รีวิวเครื่องเสียง Mission รุ่น Mission 700 ลำโพงสองทาง/วางขาตั้ง ขนาดกลาง

Farad Azima ก่อตั้งบริษัท Mission Electronic ขึ้นมาเมื่อปี 1977 วันที่ 7 เดือน 7 (กรกฎาคม) ด้วยเหตุนี้ เลข 7 จึงเป็นเสมือนลัคกี้ นัมเบอร์สำหรับเขา นั่นคือที่มาของการนำเอาเลข 7 มาใช้ตั้งรหัสชื่อลำโพงรุ่นแรกที่เขาออกแบบและผลิตขึ้นมาภายใต้ชื่อแบรนด์ Mission ว่า “Mission 700 Series

หลังตั้งบริษัท Mission Electronics ขึ้นมาแค่ปีเดียว ฟารัด อะซิม่า ก็เปิดตัวลำโพงรุ่น Mission 770 ออกมา โดยที่รุ่นนี้ดำรงตำแหน่งเป็นรุ่นท็อปของซีรี่ย์ 700 ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Mission ต่อเนื่องเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้

Mission 700
ตัวตนที่ย่นย่อลงมาจากรุ่น Mission 770

ตอนออกแบบ Mission 770 ฟารัดมุ่งคิดแต่ทำให้ได้เสียงที่ดีที่สุดเท่านั้น เมื่อบรรลุจุดประสงค์แล้ว เขาพบว่า การดั้นด้นเพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงในอุดมคติที่เขามุ่งหวังต้องแลกมาด้วยต้นทุนมหาศาล เป็นเหตุให้เขาต้องตั้งราคาขายของรุ่น 770 ขึ้นไปสูงลิ่วเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมีเหตุผล ซึ่งราคาของ 770 ในยุคนั้นไม่ได้เอื้อต่อการทำธุรกิจในเชิงพานิชย์ มันทำจำนวนขายได้ไม่มากเท่าที่ต้องการ ด้วยเหตุนี้ ฟารัดและทีมออกแบบที่ Mission Electronics จึงเปิดโปรเจ็กต์รุ่น Mission 700 ออกมา ซึ่งเป็นรุ่นที่พยายามรักษาคุณภาพเสียงของรุ่น 770 เอาไว้ให้ได้มากที่สุด โดยใช้ต้นทุนในการผลิตต่ำที่สุด ตัดต้นทุนในการออกแบบออกไป ปรับลดในบางจุดที่ให้ผลทางเสียงไม่มากนักออกไป คงเหลือไว้แต่ประเด็นสำคัญๆ ที่เป็นเหตุปัจจัยที่ส่งผลกับคุณภาพเสียงของ 770 เอาไว้ นี่คือที่มาของ Mission 700 ที่ย่นย่อคุณภาพเสียงลงไปในประเด็นปลีกย่อย เพื่อแลกกับราคาขายที่สามารถทำให้คนทั่งโลกสัมผัสกับความเยี่ยมยอดของลำโพงอนุกรม 700 ได้ในนิยาม คุ้มเงินทุกปอนด์ที่จ่ายไป.!

IAG หรือ International Audio Group เจ้าของตัวจริงของแบรนด์ Mission ในปัจจุบันได้เปิดโปรเจ็กต์ คืนชีพMission 700 Series ขึ้นมาใหม่ ด้วยการรีดีไซน์ในบางจุดเพื่อให้ลำโพง Mission 700 Series ยุคใหม่นี้มีประสิทธิภาพสูงพอสำหรับการรองรับกับคุณภาพของสัญญาณยุคไฮเรซฯ ได้อย่างมีคุณภาพ

Mission 700 เปิดตัวในประเทศไทยเป็นรุ่นแรกของการคืนชีพครั้งนี้ โดยบริษัท HiFi Tower เป็นตัวแทนผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ทันทีที่ลำโพงรุ่น Mission 700 แลนดิ้งถึงเมืองไทย มันก็ได้รับการต้อนรับจากนักล่นฯ อย่างอบอุ่น ล็อตแรกถูกจำหน่ายออกไปจนหมดลงอย่างรวดเร็ว (ตอนนี้ล็อตใหม่เข้ามาแล้ว)

หน้าตาใกล้เคียงของเดิมมาก..!

Mission เป็นผู้ผลิตลำโพงเจ้าแรกที่คิดค้นเทคนิคการจัดวางไดเวอร์แบบที่เรียกว่า “Inverted Driver Geometry” (IDG) มาตั้งแต่ปี 1978 คือเอาทวีตเตอร์ขับเสียงแหลมไปวางไว้ใต้มิดเร้นจ์/วูฟเฟอร์ที่ขับกลางและทุ้ม แทนที่จะวางทวีตเตอร์ไว้ด้านบนตัวมิด/วูฟเฟอร์เหมือนลำโพงอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งข้อดีที่ได้จากการทำแบบนี้คือผลทางด้าน ‘time alignmentช่วยให้ความถี่ในย่านทุ้มกลางแหลมที่มาจากไดเวอร์ทั้งสองตัวเดินทางมาถึงหูของผู้ฟังพร้อมกัน ส่งผลดีกับคุณสมบัติทางด้านโทนัลบาลานซ์และเวทีเสียง

แต่การที่จะให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีก็ใช่ว่าจะแค่ย้ายตำแหน่งทวีตเตอร์จากด้านบนลงไปอยู่ด้านล่างเท่านั้น แบบนั้นมันง่ายไป แต่ที่ต้องทำมากกว่านั้นก็คือต้องคำนวนระยะห่างระหว่างตัวไดเวอร์ทั้งสองอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลทางด้าน time alignment ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ สามารถชดเชยความเร็วที่ต่างกันระหว่างความถี่ในย่านแหลมกับย่านทุ้มให้เดินทางไปถึงหูผู้ฟังพร้อมกันโดยไม่ต้องอาศัยการหน่วงเสียงแหลมด้วยวงจรเน็ทเวิร์คเข้ามาช่วย เมื่อลดความซับซ้อนของวงจรพาสซีฟ เน็ทเวิร์คให้น้อยลง ก็เลยส่งผลให้เกนของสัญญาณเสียงไม่ตกหล่นไปกับวงจรเน็ทเวิร์คมาก อีกทั้งยังลดโอกาสที่จะทำให้เกิดปัญหา phase shift (เฟสเคลื่อน) ในย่านกลางแหลมลงไปได้มากด้วย ทั้งหมดนี้คือข้อดีที่เกิดขึ้นกับเสียงที่ได้มาจากเทคนิคการวางทวีตเตอร์ไว้ด้านล่างตัวมิด/วูฟเฟอร์นี่เอง

Mission 700 เวอร์ชั่น 2022 มีขนาดตัวตู้ที่ใหญ่กว่าลำโพงสองทางมาตรฐานทั่วไป แม้ว่าไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ที่ใช้ขับเสียงกลางต่ำจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6.5 นิ้ว เหมือนกับลำโพงสองทางวางหิ้งส่วนใหญ่ทั่วไป แต่ตัวตู้ของ Mission 700 จะมี ความสูงมากกว่าลำโพงสองทางวางหิ้งทั่วไปเกือบๆ สองเท่า ในขณะที่แผงหน้าและความลึกใกล้เคียงกัน

ไดเวอร์สองตัว บวกท่อระบายเบสขนาดใหญ่ และเสริมด้วยขาตั้งที่ทำมาสำหรับ Mission 700 โดยเฉพาะ.!

ในเว็บไซต์ของผู้ผลิตให้ข้อมูลไว้ว่า ไดอะแฟรมของไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ที่ใช้ขับเสียงกลางแหลมของ Mission 700 ทำมาจากวัสดุโพลีโพรไพลีนผสมผงแร่ที่ปรับจูนมาเพื่อเจตนาให้ได้ คุณภาพของเสียงในแต่ละด้าน คือ เสียงทุ้มที่มีรายละเอียด, ถ่ายทอดความถี่เสียงโดยปราศจากสีสัน, ถ่ายทอดไดนามิกทรานเชี้ยนต์ที่ฉับไวและรุนแรง, ถ่ายทอดมิติด้านลึกที่ไล่เรียงเป็นชั้น และถ่ายทอดสปีดที่ถูกต้องแม่นยำ ผสมผสานไปกับ ความเป็นดนตรีที่ลงตัวมากที่สุด

ส่วนทวีตเตอร์ที่ขับเสียงแหลมทรงโดมครึ่งวงกลมขนาด 1.25 นิ้ว ที่ใช้ไดอะแฟรมทำมาจากไมโครไฟเบอร์เคลือบทับด้วยน้ำยาพิเศษ ซึ่งเป็นการเอาเทคโนโลยีที่อยู่ในรุ่นท๊อปของซีรี่ย์คือ Mission 770 มาใช้ โดยมีการแด้มป์ที่ช่องด้านหลังของโดมเพื่อลดเรโซแนนซ์ที่เกิดขึ้นด้านหลังของโดมทวีตเตอร์ ทำให้เสียงแหลมตั้งแต่ 3kHz ขึ้นไปจนถึง 20kHz ซึ่งสร้างขึ้นโดยทวีตเตอร์ตัวนี้มีลักษณะที่สะอาดนวลเนียน

ด้านล่างของตัวทวีตเตอร์ ใกล้ๆ ส่วนฐานของแผงหน้ามีท่อระบายเบสขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่หนึ่งท่อ เส้นผ่าศูนย์กลางที่วัดจากแผงหน้าอยู่ที่ 12 .. แต่ตัวท่อที่ฝังลึกเข้าไปในตัวตู้นั้นทำมาจากพลาสติกหล่อสีดำที่มีลักษณะค่อยๆ ตีบแคบเข้าไปด้านในจากปากท่อที่ 12 .. ค่อยๆ ลาดเข้าไปด้านในเหลือแค่ 5 .. ทำให้รูระบายเบสของลำโพงคู่นี้มีลักษณะคล้ายปากแตร ลมจากภายในตัวตู้จะเดินทางผ่านช่องกลมขนาด 5 .. ก่อนจะค่อยขยายออกเป็น 12 .. ซึ่งเป็นการออกแบบที่ทำให้ได้ประโยชน์ 2 อย่าง อย่างแรกคือลดเสียงรบกวนที่เกิดจากแรงเสียดสีของอากาศจากภายในท่อที่พุ่งออกมาด้านนอก และสองคือทำให้ความถี่ต่ำที่เกิดจากไดอะแฟรมของวูฟเฟอร์ที่ผลักอากาศเข้าไปด้านในตัวตู้ถูกดันกลับออกมาทางท่อระบายเบสกลายเป็นความถี่ที่ต่ำ 38Hz ออกมาเสริมกับเสียงทุ้มที่เกิดขึ้นจากหน้าดอกวูฟเฟอร์ ส่งผลให้เสียงทุ้มของ Mission 700 ทอดตัวลงไปได้ต่ำอย่างราบลื่น หางเสียงเบสไม่ห้วน และให้มวลที่อิ่มหนา

เพราะตัวตู้ที่ใหญ่และสูงถึง 51 .. ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของลำโพงสองทางวางขาตั้งทั่วไป ขาตั้งของ Mission 700 คู่นี้จึงต้องถูกออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยมีความสูงอยู่ที่ 46.5 .. หรือประมาณ 18.5 นิ้ว ไม่รวมเดือยแหลม ซึ่งต่ำกว่าความสูงของขาตั้งของลำโพงสองทางวางขาตั้งที่มีขนาดเล็กทั่วไปที่มีความสูงอยู่ที่ 24 นิ้ว ขาตั้งของ Mission 700 มีลักษณะเป็นโครงโปร่ง น้ำหนักเบา จัดอยู่ในกลุ่ม Low-Mass มีแผ่นแพลทเฉพาะด้านบนที่ใช้รองรับฐานของตู้ลำโพง ทำด้วยโลหะบางๆ มีเดือยแหลมมาให้ติดตั้งที่มุมด้านล่างทั้งสี่มุมของขาตั้ง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ขาตั้งจิกอยู่บนพื้นห้องได้อย่างมั่นคง ตัวเดือยแหลมมีเกลียวที่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ และช่วยปรับระนาบของลำโพงให้ตั้งฉากกับพื้นห้องด้วย

ขั้วต่อสายลำโพงแบบซิงเกิ้ล

ผมชอบมากที่ Mission 700 ให้ขั้วต่อสายลำโพงมาเป็นแบบซิงเกิ้ล เพราะมันทำให้ง่ายต่อการหาสายลำโพงมาแม็ทชิ่ง พอเป็นขั้วต่อแบบซิงเกิ้ล ก็ทำให้ใช้สายลำโพงดีๆ ได้โดยไม่ทำให้งบประมาณสูงมากไป และตัวขั้วต่อก็ทำมาดีมากด้วย ไม่ได้ใช้ขั้วต่อของแถมราคาถูก แต่เป็นขั้วต่อที่ออกแบบและผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ สัมผัสได้ถึงคุณภาพของวัสดุและเนื้องานการผลิตที่มีคุณภาพ

แอคเซสซอรี่ที่แถมมาให้

นอกจากขาตั้ง (ขาตั้งแยกขายต่างหาก แต่ทราบมาจากผู้นำเข้าว่าอาจจะจัดแพ็คขายคู่กันในราคาพิเศษ) ที่ทำขึ้นมาเพื่อ Mission 700 แล้ว ทางผู้ผลิตยังมีอุปกรณ์เสริมที่ให้มาใช้กับลำโพงคู่นี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงอีก 2 อย่าง

อย่างแรกคือ จานรองเดือยแหลมของขาตั้งลำโพงซึ่งทำมาจากโลหะ ทำเป็นเหรียญกลมๆ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 .. และมีแผ่นสักหลาดติดอยู่ด้านล่าง ช่วยเพิ่มความนุ่มเมื่อสัมผัสกับพื้นห้องที่มีความแข็งอย่างเช่น พื้นไม้ หรือพื้นปูน ซึ่งผมชอบมากเพราะที่ห้องผมเป็นพื้นไม้ พอใช้จานรองตัวนี้ทำให้ผมสามารถเลื่อนขยับตำแหน่งลำโพงได้ง่ายขึ้น แค่ใช้มือผลักขาตั้งก็สามารถเลื่อนตำแหน่งลำโพงได้แล้ว ไม่ต้องยกลำโพงขึ้นมาจากพื้น จึงจูนตำแหน่งได้ละเอียด

ถุงดำๆ ที่วางอยู่ข้างๆ จานรองเดือยแหลมก็คือแผ่นยางแข็งที่ให้มาใช้ติดที่มุมด้านล่างใต้ฐานของลำโพงแต่ละข้าง ข้างละ 4 ชิ้น เพื่อยกลำโพงให้ลอยจากแพลทของขาตั้งขึ้นมา (หนาประมาณ 3-4 ..)

แม็ทชิ่ง

ลำโพงรุ่นนี้ระบุกำลังขับที่แนะนำไว้ระหว่าง 25 – 150 วัตต์ต่อข้าง (แถบเขียว) ขณะที่ความไวอยู่ที่ 86dB (แถบแดง) ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ถ้าจะให้ชัวร์ว่าขับได้เต็มทั้งเพลงฟังและเพลงโชว์ ขับได้สุดทุกแนว และใช้ในห้องที่มีขนาดใหญ่ (ตั้งแต่ 4×6 ตรม. ขึ้นไป) แนะนำให้เลือกแอมป์ที่มีกำลังขับสูงหน่อย ระหว่าง 75% – 100% ของกำลังขับสูงสุดที่ผู้ผลิตลำโพงแนะนำคือ 112.5 (150 x 75/100) ถึง 150 วัตต์ ถ้านำไปใช้ในห้องที่มีขนาดปานกลางลงไปถึงห้องเล็กๆ (ตั้งแต่ 4×6 ลงไป) แอมป์ที่มีกำลังขับปานกลางระหว่าง 75 – 100 วัตต์ ก็น่าจะเอาอยู่ เพราะอิมพีแดนซ์ของ Mission 700 ระบุไว้ที่ 8 โอห์ม และสวิงลงไปไม่ถึงครึ่ง แค่ 5.2 โอห์ม (แถบฟ้า) เลยไม่โหดมาก

แต่มีสเปคฯ อยู่ตัวหนึ่งที่ทำให้มีแนวโน้มว่าแอมป์ที่มีกำลังขับสูงๆ แด้มปิ้งแฟ็คเตอร์สูงๆ น่าจะมีผลดีต่อคุณภาพเสียงในย่านต่ำของลำโพงคู่นี้ สเปคฯ ที่ว่าคือความสามารถในการถ่ายทอดความถี่ในย่านทุ้มนั่นเอง ที่หน้าดอกวูฟเฟอร์ทำความถี่ต่ำลงไปได้ถึง 45Hz ในขณะที่ท่อระบายเบสสามารถสร้างความถี่ต่ำให้ลงลึกไปได้ถึง 38Hz (แถบม่วง) เชื่อว่าถ้าจะทำให้ได้คุณภาพของความถี่ต่ำที่อยู่ระหว่าง 45Hz ลงไปถึง 38Hz ของลำโพงคู่นี้ออกมาอย่างมีคุณภาพ คงต้องอาศัยแด้มปิ้งแฟคเตอร์ของแอมป์เข้ามาช่วย

ในการทดสอบจริง ผมเซ็ตอัพ Mission 700 ในห้องฟังของผม แล้วใช้แอมป์ 2-3 ตัวทดลองขับลำโพงคู่นี้ เริ่มด้วย ออลอินวันของ Audiolab รุ่น Omnia (REVIEW) ที่ให้กำลังขับข้างละ 50 วัตต์ ที่ 8 โอห์ม (class AB) ตามด้วย Cambridge Audio รุ่น EVO150 ที่ให้กำลังขับข้างละ 150 วัตต์ ที่ 8 โอห์ม (class D) ก่อนจะสรุปจบด้วยอินติเกรตแอมป์ไฮเอ็นด์ Accuphase รุ่น E-280 ที่ให้กำลังขับข้างละ 90 วัตต์ ที่ 8 โอห์ม

เซ็ตอัพ

Mission 700 เจาะท่อระบายเบสยิงออกทางด้านหน้า ซึ่งมีความหมายสองนัยยะ โดยทั่วไปจะเข้าใจว่าสามารถวางลำโพงชิดผนังหลังได้มากกว่าแบบท่อยิงออกด้านหลัง แต่กรณีของ Mission 700 มีประเด็นที่แตกต่างจากลำโพงเล็กทั่วไป คือเหตุผลที่ผู้ผลิต Mission 700 ติดตั้งท่อระบายเบสให้ยิงออกทางด้านหน้านั้น อาจจะเป็นเพราะพวกเขา ไม่ต้องการผนังหลังเข้ามาช่วยปั๊มเสียงทุ้มก็เป็นได้..

ผมคาดเดาเอาเอง โดยดูจากขนาดของตัวตู้ที่ค่อนข้างใหญ่ กับขนาดของท่อระบายเบสที่ใหญ่มาก จึงเป็นไปได้ว่า พวกเขาเจตนาจะให้วูฟเฟอร์กับตัวตู้ร่วมกับทำหน้าที่ในการสร้างความถี่ต่ำออกมา ซึ่งหากพิจารณาที่ ขนาดของไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์, “ขนาดของตัวตู้ และ ขนาดของท่อระบายเบส รวมๆ กันแล้ว ทั้งสามปัจจัยนั้นก็น่าจะเพียงพอในการสร้างความถี่ต่ำลงไปถึง 38Hz ได้ไม่ยาก โดยไม่ต้องอาศัยเสียงเบสที่สะท้อนจะผนังด้านหลังเข้ามาช่วย

จากการทดลองเซ็ตอัพของผมก็พบว่ามันให้ผลไปตามลักษณะที่ประเมินไว้ คือเมื่อผมทดลองขยับลำโพงให้ลงไปชิดผนังหลัง มันจะแสดงอาการของเสียงทุ้มที่ขุ่นหนาขึ้นมาให้รู้สึกได้ทันที สรุปแล้ว ระยะวางที่ลงตัวสำหรับ Mission 700 ในห้องฟังของผมก็อยู่ใกล้เคียงกับระยะวางลำโพงคู่อื่น ไม่หนีกันมาก

เสียงของ Mission 700
ก็ยังคงชูจุดเด่นของ Mission เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น.!!

ภาพรวมของเสียงจากการขับด้วยแอมป์ทั้งสามตัวออกมาในค่าเฉลี่ยที่ดี แม้กระทั่งตอนขับด้วย Omnia ซึ่งมีกำลังขับแค่ 50 วัตต์ ซึ่งตอนแรกผมคาดว่าน่าจะขับออกมาไม่เต็ม แต่เสียงที่ออกมาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ เหตุผลก็เพราะว่าตัวตู้ที่ดูใหญ่โตของ Mission 700 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สร้างเสียงทุ้มที่ใหญ่โตมโหฬาร แต่มันถูกออกแบบมาเพื่อให้มีปริมาตรอากาศที่ มากพอให้ไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์สามารถขยับตัวเข้าออกได้อย่างเต็มที่โดยไม่ถูกต้านจากมวลอากาศภายในตัวตู้ ท่อระบายอากาศขนาดใหญ่บนแผงหน้านั่นก็ออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือทำให้อากาศภายในตัวตู้หลังถูกดันโดยไดอะแฟรมที่ถอยหลัง สามารถถ่ายเทออกมาจากตัวตู้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

มรรคผลที่ได้จากการออกแบบข้างต้นแสดงผลออกมากับความถี่ตั้งแต่ 3,000Hz ลงมาถึง 45Hz ที่ไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์สร้างขึ้นมา ซึ่งเป็นย่านที่มีความหมายกับเพลงที่เราฟังมาก เพราะเป็นย่านที่ครอบคลุมความถี่ในย่านเสียงกลางทั้งหมดอยู่ในนั้น เมื่อไดเวอร์ที่สร้างความถี่ในย่านนั้นขยับตัวเข้าออกได้อย่างลื่นไหล ไม่มีแรงต้าน เสียงที่ได้ออกมาก็เลยมีลักษณะที่ปลดปล่อย อิสระ สะอาด และสวิงไดนามิกได้กว้างและต่อเนื่อง

เมื่อตำแหน่งของ Mission 700 ถูกขยับจูนจนลงตัวในห้องฟังของผม ผมพบว่า ความสามารถในการถ่ายทอดความถี่ต่ำที่ลงไปได้ถึง 38Hz ของลำโพงคู่นี้มันส่งผลกับเสียงมหาศาล..! อย่างแรกที่รู้สึกได้ก็คือ แอมเบี้ยนต์ที่ห่อหุ้มเสียงดนตรีทั้งหมดเอาไว้มันปรากฏออกมาชัดมาก มันทำให้แต่ละเสียงในเพลงที่ฟังมี ฐานที่แผ่ตัวออกไปจากหัวโน๊ตคอยรองรับอยู่ แม้แต่ในขณะที่เกนของเสียงโดยรวมมีลักษณะที่แผ่วเบา ผมก็ยังรู้สึกว่าเวทีเสียงมันยังแผ่กว้างอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ย่นย่อลงไปพร้อมกับเสียงที่แผ่วเบาลง ซึ่งตรงนี้เป็นงานยากสำหรับลำโพงสองทางวางขาตั้งทั่วไป เพราะส่วนมากจะให้เสียงทุ้มที่มีความจำกัด ทั้งทางด้านความถี่ที่ลงได้ไม่ลึกและปริมาณของมวลความถี่ต่ำที่ผลักอากาศออกมาก็น้อยเพราะตู้เล็ก ต้องชม Mission 700 ที่สามารถสร้างคุณสมบัติข้อนี้ขึ้นมาได้ ฟังแล้วทำให้เข้าใจเลยว่า ทำไมตัวตู้ของ Mission 700 จึงมีขนาดใหญ่กว่าลำโพงสองทางวางขาตั้งทั่วไป

อัลบั้ม : Closer To The Music Volume 4 (DSD64)
ศิลปิน : Various Artists
สังกัด : Stockfisch Records

งานเพลงทุกอัลบั้มที่ค่าย Stockfisch Records ทำออกมาจะมีลักษณะ sound ที่เป็นเอกลักษณ์เหมือนๆ กันอยู่อย่าง นั่นคือลักษณะเสียงที่มีความถี่ในย่าน 200 – 400Hz ที่หนาแน่นกว่าสังกัดอื่นๆ นั่นทำให้เสียงของค่ายนี้มีลักษณะที่อิ่มและหนานุ่ม เสียงในย่านกลางต่ำลงไปถึงทุ้มกลางๆ จะมีมวลที่หนาแน่นเป็นพิเศษ ถ้าลำโพงคู่ไหนจูนเสียงกลางต่ำ (lower mid) ลงไปถึงทุ้มตอนกลาง (mid bass) ไว้โด่ง ไม่ราบเรียบ (ลำโพงสองทางวางขาตั้งส่วนใหญ่มักจะทำอย่างนั้นเพื่ออวดว่าให้เบสดี) เวลาฟังเพลงของค่ายนี้ เสียงกลางต่ำจะถูกดันให้โด่งขึ้นมามากจนไปหนุนเสียงกลางให้โด่งตาม มีผลให้เสียงกลาง อย่างเช่นเสียงร้องของนักร้องชาย (ซึ่งค่ายนี้มีอยู่หลายคน) มีลักษณะขุ่น อิมเมจบวมผิดรูป

ผมทดลองฟังเพลง ‘Let The Music Flowของ Allan Taylor พบว่า Mission 700 คู่นี้สามารถดึงเสียงร้องของอัลแลนให้ลอยขึ้นมาเหนือเสียงทุ้มที่รองอยู่ด้านล่างได้ เสียงร้องไม่จมลงไปติดอยู่กับเสียงทุ้ม ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งของลำโพงคู่นี้ที่สามารถดันเสียงทุ้มให้แยกตัวลงไปจากเสียงกลางได้ เสียงกลางจึงสามารถคงรูปและรักษารายละเอียดของมันเอาไว้ได้โดยไม่โดนความถี่ต่ำกลบ

เสียงกลางของ Mission 700 ถือว่าเป็นไฮไล้ท์ที่โดดเด่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องของผู้ชายและผู้หญิง มันลอยออกมาได้อย่างเต็มตัว โดยมีฐานนุ่มๆ รองรับ ฟังแล้วให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่แห้งและไม่แข็ง ส่วนเสียงแหลมของลำโพงคู่นี้มีลักษณะที่ละเอียด เนียน ปลายเสียงมีลักษณะที่โรยตัว ไม่สุกสกาว และไม่ดีดตัวเหมือนเสียงแหลมของลำโพงที่ใช้ทวีตเตอร์โลหะอย่าง Totem Acoustics รุ่น The One ที่ผมใช้ฟังเทียบ

อัลบั้ม : Occasion: Connick On Piano Volume 2 (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Harry Connick Jr.
สังกัด : Marsalis Music

คนส่วนใหญ่รู้จัก Harry Connick Jr. ในมุมของนักร้อง แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นนักเปียโนที่มีฝีมือฉกาจคนหนึ่ง อัลบั้มชุดนี้เขาเล่นเปียโนดวลกับเสียงแซ็กโซโฟนของ Branford Marsalis ได้อย่างออกรสมาก ซึ่ง Mission 700 คู่นี้ฉายภาพของเปียโนและแซ็กโซโฟนออกมาได้ดี เสียงของเครื่องดนตรีทั้งสองชนิดมีรายละเอียด โน้มน้าวให้นึกถึงเสียงที่เกิดขึ้นจริงในธรรมชาติ หัวโน๊ตเปียโนออกมาคม กระชับ และมีความกังวานที่พอเหมาะ ในขณะที่เสียงของแซ็กโซโฟนมีบอดี้ที่อวบใหญ่ โน๊ตล่างๆ มีมวลหนา ในขณะที่โน๊ตบนๆ ให้ปลายเสียงที่มีลักษณะแผดเสียดนิดๆ คล้ายของจริงที่ได้ยินในธรรมชาติ

อัลบั้ม : Vienna – Schoenberg Five Pieces For Orchestra, Op.16 & more (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Antal Dorati conduct, London Symphony Orchestra
สังกัด : Mercury Living Presence 

Mission 700 ให้ฐานล่างที่แผ่คลุมช่วยเชื่อมโยงเสียงของเครื่องดนตรี (และเสียงร้อง) ทั้งหมดในเพลงให้เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน ซึ่งเป็นลักษณะเสียงที่ชวนฟัง เสียงทั้งหมดไม่ลอยเคว้งเพราะมีฐานต่ำๆ คอยรองรับอยู่ตลอด นี่คือจุดเด่นของลำโพงคู่นี้..! และด้วยความสามารถในการถ่ายทอดความถี่ต่ำลงไปได้ถึง 38Hz นี่แหละที่ทำให้จังหวะของเพลงไม่จางจมลงไปในแบ็คกราวนด์ แม้ว่าในบางจังหวะของเพลงคลาสสิกจะมีแค่เสียงเครื่องสายตัวใหญ่ๆ อย่างเชลโล่และดับเบิ้ลเบสคอยให้ทำนองอยู่เบาๆ ผมก็ยังรับรู้ได้ว่ามีเสียงนั้นอยู่ ซึ่งลำโพงสองทางขนาดเล็กหลายคู่ไม่สามารถถ่ายทอดรายละเอียดในย่านต่ำที่บางเบาแบบนั้นออกมาได้ ผมทดลองฟังเพลงคลาสสิกแล้วเอาลำโพง ATC รุ่น SCM7 เวอร์ชั่นแรกที่ผมเก็บไว้มาฟังเทียบกัน ปรากฏว่า SCM7 ไม่สามารถถ่ายทอดเสียงดับเบิ้ลเบสที่คลอเบาๆ อยู่ในบางช่วงของเพลงออกมาให้ได้ยินเหมือน Mission 700 คู่นี้

สรุป

แม้ว่ารูปร่างภายนอกจะใกล้เคียงเวอร์ชั่นดั้งเดิม แต่ทว่า เสียงของ Mission 700 เวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ไม่ได้ออกมาแนวโบราณอย่างที่คิด ถึงแม้มันจะเป็นรุ่นที่สร้างขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับอดีต แต่ทีมออกแบบที่นำโดย Peter Comeau ได้ทำการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงหลายๆ จุดด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไป ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้เสียงของ Mission 700 เวอร์ชั่นใหม่นี้สามารถตอบสนองกับมาตรฐานของสัญญาณเสียงยุคดิจิตัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผลจากการทดสอบฟังด้วยแหล่งต้นทางสมัยใหม่อย่างสัญญาณไฮเรซฯ DSD ก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงสมรรถนะที่โดดเด่นของลำโพงคู่นี้

ใครที่ให้ความสำคัญกับเสียงในย่านกลางมากๆ (ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้อง) และมีงบประมาณสำหรับลำโพงอยู่ที่ไม่เกิน 6x,xxx บาท แนะนำให้ไปหาโอกาสทดลองฟังเสียงของ Mission 700 คู่นี้ดูสักหน่อย… เชื่อว่าคุณจะทึ่งในความสามารถของลำโพงคู่นี้เหมือนกับผม.!!! /

********************
ราคา : 59,900บาท/คู่ พร้อมขาตั้ง
(โปรโมชั่นพิเศษจากราคาเต็ม 86,000 บาท/คู่)
********************
สนใจติดต่อสอบถามได้ที่
. HiFi Tower
โทร. 02-881-7273-5

facebook: @hifitowerShop
LineID: @hifitower

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า