ในขณะที่เสียงที่ได้จากการเล่นผ่านแอพฯ roon จะได้คอนทราสน์ไดนามิกที่เด่นกว่า ถ้าฟังจากเสียงร้องจะได้ความต่อเนื่องลื่นไหลของเสียงร้องที่ดีกว่านั่นเอง สรุปคือดี–ด้อยกันไปคนละทาง แต่เปอร์เซ็นต์ความต่างที่ว่านี้ไม่ได้มากมายจนทำให้สูญเสียอรรถรสในการฟังเพลงนะครับ คือไม่ว่าจะเล่นด้วยแอพฯ KEF Connect หรือแอพ roon เสียงของ LS50 Wireless II ก็ยังคงโดดเด่นในแง่ที่ให้ “ความเป็นดนตรี” ที่น่าฟังไม่ต่างกัน
สรุป
หลังจากได้ทดลองเล่นทดลองฟังมาแล้ว พูดได้เลยว่า LS50 Wireless II คือความสำเร็จครั้งใหญ่ของ KEF ในการออกแบบและผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักฟังเพลงในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างตรงเป้าและมีประสิทธิภาพน่าพอใจมากๆ
LS50 Wireless II ให้ทั้งความเรียบง่ายในการใช้งาน ให้ทั้งความสวยงามในการออกแบบ และให้ทั้งคุณภาพเสียงที่น่าอภิรมย์ ชวนให้เพลิดเพลินในการฟังเพลง ถึงพร้อมทั้งความเป็นไฮไฟฯ และมิวสิคเลิฟเวอร์ทุกประการ /
********************
ราคา : 99,900 บาท / คู่ (ตัวลำโพง LS50 Wireless II)
ราคา : 17,900 บาท / คู่ (ขาตั้งรุ่น S2)
สนใจเชิญที่
vgadz.com/kef