รีวิวเครื่องเสียง KEF รุ่น LSX II ลำโพงไร้สายที่รองรับการใช้งานได้หลากหลาย

ต้องยอมรับว่า ถ้าใครคิดจะกระโจนเข้ามาเล่นลำโพงไร้สายประเภท all-in-one ตัวเดียวจบทุกความต้องการก็มีแนวโน้มว่าจะหนีแบรนด์ KEF ไปได้ยาก.! เพราะจนถึงปัจจุบัน KEF ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาพร้อมแล้วสำหรับตลาดลำโพงไร้สายแบบออลอินวันที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการปล่อยผลิตภัณฑ์ออกมาครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้งานได้ครบทุกเซคเม้นต์ ไม่ว่าคุณจะมีห้องขนาดเล็กกลางใหญ่ KEF มีสินค้าที่ดีไซน์ไว้รองรับได้หมด เริ่มตั้งแต่รุ่นใหญ่สุดคือ LS60 Wireless (REVIEW) ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในห้องใหญ่ๆ ที่มีพื้นที่ระหว่าง 10-200 ลบม. รองลงมาคือรุ่น LS50 Wireless II (REVIEW) ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานในห้องขนาดกลางๆ ที่มีพื้นที่ระหว่าง 10-100 ลบม. และรุ่นน้องเล็กสุดคือ LSX II ซึ่งรุ่นนี้ถูกออกแบบมาด้วยแนวคิดที่แตกต่างจากรุ่น LS50 Wireless II กับรุ่น LS60 Wireless เล็กน้อย นั่นคือรุ่น LSX II ตัวนี้ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานแบบ ประชิดตัว” (nearfield) ซึ่งเป็นการใช้งานในลักษณะที่จำเป็นต้องจัดวางใกล้ๆ ตัวผู้ใช้ได้ด้วย ไม่ว่าจะด้วยเหตุของพื้นที่จำกัด หรือต้องการให้มีลักษณะการทำงานแบบ nearfield อาทิเช่น ใช้เพิ่มประสิทธิภาพเสียงในการเล่นวิดีโอเกมส์ หรือวางบนโต๊ะทำงานเพื่อขยายเสียงจากการดูคลิปวิดีโอก็ได้

KEF LSX II
ลำโพงไร้สายรุ่นเล็ก แต่จี๊ดได้ใจ..!!

ถึงแม้ว่า LSX II จะมีขนาดตัวตู้กระทัดรัดเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง LS50 Wireless II และ LS60 Wireless แต่ถ้ามองทางด้านฟังท์ชั่นใช้สอยแล้ว จะพบว่า สิ่งที่วิศวกรของ KEF จัดมาให้ในรุ่น LSX II ตัวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากรุ่นพี่ทั้งสองเลย พูดง่ายๆ คือ รุ่นพี่ทำอะไรได้ รุ่นน้องตัวจี๊ดอย่าง LSX II ก็ทำได้เหมือนกัน..!!

ก่อนจะเจาะเข้าไปดูความสามารถของ LSX II เรามาพิจารณาเรือนร่างภายนอกกันก่อน..

หน้าตาและส่วนสัดภายนอกของเวอร์ชั่นสองนี้ละม้ายคล้ายกับรุ่น LSX เวอร์ชั่นแรกมาก มองผ่านๆ แทบจะเหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งความกว้าง, ความลึก และความสูงของตัวตู้วัดออกมาได้เท่ากัน ไดเวอร์ก็ใช้ขนาดเดียวกัน เป็นไดเวอร์แบบ Uni-Q ที่จัดตัวทวีตเตอร์แทรกไว้ตรงกลางของไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ขนาด 4.5 นิ้ว ซึ่งในรุ่น LSX II ตัวนี้เป็นไดเวอร์ Uni-Q ที่พัฒนามาถึง เจนเนอเรชั่นที่ 11 ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

ผมมีรุ่น LSX เวอร์ชั่นแรกอยู่ เป็นตัวสีเขียว เอามาลองเทียบกันแล้ว หน้าตาเหมือนกันมากซึ่งน่าจะใช้บล็อกเดียวกัน ถ้ามองที่แผงหน้าจะพบว่ามีส่วนที่ต่างกันแค่จุดเดียว นั่นคือ สีเคลือบบนทวีตเตอร์ที่อยู่ด้านหลัง waveguide ซึ่งในเวอร์ชั่นแรกจะเคลือบทวีตเตอร์ด้วยสีแดง ในขณะที่เวอร์ชั่นสองเคลือบเป็นสีทอง

อินพุตที่เพรียบพร้อมมากขึ้น

LSX II ถูกออกแบบมาให้ทำงานในระบบเสียง Stereo ที่ต้องใช้ลำโพง 2 ตัว ทำงานร่วมกัน ซึ่งทางผู้ผลิตได้กำหนดลำโพงข้างหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นตัวหลักที่บรรจุด้วยภาคดิจิตัลโปรเซสเซอร์อยู่ข้างใน ส่วนอีกตัวก็จะมีเฉพาะภาคแอมปลิฟายกับรีซีฟเวอร์รับคำสั่งจากตัวหลัก ในเวอร์ชั่นสองใช้ชื่อเรียกตัวหลักว่า Primary และเรียกตัวรองว่า Secondary (ในขณะที่เวอร์ชั่นแรกใช้ชื่อเรียกตัวหลักว่า Master ส่วนตัวรองเรียกว่า Slave) โดยปกติแล้วเขาจะให้ตัว Primary เป็นแชนเนลขวา (R) ส่วนตัว Secondary เป็นแชนเนลซ้าย (L) แต่ก็สามารถสลับข้างได้โดยเข้าไปปรับตั้งในแอพลิเคชั่น

ข้างขวา

ข้างซ้าย

ขั้วต่อสัญญาณอินพุตต่างๆ รวมถึงขั้วต่อสำหรับเน็ทเวิร์คอยู่ที่ด้านหลังของลำโพงข้างขวาทั้งหมด ส่วนลำโพงซ้ายจะมีเฉพาะขั้วต่อสายไฟเอซีกับขั้วต่อสาย LAN ที่ใช้เชื่อมโยงสัญญาณระหว่างข้างขวากับข้างซ้ายเท่านั้น

ภาพด้านบนเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่าง 3 จุด ระหว่างอินพุตของเวอร์ชั่นแรก LSX กับเวอร์ชั่นที่สอง LSX II จุดแรกจะเห็นว่ารุ่น LSX II ได้เพิ่มช่องต่อแบบ HDMI มาให้เพื่อเชื่อมต่อกับทีวี ซึ่งในเวอร์ชั่นแรกต้องเชื่อมต่อผ่านอินพุต Optical จุดที่สองคือเปลี่ยนขั้วต่อ USB-A มาเป็นขั้วต่อ USB-C และจุดที่สามคือปรับปุ่มกด reset ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถใช้ปลายนิ้วจิ้มได้ แทนที่แบบเดิมที่ต้องใช้วัตถุปลายแหลมจิ้ม ถือว่าการเปลี่ยนแปลงทั้ง 3 จุดนี้เป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเก่า

ความคับคั่งของ อินพุตที่ให้มาคือจุดเด่นของ LSX II ทำให้มันมีความพร้อมสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทุกประเภท ไม่ว่าจะใช้ดูหนังดูข่าวร่วมกับทีวี หรือจะฟังเพลงได้หมด ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีส่งสัญญาณเสียงให้กับ LSX II ทางสายสัญญาณดิจิตัล, สายสัญญาณอะนาลอก รวมทั้งสตรีมฯ ผ่านทางสาย LAN และส่งทางอากาศมาพร้อมคลื่น WiFi และ Bluetooth

ที่ผมชอบมากที่สุดคืออินพุต HDMI ที่ทำให้การเชื่อมต่อกับทีวีเป็นเรื่องสะดวกมากขึ้น และที่สำคัญคือเสียงดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นแรกที่ต้องต่อสัญญาณดิจิตัลจากทีวีเข้าทางอินพุต Optical ถ้าใครตั้งใจเอาไปใช้กับทีวีในห้องรับแขก LSX II ตัวนี้จะตอบโจทย์ของคุณได้ตรงประเด็นมาก และผลลัพธ์ทางเสียงที่ได้ก็น่าพอใจมากด้วย ด้วยขนาดที่กระทัดรัดของ LSX II เฉพาะตัวมันคู่เดียว สามารถใช้กับทีวีได้ถึงขนาด 65 นิ้ว แต่ถ้าใช้กับทีวีที่มีขนาดจอใหญ่กว่านี้อย่างเช่น 77 นิ้ว หรือ 85 นิ้ว ลำโพงทั้งสองข้างจะถูกความกว้างของจอทีวีบีบบังคับให้ต้องวางลำโพงทั้งสองข้างให้ห่างจากกันมากขึ้น เสียงโดยรวมจะบางลง กรณีนี้ ถ้าต้องการเสริมความหนาแน่นของเสียงให้มากขึ้น แนะนำให้เพิ่มซับวูฟเฟอร์รุ่น KC62 เข้ามาในระบบ จะช่วยเพิ่มความอิ่มเข้มให้กับเสียงได้มากขึ้น และเบสจะแน่นขึ้นด้วย

การเชื่อมต่อใช้งาน

ในภาพด้านบนแสดงความสามารถในการเชื่อมต่อกับแหล่งต้นทางสัญญาณภาพ/เสียงทั้งหมดที่ LSX II ทำได้ มีทั้งต่อกับทีวี, ต่อกับเครื่องเล่นซีดี, เครื่องเล่นแผ่นเสียง และต่อกับระบบเน็ทเวิร์คสำหรับการสตรีมไฟล์เพลงผ่านเน็ทเวิร์ค และสุดท้ายคือ สตรีมไฟล์เพลงตรงจากอุปกรณ์ไร้สายแบบพกพาไปที่ LSX II ผ่านคลื่นไร้สาย Bluetooth และคลื่น Wi-Fi ด้วยเทคโนโลยี AirPlay กับ Chromecast

รีโมทไร้สาย กับ แอพลิเคชั่น KEF Connect

ในกล่องมีรีโมทไร้สายขนาดกระทัดรัดสีดำๆ มาให้หนึ่งตัว บนนั้นมีฟังท์ชั่นให้ใช้งานจำกัดเท่าที่จำเป็น เน้นไปที่คำสั่งควบคุมการเล่นเพลง, เลือกหัวข้อในเมนู, เปิดและสแตนด์บาย กับปุ่ม mute ปิดเสียงชั่วคราว แค่นี้เอง

ส่วนคำสั่งที่ใช้ในการปรับตั้งการทำงานของตัวเครื่องจะถูกเก็บไว้ในเมนูบนแอพลิเคชั่นที่ชื่อว่า KEF Connect ซึ่งมีทั้งเวอร์ชั่น Android และ iOS เป็นแอพฯ ฟรี สามารถโหลดมาติดตั้งบนแท็ปเล็ตและสมาร์ทโฟนได้หมด

บนแอพฯ KEF Connect นั้น ฟังท์ชั่นที่มีให้ใช้งานถูกจัดแยกเป็นหมวดหมู่ไว้ที่หน้า HOME ของแอพฯ แยกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มแรก (1) คือ REMOTE ซึ่งรวมเอาอินพุตต่างๆ ไว้ที่นี่ เป็นด่านแรกที่คุณต้องทำ เพราะทางผู้ผลิตเอาฟังท์ชั่นเปิดเครื่อง (On) มารวมไว้กับการกดเลือกอินพุต กรณีที่ LSX II อยู่ในโหมดสแตนด์บาย (พอกดเลือกอินพุต ที่ลำโพง Primary จะมีเสียงดนตรีเบาๆ ดังออกมา) ถัดไป (2) ก็เป็นกลุ่ม MUSIC IN THE CLOUD เป็นที่รวมของแหล่งเก็บเพลงที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการต่างๆ ถ้าคุณต้องการฟังเพลงจากผู้ให้บริการเจ้าไหนก็กดเลือกจากหน้าโฮมไปได้เลย ยกตัวอย่างถ้าอยากฟังเพลงจาก TIDAL ก็กดเลือกที่ไอค่อนแอพ TIDAL หรือถ้าอยากฟังเพลงจากสถานีเพลงบนอินเตอร์เน็ตก็ไปเลือกที่ไอค่อน ‘Radioในกลุ่มที่สาม (3) ถัดลงไปที่ชื่อว่า RADIO AND PODCASTS ส่วนกลุ่มที่สี่ (4) ชื่อ MUSIC ON YOUR NETWOK ตรงนี้เป็นช่องทางสำหรับการเข้าไปดึงไฟล์เพลงของเราเองที่อยู่ในเน็ทเวิร์คออกมาฟัง ล่างสุดของหน้าโฮมคือกลุ่มที่ 5 ในกรอบสีแดงนั้นเป็นช่องทางลัดไปที่ฟังท์ชั่นอื่นๆ อีก 4 ช่องทาง เรียงลำดับต่อจาก HOME รูปบ้านจากซ้ายไปขวาคือ “Remote” = ใช้แอพฯ ทำหน้าที่เป็นรีโมท, “Music” = ช่องทางลัดสำหรับเลือกฟังเพลงจากแหล่งต่างๆ, “EQ Settings” = ปรับตั้งลักษณะการทำงานของตัวลำโพง และขวามือสุดรูปฟันเฟืองนั้นคือหัวข้อ “Choose your speaker” = มีไว้ให้คุณเลือก Zone ที่ต้องการฟังในกรณีที่คุณมีลำโพงของ KEF เชื่อมต่ออยู่ในเน็ทเวิร์คเดียวกันมากกว่า 1 ชุด

หน้ารีโมท

หน้ามิวสิค

หน้าอีคิว เซ็ตติ้ง

หน้าเลือกโซน

การใช้งานฟังท์ชั่น EQ Settings

ในจำนวน 4 หัวข้อที่อยู่ด้านล่าง หัวข้อ EQ Settings สำคัญที่สุดเพราะมีผลกับคุณภาพเสียงของตัว LSX II โดยตรง

หน้าแรกของหัวข้อ EQ Settings เป็นอ๊อปชั่นให้เลือกรูปแบบการปรับตั้งค่าการทำงานระบบเสียงซึ่งในนั้นมีให้เลือก 2 อ๊อปชั่น คือ “defaultกับ “expertถ้าคุณไม่รู้จะปรับตั้งอะไร ไม่มีความเข้าใจการปรับตั้งค่าก็ให้เลือกไปที่ default ไว้ก่อน ซึ่งเป็นค่าการทำงานของระบบเสียงที่ถูกกำหนดมาจากโรงงาน เป็นค่าการปรับตั้งที่ไม่เลวร้าย ผมทดลองเลือกแล้วฟังดูพบว่าเสียงโดยรวมออกมาดี ได้ค่าเฉลี่ยมาตรฐาน แต่ใครที่อยากปรับจูนเสียงให้ตรงใจตัวเองมากขึ้น ให้เข้ากับสภาพอะคูสติกและเหมาะสมกับขนาดห้องมากขึ้น ก็ให้เลือกไปที่อ๊อปชั่น expert

การปรับตั้งในหัวข้อ EQ Settings แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการปรับตั้งส่วนของ ‘SPEAKERซึ่งแยกเป็นหัวข้อย่อยให้ปรับตั้งหลายหัวข้อ ครบทุกแง่ เริ่มตั้งแต่เลือกรูปแบบการติดตั้งใช้งานระหว่าง Desk mode (วางบนโต๊ะ) กับ Wall mode (ติดบนผนัง) ถ้าคุณวาง LSX II บนขาตั้งและดึงห่างออกมาจากผนังหลังเหมือนที่ผมทดลองฟังก็ไม่ต้องเลือกทั้งสองโหมด หลังจากนั้นก็เป็นการปรับจูนเสียง เริ่มด้วยการปรับเสียงแหลม (Treble trim) เพื่อจูนโทนบาลานซ์ของเสียงโดยรวม ซึ่งสามารถปรับจูนโดยเพิ่ม/ลดปริมาณเสียงแหลมได้ทั้งหมด 6dB แบ่งเป็น -3.0dB ถึง +3.0dB, ปรับ phase correction ซึ่งจะส่งผลกับความคมชัดของเสียง, ปรับเพิ่ม/ลดปริมาณเสียงทุ้ม (bass extension), ปรับบาลานซ์ซ้าย/ขวา

ส่วนที่สองเป็นการปรับตั้งส่วนของสัญญาณ “SUBWOOFER OUTซึ่งจะปรับตั้งเฉพาะกรณีที่คุณเพิ่มลำโพงซับวูฟเฟอร์เข้ามาทำงานร่วมกับ LSX II เท่านั้น นั่นคือถ้าคุณไม่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์เพิ่มเติมเข้ามาก็เลือกคลิ๊กไว้ที่หัวข้อ “Noแค่นั้น หัวข้ออื่นๆ ที่เหลือก็ไม่ต้องทำอะไรกับมัน แต่ถ้าคุณมีลำโพงซับวูฟเฟอร์เข้ามาเสริมทำงานร่วมกับ LSX II ก็เลือกไปที่ “Yesหลังจากนั้นก็จะต้องปรับตั้งค่าต่างๆ ของสัญญาณที่จะส่งไปให้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ด้วยเพื่อให้ลำโพงซับวูฟเฟอร์สร้างความถี่ต่ำออกมาเสริมกับลำโพงหลักได้อย่างลงตัวมากที่สุด

KEF มีลำโพงแอ๊คทีฟ ซับวูฟเฟอร์อยู่ 6 รุ่น คือ KC62, KC92, KEF KUBE 8b, KEF KUBE 10b, KEF KUBE 12b และรุ่น KEF T2 Subwoofer ถ้าคุณเลือกซื้อลำโพงซับวูฟเฟอร์รุ่นใดรุ่นหนึ่งในจำนวน 6 รุ่นนี้มาจับคู่กับ LSX II เมื่อเข้ามาในเมนู EQ Settings จะมีอ๊อปชั่นให้เลือกรุ่นของลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่ตรงกับรุ่นที่คุณเลือกมาใช้ เมื่อคุณเลือกรุ่นลำโพงซับวูฟเฟอร์แล้ว จะมีค่าปรับตั้งที่ KEF ปรับจากโรงงานปรากฏขึ้นมาให้ใช้คู่กับลำโพงซับวูฟเฟอร์ของ KEF รุ่นนั้นๆ พร้อมกับมีคำแนะนำให้ปรับตั้งค่าบนตัวลำโพงซับวูฟเฟอร์มาให้ด้วย

ตัวอย่าง เมื่อเลือกลำโพงซับวูฟเฟอร์รุ่น KC62 จะปรากฏค่าการปรับตั้งที่มาจากโรงงานปรากฏขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทั้งจุดตัดความถี่ของ HPF (High-pass frequency) ที่ลำโพง LSX II รับไปทำงาน และ Sub out low-pass frequency = จุดตัดสำหรับความถี่ต่ำที่ส่งไปให้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ KC62 ถ้าเลือกใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ยี่ห้ออื่นก็ต้องทำการปรับตั้งจุดตัดความถี่ high-pass (HPF) และ low-pass (LPF) เอาเอง สรุปคือใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ของ KEF เองจะได้ทั้งความสะดวกในการปรับค่าและโทนเสียงที่กลมกลืนกัน

ลองฟังเพลงจาก NAS

แอพลิเคชั่น KEF Connect จะให้ทั้งความสะดวกและมีฟังท์ชั่นที่จำเป็นมากกว่าบนรีโมทไร้สาย โดยเฉพาะเมื่อต้องการใช้ LSX II ในการฟังเพลงด้วยวิธีสตรีมฯ ผ่านเน็ทเวิร์ค ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมไฟล์เพลงจากผู้ให้บริการบนอินเตอร์เน็ตอย่าง TIDAL, Spotify, Qobuz, Deezer และ Amazon Music หรือสตรีมไฟล์เพลงของเราที่เก็บไว้ใน NAS ก็ต้องอาศัยการทำงานผ่านแอพลิเคชั่นเป็นหลัก

ที่หน้า HOME คลิ๊กเลือกที่รุปตัวโน๊ต (ศรชี้สีแดง) บนหน้าแอพฯ จะโชว์แหล่งต้นทางของเพลงทั้งหมดที่มีให้สตรีมออกมาบนจอ ให้คลิ๊กเลือกที่ “Media servers” (ศรชี้สีฟ้า)

LSX II รองรับ NAS ที่ใช้โปรแกรมเซิร์ฟเวอร์ UPnP Media Server กับโปรแกรม MinimServer ถ้า NAS ของคุณใช้โปรแกรมเซิร์ฟเวอร์สองตัวนี้มันจะถูกค้นพบโดย LSX II และนำมาโชว์ที่หน้านี้โดยอัตโนมัติ ต้องการสตรีมจาก NAS ตัวไหนก็จิ้มลงไปที่ชื่อของเซิร์ฟเวอร์ตัวนั้น กรณีนี้ผมต้องการสตรีมจาก MinimServer[MusicServer] (ศรชี้สีแดง)

โปรแกรมเล่นไฟล์เพลงของแอพฯ KEF Connect แสดงรายละเอียดของไฟล์เพลงออกมาได้หลายรูปแบบโดยแยกตามองค์ประกอบต่างๆ ในเพลง ผมใช้วิธีเก็บไฟล์เพลงแบบแยกไว้เป็นโฟลเดอร์และต้องการแสดงไฟล์เพลงออกมาตามโฟลเดอร์ ผมจึงเลือกไปที่ [folder view] (ศรชี้)

อยากฟังเพลงที่ตรงกับเทศกาลคริสต์มาส ผมจึงเลือกไปที่โฟลเตอร์ Christmas Music ที่ผมสร้างไว้เพื่อเก็บเพลงของเทศกาลนี้โดยเฉพาะ

ในโฟลเดอร์นั้นผมแยกตามผลงานของศิลปินออกเป็นโฟลเดอร์ย่อยๆ ที่มีอยู่ 5 โฟลเดอร์ ผมเลือกงานเพลงของ Michael Buble ขึ้นมาฟัง

ผมมีงานเพลงคริสต์มาสของ Michael Buble อยู่แค่อัลบั้มเดียว ต้องการฟังตั้งแต่เพลงแรกก็จิ้มลงไปที่ชื่อเพลงนั้น

พอเพลงนั้นเริ่มเล่น จะมีแถบเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาที่ด้านล่าง (ศรชี้) ถ้าต้องการดูรายละเอีดของการเล่นไฟล์เพลงชัดๆ ก็จิ้มลงไปที่แถบเล็กๆ ตรงเพลงนั้น (ศรชี้)

หน้าตาของหน้าต่างเพลงที่กำลังเล่น โดยมีคำสั่งที่ใช้ควบคุมการเล่นไฟล์เพลงออกมาให้ใช้ 5 อย่างเรียงจากซ้ายไปขวา คือ สลับเพลง, ถอยไปเพลงก่อนหน้า, ยุดชั่วคราว, ข้ามไปเพลงต่อไป, เล่นวน และมีคำสั่งเพิ่ม/ลดวอลลุ่มมาให้ด้วยอยู่ถัดลงไปด้านล่างของหน้าต่าง

ทดลองฟังเสียง

LSX II มีขนาดกระทัดรัด เมื่อรวมกับความสวยงามของดีไซน์ ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในห้องรับแขกมากเป็นพิเศษ ของสวยๆ มันต้องโชว์ มิหนำซ้ำ เสียงมันก็ดีด้วย เมื่อผมทดลองใช้งาน LSX II เป็นระบบเสียงแทนที่ระบบเสียงของทีวี 65 นิ้ว ที่ผมใช้งานอยู่ในห้องรับแขก โดยใช้อินพุต HDMI ของ LSX II รองรับสัญญาณเสียงดิจิตัลจากทีวีที่ผมปรับตั้งที่ทีวีให้ปล่อยสัญญาณออกมาเป็นฟอร์แม็ต PCM เสียงที่ได้ออกมาดีกว่าเสียงของทีวีมากมาย ไม่ว่าจะฟังจากช่องดิจิตัลทีวี, ฟังจากแอพฯ YouTube และฟังจากแอพฯ Netflix

เมื่อตั้งใจฟังเสียงของ LSX II ตอนใช้งานร่วมกับทีวีผมพบว่ามันสามารถยกตำแหน่งของเสียงให้ลอยขึ้นไปอยู่ตรงกับจอทีวีได้เป๊ะมาก..! รู้สึกได้ว่าเสียงของผู้ประกาศข่าวดังออกมาจากกลางจอทีวีซึ่งวางอยู่สูงกว่าความสูงของตัวลำโพงขึ้นไปประมาณหนึ่งฟุต โดยไม่รู้สึกว่าเสียงดังออกมาจากลำโพงทั้งสองข้าง แสดงว่าฟังท์ชั่น phase correction ของ LSX II ทำงานได้ผลดี (ผมวางลำโพงซ้ายขวาห่างกันเท่ากับ 198 .. ห่างผนังหลังออกมาประมาณ 80 ..) สนามเสียงลอยตัวห่างออกมาจากหน้าจอ ทำให้มีบรรยากาศที่เปิดกว้าง ไม่อึดอัดเหมือนตอนฟังเสียงที่ออกมาจากลำโพงของทีวี เชื่อเลยว่า ใครที่ได้ลองฟังเสียงของทีวีผ่านลำโพง LSX II คู่นี้แล้วคงยากที่จะกลับไปฟังเสียงจากลำโพงของทีวีได้

เมื่อทดลองดูหนังจาก Netflix ก็ยิ่งเห็นถึงประสิทธิภาพของ LSX II มากยิ่งขึ้น มันฉีกเสียงจากภาพยนตร์ให้มีลักษณะที่แผ่กว้างออกไปมากขึ้น ความกระหึ่มและรายละเอียดเสียงก็ดีกว่าตอนดูทีวีเยอะ เมื่อเทียบกับเสียงจากลำโพงของทีวีต้องบอกเลยว่าห่างกันเยอะมาก เสียงจาก LSX II ทำให้อรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ดีขึ้นเยอะมากๆ เข้าถึงอารมณ์ของหนังได้มากกว่าเดิมมากจริงๆ นี่ถ้าเพิ่มลำโพงซับวูฟเฟอร์เข้ามาอีกสักตัวน่าจะมันส์กว่าเดิมอีกเยอะ

ที่แฮ้ปปี้มากๆ สำหรับผมก็คือคุณภาพเสียงที่ได้จากการฟังเพลงผ่านทางสตรีมมิ่ง ซึ่งได้ทั้งความสะดวกในการใช้งานและคุณภาพเสียงน่าพอใจ ความดังของ LSX II สามารถเติมเต็มพื้นที่ประมาณ 40 ตรม. ในห้องรับแขกของผมได้อย่างสบายๆ ใช้วอลลุ่มไม่เกินครึ่งก็ได้ความดังที่เกินพอ

สรุป

ผมเคยทดสอบรุ่น LSX เวอร์ชั่นแรกไปแล้วเมื่อสามปีกว่าที่ผ่านมา (เดือนตุลาคม 2019) (REVIEWซึ่งขณะนั้นก็ต้องยอมรับว่ามีความพึงพอใจมากเป็นพิเศษกับฟังท์ชั่นและเสียงของ LSX คู่นั้น (ปัจจุบันผมก็ใช้งาน LSX คู่นั้นอยู่) หลังจากได้ทดลองใช้งาน LSX II คู่นี้แล้ว ผมพบว่าเวอร์ชั่นสอง LSX II คู่นี้ให้ความพึงพอใจกับผมมากกว่าเวอร์ชั่นแรกขึ้นไปอีกระดับ ทั้งด้านฟังท์ชั่นใช้งานและคุณภาพเสียง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการอัพเกรดคุณภาพเสียงของทีวี และต้องการระบบเครื่องเสียงที่รองรับการฟังเพลงในห้องรับแขกที่เน้นคุณภาพเสียงและการใช้งานที่ครอบคลุมทุกด้านจริงๆ

แนะนำเป็นพิเศษสำหรับ LSX II รุ่นนี้ครับ..!!! /

**********************
ราคา : 55,900 บาท / คู่
**********************
ช่องทางจัดจำหน่าย :
ร้าน Piyanas ทุกสาขา
ร้าน The Gadget Central World ชั้น 4 และ Icon Siam ชั้น 3
ร้าน Bangkok Digital
ร้าน Theatre House
ร้าน Audio Advisory
ออนไลน์ Mercular.com
ร้าน มั่นคงแก็ดเจ็ท
ร้าน HD HiFi
ร้าน HiFi Center
ร้าน Sound DDShop
ร้าน Fullbright
ร้าน Khonkaen Hifi
ร้าน H3-Hifi
ร้าน Pro Hifi
และร้านเครื่องเสียงชั้นนำทั่วประเทศ
********************
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
vgadz.com/kef

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า