รีวิวเครื่องเสียง Monitor Audio รุ่น Silver 100 Limited Edition

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูปร่างหน้าตา, เทคโนโลยีที่ใช้ในการออกแบบและผลิต รวมถึงประวัติความเป็นมาของอุปกรณ์เครื่องเสียงล้วนมีความสำคัญสำหรับนักเล่นเครื่องเสียงไม่น้อยไปกว่าคุณภาพเสียงที่มันให้ออกมา มีใครกล้าเถียงมั้ยล่ะว่า หน้าตาไม่สำคัญ ชื่อแบรนด์ไม่สำคัญ ผมว่าไม่น่าจะมีนะ

เครื่องเสียงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ผสมรวมกัน แต่ปัจจุบันคงต้องเอา ประวัติศาสตร์เข้ามารวมด้วย เพราะมีนักเล่นฯ จำนวนไม่น้อยที่หลงไหลประวัติศาสตร์มากพอๆ กับคุณภาพเสียง หรือบางคนอาจจะหลงไหลประวัติศาสตร์มากกว่าเสียงก็มี.! ดูได้จากจำนวนนักเล่นฯ ที่นิยมเล่นเครื่องเสียงวินเทจก็พอได้ ซึ่งเสน่ห์ของเครื่องเสียงวินเทจก็คือมัน (เครื่องเสียงวินเทจ) ช่วยพาเราย้อนกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองในอดีต กลับไปสู่ยุคสมัยที่อุปกรณ์เครื่องเสียงเหล่านั้นได้รับการยอมรับในศักยภาพของมัน

นักเล่นฯ บางส่วนหวนกลับไปหาอุปกรณ์เครื่องเสียงเก่าๆ มาเล่นเพื่อย้อนอดีต ในขณะที่ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มีอดีตยาวนานหลายๆ แบรนด์กำลังย้อนกลับไปนำเอาเครื่องเสียงรุ่นที่เคยโด่งดังในอดีตของพวกตนออกมาทำการปรับปรุงด้วยเทคนิคการออกแบบใหม่ๆ ที่สมัยนั้นยังไม่มี และทำการผลิตออกมาใหม่เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในอดีต ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่มีปรากฏการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กันหลายแบรนด์ในช่วงนี้ เหตุผลก็เพราะว่า แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเสียงที่เริ่มต้นมาในช่วงทศวรรต 70 นับถึงปัจจุบันส่วนใหญ่ก็จะใกล้ หรือเกิน 50 ปี กันทั้งนั้น อย่างแบรนด์ Monitor Audio ผู้ผลิตลำโพงชั้นนำของประเทศอังกฤษที่เริ่มต้นกิจการมาตั้งแต่ ปี 1972 เมื่อนับถึง ปี 2022 นี้ก็มีอายุครบ 50 ปี พอดี

Silver 100 Limited Edition
ลำโพงรุ่นพิเศษ ผลิตจำกัดเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี

ลำโพงคู่นี้เป็นประติมากรรมที่ต่อยอดมาจากรุ่น Silver 100 เจนเนอเรชั่นที่ 6 ที่พัฒนาออกมาเมื่อปี 2017 และเริงร่าอยู่ในตลาดจนถึงปี 2021 ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วย Silver 100 เจนเนอเรชั่นที่ 7 (G7) ที่ออกมาใหม่สดปี 2022 นี้

หน้าตาของรุ่น Silver 100 G6

Silver 100 Limited Edition ตัวสีเขียวนี้คือ Silver 100 เวอร์ชั่น G7 ที่ทำตัวตู้ให้มีสีเขียวปีกแมลงทับ ผลิตขึ้นมาจำกัดแค่ 999 คู่ เท่านั้น ที่ด้านหลังตัวตู้จะมีป้ายเขียนกำกับระบุลำดับคู่ไว้ชัดเจน (ศรชี้สีแดง) คู่ที่ผมได้รับมาทดสอบครั้งนี้เป็นคู่ที่ 633 จากทั้งหมด 999 คู่ที่ทำออกมาขายทั่วโลก

รูปร่างภายนอกของ Silver 100 Limited Edition

Silver 100 Limited Edition (ต่อไปจะเรียกสั้นๆ ว่า Silver 100 LE) มีสเปคฯ เหมือนกับ Silver 100 G7 ทุกอย่าง ไล่ตั้งแต่ตัวตู้ที่มีขนาดใหญ่มากกว่าลำโพงสองทางวางขาตั้งส่วนใหญ่ สัณฐานจะออกไปทางอวบอ้วน สาเหตุก็เพราะว่ามันใช้ไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 8 นิ้ว ซึ่งบอกเลยว่าหายากมากที่จะมีลำโพงสองทางวางขาตั้งคู่ไหนที่ใช้ไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ที่ใช้กันอยู่โดยมากจะอยู่ที่ 5.5 ถึง 6.5 นิ้ว จุดประสงค์ของการใช้ไดเวอร์ใหญ่ขนาดนี้ก็เพื่อให้ได้ผลทางเสียงออกมาตามที่ผู้ผลิตตั้งใจเอาไว้ นั่นคือ “High output and effortless dynamics..เพื่อให้ได้เอ๊าต์พุตที่สูง สามารถเปิดได้ดังเพื่อให้ได้ไดนามิกเร้นจ์ที่สวิงกว้างโดยไม่มีอาการอั้น ขนาดของไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์คือสาเหตุที่ทำให้แผงหน้าของลำโพงคู่นี้มีความกว้างเท่ากับ 23 .. ในขณะที่ลำโพงสองทางวางขาตั้งที่ใช้ไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ขนาด 55.5 นิ้ว ส่วนใหญ่ อย่างลำโพงรุ่น The One ของ Totem Acoustics ที่ผมใช้อยู่มีแผงหน้ากว้างแค่ 16 .. เท่านั้น ในขณะที่ความสูงของ Silver 100 LE ไม่ได้ต่างจากลำโพงสองทางวางขาตั้งคู่อื่นๆ มาก

จุดเด่นของ Silver 100 LE คู่นี้ที่ดูแตกต่างจากลำโพงรุ่นอื่นๆ ของแบรนด์ Monitor Audio ที่เคยเห็นมาก็คือตัวตู้ที่ทำเป็นสีเขียวปีกแมลงทับ ซึ่งสีของมันจะเปลี่ยนไปตามลักษณะของแสงที่ตกกระทบ เจอกับแสงธรรมชาติบางมุมจะออกไปทางสีเขียวอมดำ ทึบๆ แต่พอยกเข้าห้องเจอแสง warm light จากหลอดไฟดาวน์ไล้ท์ สีตัวตู้จะออกมาสวยมาก เป็นสีเขียวที่ดูเปล่งปลั่ง ตัดกับสีทองที่ฉาบเคลือบอยู่บนไดเวอร์ทั้งสองตัวที่ถูกขับให้ดูเด่นสะดุดตา นั่งมองนานๆ แล้วหลงไหลเลย ผมชอบมาก..!!

ไดเวอร์ที่ใช้

ทวีตเตอร์ขนาด 1 นิ้ว ที่ใช้ในรุ่น Silver 100 LE เป็นโดมโลหะที่ทำมาจากอะลูมิเนียม+แม็กนีเซียม อัลลอยด์ (C-CAM) แล้วเคลือบทับด้วยทองเพื่อดันริ้งกิ้ง (เรโซแนนซ์) ที่เกิดจากการสั่นค้างของไดอะแฟรมให้อยู่สูงกว่าระดับความถี่ที่ทวีตเตอร์ตอบสนองขึ้นไป และยังมีการออกแบบองค์ประกอบโดยรอบเพื่อเสริมประสิทธิภาพอีกหลายจุด อาทิเช่น มีการเว้นช่องว่างของแท่งแม่เหล็กที่อยู่ด้านหลังของขอบเซอร์ราวนด์เพื่อให้มีการระบายอากาศ ลดแรงกดดันของมวลอากาศที่อยู่ด้านหลังของวงแหวนเซอร์ราวนด์ มีผลให้การขยับตัวเดินหน้า-ถอยหลังของไดอะแฟรม (โดมทวีตเตอร์) มีความเป็นอิสระมากขึ้น ส่งผลดีต่อเสียงแหลมที่ทวีตเตอร์รับภาระ ทำให้ได้การตอบสนองเสียงแหลมที่ราบเรียบ ที่ส่วนฐานด้านหลังของแม่เหล็กที่เป็นช่องว่าง (chamber) ได้ถูกบรรจุไว้ด้วยวัสดุแด้มปิ้งที่ช่วยซับฯ คลื่นเสียงที่อยู่ในช่องว่างนั้นออกไป

ตัวโดมทวีตเตอร์ฝังตัวลึกลงไปอยู่ในหลุมตื้นๆ ที่ทำเหมือนฮอร์นขนาดเล็กช่วยควบคุมมุมกระจายเสียงแหลมที่ทวีตเตอร์สร้างออกมา โดยมีตะแกรงโลหะที่เจาะรูเป็นรูปหกเหลี่ยมปิดอยู่หน้าโดมทวีตเตอร์

ไดอะแฟรมของตัวไดเวอร์มิดวูฟเฟอร์ขนาด 8 นิ้ว ที่ใช้ในรุ่น Silver 100 LE นี้ก็ทำด้วยวัสดุอัลลอยด์ อะลูมิเนียม+แม็กนีเซียม (C-CAM) เช่นเดียวกับตัวทวีตเตอร์ เพราะทางผู้ผลิตมีความเชื่อว่า ลำโพงที่ใช้ไดเวอร์ ทุกตัวที่ใช้วัสดุประเภทเดียวกันทำไดอะแฟรมจะให้โทนเสียงออกมากลมกลืนกันมากกว่าไดเวอร์ที่ใช้วัสดุต่างชนิดกันในการทำไดอะแฟรม (ผมเห็นด้วย.!) นอกจากนั้น ทางผู้ผลิตยังใช้เทคนิคที่เรียกว่า RST II หรือ Rigid Surface Technology เวอร์ชั่นสอง ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของไดเวอร์ตัวนี้ด้วยการปั๊มรูปหกเหลี่ยมเล็กๆ ลงบนผิวของไดอะแฟรม โดยออกแบบแพลทเทิ้นที่มีผลลดเรโซแนนซ์บนตัวไดอะแฟรม เพื่อให้ความถี่ในย่านกลางและทุ้มที่สร้างขึ้นโดยไดเวอร์ตัวนี้มีความแม่นยำถูกต้องมากขึ้น

นอกจากวัสดุกับการปั๊มผิวด้วยเทคนิค RST II แล้ว ทางผู้ผลิตยังได้ใช้เทคนิคพิเศษในการปรับจูนไดอะแฟรมของตัวมิดวูฟเฟอร์ฯ เพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้นอีกหลายอย่าง อาทิเช่น ปรับใช้ขอบยาง (surround) ที่ยึดโยงขอบไดอะแฟรมกับโครงที่มีลักษณะเว้าเข้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการแด้มฯ เรโซแนนซ์ของตัวไดเอะแฟรมที่ดีขึ้น ใช้แม่เหล็กที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเจนเนอเรชั่น 5G เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมการเคลื่อนตัวของกรวยไดอะแฟรมได้ดีขึ้น ว้อยซ์คอยที่ใช้ในเจนเนอเรชั่นนี้ก็มีขนาดใหญ่ถึง 28.5 .. เพิ่มขยายขึ้นมาจาก 25 .. ที่ใช้ในเจนเนอเรชั่น 5G มีผลให้เปิดได้ดังมากขึ้นโดยมีความเพี้ยนต่ำ เพราะว้อยซ์คอยขนาดใหญ่จะมีความสามารถควบคุมไดอะแฟรมได้ดีกว่าว้อยซ์คอยขนาดเล็ก

แผงหลังหรูหรา..

Silver 100 LE เป็นลำโพงตู้เปิดโดยเจาะรูระบายอากาศไว้หนึ่งท่อ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 .. ติดตั้งอยู่ที่แผงหลัง บริเวณตรงกลางของตัวตู้เยื้องจากเซ็นเตอร์ขึ้นไปทางด้านบนนิดหนึ่ง เป็นระบบท่อระบายอากาศที่ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษที่ทางผู้ผลิตตั้งชื่อเรียกไว้ว่า HiVe II Technology มีคุณสมบัติในการถ่ายลมออกและดูดลงเข้าที่รวดเร็วโดยไม่มีปัญหาเสียงรบกวน เหนือรูระบายอากาศขึ้นไปด้านบนจะมีป้ายสีทองที่ระบุลำดับคู่ของลำโพงติดตั้งอยู่บนนั้น นอกจากนั้น ถ้าสังเกตจะเห็นหัวน็อตสีดำๆ 2 ตัว (ศรชี้) ฝังตัวอยู่ ค้นไม่เจอข้อมูลที่มาของน็อตสองตัวนี้ แต่เดาว่าน่าจะเป็นน็อตตัวยาวๆ ที่ใช้ขันยึดด้านหลังของโครงของตัวไดเวอร์ทั้งสองตัวเพื่อควบคุมเรโซแนนซ์ที่เกิดจากการขยับตัวของไดอะแฟรมไม่ให้แพร่กระจายมาที่โครงและผ่านเลยมาถึงตัวตู้

ขั้วต่อสายลำโพงที่ให้มาหรูหราดูดีมีสกุลมาก ตัวขั้วต่อทำด้วยโลหะชุบทอง ขนาดใหญ่แข็งแรง แยกสำหรับเชื่อมต่อสัญญาณจากสายลำโพงเข้าที่ทวีตตอร์ (HF) กับเข้าที่วูฟเฟอร์ (LF) ออกมาเป็น 2 ชุด เปิดโอกาสให้เล่นแบบไบ-ไวร์ฯ หรือไบ-แอมป์ฯ ได้ด้วย แต่แกะกล่องออกมาจะมีจั๊มเปอร์ที่เป็นแผ่นโลหะชุบทองติดมาให้ด้วย กรณีที่ใช้งานกับสายลำโพงแบบซิงเกิ้ลไวร์

แม็ทชิ่ง+เซ็ตอัพ

ในสเปคฯ ของ Silver 100 LE ระบุเร้นจ์ความถี่ที่ลำโพงคู่นี้สร้างออกมาตั้งแต่ 35Hz ขึ้นไปจนถึง 35kHz โดยวงจรครอสโอเวอร์เน็ทเวิร์คที่กำหนดจุดตัดแบ่งความถี่ระหว่างไดเวอร์ทั้งสองอยู่ที่ 2300Hz แสดงว่า ทวีตเตอร์รับหน้าที่สร้างความถี่ตั้งแต่ 2300Hz ขึ้นไปจนถึง 35000Hz ส่วนตัวมิด-วูฟเฟอร์รับหน้าที่สร้างความถี่เสียงตั้งแต่ 2300Hz ลงมาถึง 35Hz

ขับด้วยออลอินวัน Audiolab รุ่น Omnia (50W ต่อข้าง)

ความไวของลำโพงคู่นี้วัดที่อิมพีแดนซ์ 8 โอห์ม ได้ออกมาเท่ากับ 87.5dB ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ในขณะที่อิมพีแดนซ์ต่ำสุดสวิงลงไปอยู่ที่ 4.9 โอห์ม (วัดที่ความถี่ 170Hz) ไม่ได้ลงไปถึง 4 โอห์ม ก็แสดงว่าลำโพงคู่นี้ไม่ได้กินกำลังสำรองของแอมป์สูงมาก แสดงว่าแอมป์ระดับกลางๆ ก็น่าจะเอาอยู่ และเมื่อพิจารณาไปที่ “กำลังขับสูงสุดที่รับได้” อยู่ที่ 120W กับตัวเลข “กำลังขับต่ำสุดถึงสูงสุดที่แนะนำ” คือ ต่ำสุด 40Wสูงสุด 120W ก็ไม่โหดนะ แอมป์ระดับกลางๆ ก็น่าจะขับออกมาได้คุณภาพน่าพอใจ ช่วงทดสอบลำโพงคู่นี้ผมมี all-in-one ของ Audiolab รุ่น Omnia ที่ให้กำลังขับ 50W ที่ 8 โอห์ม, 75W ที่ 4 โอห์ม ซึ่งถือว่าน้อยไปหน่อยที่จะขับ Silver 100 LE ออกมาให้ได้ผลเต็มที่ แต่เสียงที่ออกมาผมลองฟังดูแล้วถือว่าดีกว่าที่คาด เหลือแต่ไดนามิกกับเวทีเสียงเท่านั้นที่ยังออกมาไม่เต็มสเกล ตอนท้ายผมทดลองใช้ Omnia ทำหน้าที่เป็น source + ปรีแอมป์ แล้วเพิ่มเพาเวอร์แอมป์ QUAD รุ่น Artera Power ที่มีกำลังขับข้างละ 140W ที่ 8 โอห์ม เข้ามาเสริม ปรากฏว่าขับ Silver 100 LE ออกมาได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า ไดนามิกสวิงได้เต็มสเกลในขณะที่เวทีเสียงก็ฉีกเปิดออกไปทั้งสามมิติ ถือว่าแม็ทชิ่งกันมากกว่า

ใช้ Audiolab: Omnia เป็นสตรีมเมอร์&ปรีแอมป์
+ QUAD: Artera Power (140W ต่อข้าง)

แต่เพื่อให้ชัวร์มากขึ้น ในตอนท้ายๆ ผมก็ทดลองเปลี่ยนมาใช้อินติเกรตแอมป์ Accuphase รุ่น E-280 (90W ต่อข้างที่ 8 โอห์ม) เข้ามาทำหน้าที่ขับ Silver 100 LE เพื่อดูว่าลำโพงคู่นี้จะไปกับแอมป์ได้ไกลแค่ไหน ปรากฏว่า เสียงที่ออกมามีคุณภาพสูงขึ้นไปอีกขั้นในแง่ของความเนียนสะอาด ความละมุนของปลายเสียงและรูปทรงเวทีเสียงที่เด่นชัดมากขึ้น แม้ว่าทางด้านไดนามิกสวิงจะลดความตึงตังลงไปนิดนึงเมื่อเล่นเพลงดุๆ อย่างพวกเพอร์คัสชั่นกลองจีน แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แสดงว่า Silver 100 LE ไปกับแอมป์ที่มีคุณภาพสูงๆ ได้ไกลพอสมควร (Accuphase E-280 ราคาแสนกลางๆ *** รีวิวจะตามมาในไม่ช้า)

ขับด้วย Accuphase รุ่น E-280 (+ DAC ในตัว E-280)

ส่วนการเซ็ตอัพตำแหน่งของ Silver 100 LE ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากลำโพงสองทางวางขาตั้งทั่วไป ผมวางมันบนขาตั้งสูง 24 นิ้ว ของ Atacama รุ่นที่ผมใช้ประจำคือ MOSECO XL600 (REVIEW) ผมเริ่มเซ็ตอัพด้วยสูตรของผม พบว่าลำโพงคู่นี้ให้เสียงที่ลงตัวที่สุดในห้องฟังของผมด้วยระยะห่างระหว่างซ้าย-ขวาอยู่ที่ 170 ซ.ม. และมีระยะห่างผนังหลังอยู่ที่ 140 ซ.ม. ใกล้เคียงกับตำแหน่งลงตัวของลำโพงสองทางวางขาตั้งคู่อื่นๆ ในห้องนี้

เสียงของ Silver 100 LE

พิจารณาจากขนาดของตัวตู้และขนาดของไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ที่ใช้ก็พอจะเดาได้ว่าคนออกแบบ Silver 100 LE คู่นี้คิดยังไง ซึ่งเสียงที่ผมได้ยินออกมาจากลำโพงคู่นี้มันก็เป็นไปในทิศทางที่คาดเดาเป๊ะเลย.!!

อัลบั้ม : Time Out (DSD64)
ศิลปิน : The Dave Brubeck Quartet
สังกัด : Columbia-Legacy

อย่างแรกคือ “เปิดได้ดังมาก” คือผมสามารถเปิดวอลลุ่มได้ดังกว่าลำโพงสองทางวางขาตั้งทั่วไปมาก ถ้าเป็นลำโพงเล็กทั่วไปเมื่อเปิดดังๆ มักจะมีอาการมั่ว เสียงจะรวมๆ กันแยกแยะได้ยากขึ้นและมีอาการพุ่งๆ ดันๆ ออกมาด้วย แต่ Silver 100 LE คู่นี้ไม่มีอาการเช่นนั้นเลย ผมสามารถเปิดอัดมันจนดังเต็มห้องได้โดยที่ไม่มีอาการมั่วเกิดขึ้น มิหนำซ้ำ เมื่อฟังเพลงส่วนใหญ่ พอเปิดดังกลับทำให้ผมได้เวทีเสียงที่แผ่ขยายออกไปมากขึ้น คล้ายกับว่า การเร่งวอลลุ่มก็เหมือนการปั๊มลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อเร่งดัง สนามเสียงก็จะแผ่ขยายออกไปมากขึ้น เวทีเสียงทั้งด้านกว้างและลึกฉีกทะลุผนังห้องออกไปเลย นอกจากนั้น เมื่อเร่งวอลลุ่มสูงขึ้น มันทำให้ผมได้อัตราสวิงของไดนามิกเสียงที่กว้างขึ้นด้วย ผลลัพธ์ก็แฮ้ปปี้ซิครับ.. เพราะไดนามิกเร้นจ์ที่สวิงกว้างมากเท่าไร เสียงที่ออกมาก็จะเข้าใกล้ความเป็นธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น สังเกตได้จากเสียงกลองในเพลง Take Five ของอัลบั้มชุดนี้ที่ไม่ได้มาแค่หัวอิมแพ็ค แต่มีทั้งมวลของบอดี้และฮาร์มอนิกตามติดออกมาเป็นกระบวน ช่วงที่ Joe Morello โซโล่กลองในแทรคนี้ เสียงที่ออกมามีพลังความสมจริงมากเหมือนนั่งฟังอยู่ในห้องอัดยังไงยังงั้น..!!!

อัลบั้ม : Antiphone Blue (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Arne Domnerus with Gustaf Sjokvist
สังกัด : FIM

นอกจากนั้น ขนาดของไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ที่ใหญ่ถึง 8 นิ้ว ยังแสดงคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมออกมาอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือความสามารถในการครอบคลุมย่านความถี่ที่กว้างกว่าไดเวอร์ตัวเล็กๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในย่านต่ำ พิจารณาจากสเปคฯ frequency response ที่ระบุไว้ว่าลงได้ถึง 35Hz อันนี้ดูเหมือนโม้ แต่จากการลองฟังเสียงออร์แกนท่อจากเพลง ‘Sometimes I Feel Like A Motherless Child’ แทรคที่สามในอัลบั้มชุดนี้ ซึ่ง Silver 100 LE แสดงให้เห็นว่ามันสามารถถ่ายทอดหางเสียงความถี่ต่ำที่ลงลึกไปถึงขนาดนั้นออกมาได้จริง ฟังจากเพลงนี้แล้ว ผมสัมผัสได้ถึงมวลความถี่ต่ำลึกๆ ที่แผ่กระจายอยู่ในห้อง ลักษณะเหมือนกลุ่มหมอกที่แผ่คลุมอยู่บริเวณด้านล่างของสนามเสียง ส่งให้เสียงอบอวลกระจายเต็มห้อง ได้บรรยากาศเหมือนกำลังนั่งอยู่ในโบสถ์

อัลบั้ม : The Greatest Basso Vol.1 (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Zhao Peng
สังกัด : Tuya Records

อัลบั้ม : What A Difference A Day Makes (DSD64)
ศิลปิน : Ingram Washington
สังกัด : STS Digital

อัลบั้ม : The Very Thought Of You (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Al Somma
สังกัด : Premium Records

ศิลปินชายเจ้าทั้งสามคน ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานทั้งสามอัลบั้มข้างบนนี้ล้วนเป็นนักร้องที่มีโทนเสียงหนา มีเสียงลงคอต่ำๆ เป็นฐานเสียงคล้ายๆ กัน ซึ่งมีลำโพงสองทางวางขาตั้งจำนวนไม่มากนักที่สามารถถ่ายทอดเสียงร้องของทั้งสามคนนี้ออกมาได้อย่าง “หมดจด” ทุกคำร้องแบบเต็มๆ ทั้งโน๊ตหลักและฮาร์มอนิกคู่ควบที่ปูรองเป็นฐานคอยอุ้มเสียงร้องให้อิ่มลอย ซึ่งฟังผ่าน Silver 100 LE คู่นี้แล้วมันทำให้ผมเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ต่างจากตอนฟังเสียงร้องของพวกเขาทั้งสามผ่านลำโพงคู่อื่น ยกตัวอย่างเช่นเสียงร้องของ Zhao Peng ซึ่งฟังจากลำโพงสองทางวางขาตั้งบางคู่แล้วจะรู้สึกว่าเสียงร้องของเขามี อะไรหนาๆเกาะอยู่กับเสียงร้อง มันเป็นความหนาที่มีลักษณะขุ่น พอได้มาฟังจาก Silver 100 LE คู่นี้มันทำให้ผมรู้ว่า อะไรหนาๆที่ได้ยินจากลำโพงบางคู่นั้นไม่ได้มาจากเสียงร้องของจ้าวเผิง แต่เป็น ความถี่ต่ำในย่านใกล้ๆ กับเสียงร้อง (ช่วงกลางต่ำ) ซึ่งถูกลำโพงคู่นั้น boost ขึ้นมาแล้วเกาะติดเป็นเงาคู่ไปกับเสียงร้องตลอดเวลา เพราะเสียงร้องของจ้าวเผิงที่ได้ยินจาก Silver 100 LE คู่นี้มันฟ้องให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ช่วงที่เขาร้องโน๊ตต่ำๆ เท่านั้นน้ำเสียงของเขาถึงจะมีมวลต่ำๆ เกิดขึ้น มันไม่ได้เป็นความถี่ต่ำที่เกาะอยู่กับเสียงร้องตลอดเวลา

หลังจากลองฟังเพลงร้องทั้งสามอัลบั้มข้างต้นแล้ว ผมก็ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า Silver 100 LE คู่นี้ให้เสียงกลางที่มีวรรณะถูกต้องเป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะเสียงร้องที่มีสีสันน้อยมากเมื่อเทียบกับเสียงกลางของลำโพงสองทางวางขาตั้งอื่นๆ ส่วนใหญ่ ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะตัวมิด-วูฟเฟอร์ฯ มันตอบสนองความถี่ต่ำลงไปได้ลึกถึง 35Hz จึงสามารถแยกความถี่ในย่าน กลาง > กลางต่ำ > ทุ้มต้น > ทุ้มกลาง ออกจากกันได้เด็ดขาดกว่าลำโพงสองทางขนาดเล็กทั่วไปที่จำเป็นต้องบู๊สต์ความถี่กลางต่ำลงไปถึงทุ้มต้นๆ ขึ้นมาช่วยเพื่อทำให้เสียงโดยรวมมีลักษณะที่อิ่มหนา นั่นเป็นเพราะว่าลำโพงสองทางส่วนใหญ่ใช้ไดเวอร์มิด-วูฟเฟอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า 8 นิ้วนั่นเอง

อัลบั้ม : Female Audiophile II (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Various Artists
สังกัด : Master

ส่วนเสียงของนักร้องผู้หญิง รวมถึงเสียงดนตรีในย่านกลางขึ้นไปถึงสูงถือว่าเป็นไฮไล้ท์ของลำโพง Monitor Audio คู่นี้เลย อัลบั้มนี้รวมนักร้องหญิงเด่นๆ หลายคน แต่ละคนมีโทนเสียงที่แตกต่างกันไป บางคนโทนแหลมบางคนโทนต่ำ ซึ่ง Silver 100 LE คู่นี้สามารถถ่ายทอดเสียงร้องของนักร้องหญิงเหล่านี้ออกมาได้ตรงตามโทนเสียงหลักของนักร้องเหล่านี้ทุกคน ในช่วงโหนเสียงขึ้นคีย์สูงในหลายๆ แทรคก็สวิงไต่ระดับความดังจากเบาไปดังด้วยความลื่นไหล ไปสุดโดยไม่มีอาการหยาบกร้านหรือจัดจ้านแต่อย่างใด… ทวีตเตอร์สีทองของ Monitor Audio มีชื่อเสียงในแง่นี้มาตั้งแต่ปี 1991 จนถึง Silver 100 LE คู่นี้มันยังคงรักษาคุณสมบัติที่โดดเด่นของเสียง กลาง > กลางสูง ที่ใส ลื่นไหล และเจือความหวานฉ่ำ เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ใครชอบเพลงร้องต้องลองฟังลำโพงคู่นี้ให้ได้..!!

อัลบั้ม : Virtuoso Pieces Of Chinese Percussion (DSD64)
ศิลปิน : Yim Hok-Man
สังกัด : Marco Polo

เสียงทุ้มที่ Silver 100 LE ตัวนี้ให้ออกมามันไม่ได้ออกไปทางตูมตาม หรือพยายามที่จะเบ่งเสียงทุ้มที่มีปริมาณเยอะๆ ออกมาแบบกระโชกโฮกฮาก ต้องยอมรับว่า ทุ้มของลำโพงคู่นี้มีความนุ่มติดปลายออกมาหน่อยๆ มันเก่งในการถ่ายทอดเสียงทุ้มที่มีลักษณะทอดหางยาวออกไปเรื่อยๆ แต่กับเสียงทุ้มที่พุ่งดันออกมาด้วยปริมาณเยอะๆ อย่างรวดเร็ว อย่างเสียงตีกลองจีนของแทรคแรกในอัลบั้มนี้มันยังทำได้ไม่เต็มร้อย ความกระชับฉับพลันยังเป็นรองลำโพงที่มีระดับสูงกว่าเป็นเท่าตัวอย่าง Totem Acoustics รุ่น The One ที่ผมใช้ฟังเทียบ (The One คู่ละแสนสอง ในขณะที่ Silver 100 LE คู่ละไม่ถึงหกหมื่น) ซึ่งโทเท็ม เดอะวัน ให้สปีดของหัวเสียงตีกลองจีนที่เร็วกว่า แต่ Silver 100 LE ให้มวลหนากว่าแต่ทรานเชี้ยนต์ช้ากว่านิดนึง (ถ้าเดอะ วันทำได้ 10 ผมให้คะแนน Silver 100 LE อยู่ที่ 8.5)

แค่สปีดของหัวเสียงสัมผัสแรกที่ติดช้านิดเท่านั้น แต่นอกเหนือจากนั้น Silver 100 LE ทำออกมาได้ดีมาก บอดี้เบสที่ตามมาแสดงให้รู้สึกถึงอาการกระเพื่อมของหนังกลองที่ชัดมาก เป็นเสียงทุ้มที่มีมวลและแผ่กระจายออกไปรอบด้าน ฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นเสียงที่เกิดจากกลองที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นรายละเอียดในระดับที่ลำโพงสองทางวางขาตั้งน้อยตัวนักที่จะสามารถบอกเล่าออกมาให้เห็นภาพได้ชัดแบบนี้.!!

อัลบั้ม : Liberty (TIDAL/FLAC 44.1)
ศิลปิน : Anette Askvik
สังกัด : –

เสียงเบสของเพลงสมัยใหม่ที่มักจะมีลักษณะเป็นเสียงทุ้มต่ำๆ ที่แผ่คลุมพื้นที่ออกไปกว้างๆ แบบไม่ระบุตัวตนและทิศทาง เหมือนหมอกควันที่คละคลุ้งอยู่เรี่ยพื้นแบบที่ได้ยินจากอัลบั้มนี้เป็นเรื่องถนัดสำหรับลำโพงคู่นี้ มันดันเสียงทุ้มต่ำๆ ที่ว่านั้นให้แผ่ขยายออกไปได้กว้างมาก เป็นผลมาจากการทำงานของไดเวอร์มิด-วูฟเฟอร์ฯ ขนาด 8 นิ้ว นั่นเอง และเนื่องจากความถี่ต่ำที่ยิงออกทางท่อระบายเบสอยู่ที่ 42Hz ดังนั้น ระยะห่างผนังหลังจึงมีผลกับความถี่ต่ำในช่วง 42Hz ลงไปถึง 35Hz มาก ถ้าวางห่างผนังหลังมากไป เสียงทุ้มในย่าน 42Hz ลงไปถึง 35Hz จะออกมาบาง เมื่อขยับลำโพงเข้าไปชิดผนังหลังได้ระยะที่ลงตัวจะส่งผลกับเสียงทุ้มต่ำๆ มากทีเดียว ซึ่งฐานของเสียงเบสต่ำๆ มาจากการเซ็ตอัพที่จุดนี้ หลังจากขยับตำแหน่งจนลงตัว ผมพบว่า เสียงทุ้มของ Silver 100 LE คู่นี้ถูกจูนมาดีมาก กับหลายๆ เพลงที่ไม่ได้ชูเสียงเบสเด่นๆ มันก็ยังสามารถแสดงตัวออกมาเป็นเสียงต่ำที่คลออยู่กับจังหวะของเพลงเบาๆ ไปตลอด ทำให้ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่น ไม่แห้ง นี่คือสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นี้มาตั้งแต่เริ่มต้น

สรุป

ลำโพง Silver 100 Limited Edition ของ Monitor Audio คู่นี้ให้ประสบการณ์ในการฟังที่แตกต่างจากลำโพงสองทางวางขาตั้งคู่อื่นๆ หลายๆ ครั้งที่มันทำให้รู้สึกเหมือนกำลังฟังลำโพงตั้งพื้นขนาดกลางๆ เพราะฐานเสียงทุ้มต่ำๆ ที่คลอเคลียอยู่กับเพลงตลอด แม้ว่าจะเป็นโทนเสียงที่ปรุงมา แต่ก็ทำให้เพลงออกมาน่าฟัง การถ่ายทอดเสียงของลำโพงคู่นี้อาจจะไม่ถึงกับมอนิเตอร์จ๋า แต่สีสันที่ปรุงมาทำให้ฟังแล้วรู้สึกดีแม้กับเพลงตลาดๆ แนวคอมเมอร์เชี่ยลทั่วไป

นั่นไม่ได้หมายความว่า Silver 100 LE จะให้เสียงที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ ซึ่งผมเชื่อว่า ไม่มีลำโพงสองทางวางขาตั้งตัวไหนในโลกนี้ที่ให้เสียงได้เที่ยงตรงสมจริงในทุกย่านเสียง เพราะขนาดตัวตู้และจำนวนไดเวอร์ที่ใช้มันจำกัด ยังไงก็ต้องมีการปรุงแต่งเข้ามาช่วยชดเชยไม่มากก็น้อย ปัญหามันอยู่ที่ว่า ใครปรุงแต่งแล้วให้เสียงออกมาน่าฟังมากกว่ากันต่างหาก

Silver 100 Limited Edition ให้เสียงที่คาบเกี่ยวอยู่ระหว่าง ความสมจริงกับ สีสันที่นุ่มนวลในสัดส่วน 70:30 ซึ่งผมไม่ติดขัดอะไรกับการฟังลำโพงคู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไฮเอ็นด์หรือแนวคอมเมอร์เชี่ยลก็รับได้หมด จุดเด่นของมันอยู่ที่สามารถครอบคุมความถี่เสียงได้กว้างมากพอสำหรับเพลงทุกแนว และสามารถเปิดได้ดังเพื่อให้ได้อัตราสวิงไดนามิกที่กว้าง ซึ่งเป็นข้อจำกัดของลำโพงสองทางวางขาตั้งทั่วไป

ผมลองแล้วชอบมั้ย.? ผมชอบมาก.. โดยเฉพาะตัวตู้ที่สวยมาก บวกกับคุณค่าทางใจของความเป็นลำโพงเวอร์ชั่นพิเศษรุ่นลิมิเตทที่มีอยู่แค่ 999 คู่ในโลกนี้.. กับเสียงแบบนี้ ในงบประมาณคู่ละไม่ถึง 6 หมื่นบาท จะไม่ให้ชอบได้ยังไง..??? /

***********************
ราคา : 54,900 บาท / คู่
***********************
สนใจติดต่อที่
CH Home Media
โทร. 094-461-4152

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า