“Desperado” โศลกคันทรี-ร๊อค [End] – ‘Desperado’ บัลลาดอ้างว้าง ร้างไร้ และสิ้นหวัง

[1]

เมื่อความเศร้าแผ่กำจาย มิอาจหยุดยั้งโลกภายในที่ติดบ่วงของความโดดเดี่ยวอ้างว้างและสิ้นหวัง

ในปี 1973 เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงนาน 7 นาที 4 วินาที มองเห็นได้ในทวีปอเมริกาใต้ และมหาสมุทรแอตแลนติก

มีสุริยุปราคาเต็มดวงเพียง 7 ครั้งเท่านั้นในคริสต์สหัสวรรษที่ 2 ที่ยาวนานกว่า 7 นาที โดยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่มีผู้สังเกตการณ์จากเครื่องบินคองคอร์ด ไล่ตามเงามืดของดวงจันทร์จนมองเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงนานถึง 74 นาที

การเข้าร่วมในสงครามเวียดนามของสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดลง ด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพปารีส ทหารสหรัฐฯ คนสุดท้ายเดินทางออกจากเวียดนาม

Desperadoอัลบั้มของวง ดิ อีเกิลส์ (The Eagles) ออกมาในปี 1973 เช่นกัน ดูเหมือนโลกกำลังตกอยู่ในห้วงดำมืดของความร้างไร้และสิ้นหวัง โดยเฉพาะชาวอเมริกัน

อีกนัยหนึ่ง Desperadoเป็นบทเพลงนำอัลบั้มที่วางไว้ในลำดับที่ 5 และถูกนำมาเป็นชื่ออัลบั้ม

เมื่อมาดูถึงห้วงลึกของความหมาย ตามรูปศัพท์ Desperado หมายถึงและเกี่ยวโยงกับคำว่า คนนอกกฎหมาย, คนร้าย, อาชญากร (Outlaw) โดยเฉพาะในตะวันตกแดนเถื่อนดิบแบบอเมริกัน หรือโอลด์ เวสต์

อาชญากรที่อาจหาญอย่างบ้าระห่ำอย่างสิ้นคิดและถือเป็นบุคคลอันตราย ในอีกความหมายคือ คนสิ้นหวังหรือหมดหวัง

ชื่อเพลงนี้เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ถูกนำไปขยายความในทุกสิ่ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ออกมาสู่สาธารณชน และได้ไปไกลกว่าอายุเพลงที่ใช้งานตามธุรกิจดนตรีที่วางไว้ กลายเป็นบทเพลงซูเปอร์อมตะคลาสสิคนิรันดร์กาลไปในปัจจุบันและอนาคต

บทเพลงบัลลาดที่เน้นนำอารมณ์โศกลอยเด่น เสียงหม่นหมองครองเศร้าจากกลุ่มเครื่องสายลอยอบอวลไพเราะ เสียงขับร้องที่ดีเลิศเปล่งพลังออกมาอย่างจริงใจของ ดอน เฮนลีย์

จากความยาวเพลง 3.33 นาที จึงมิต้องสงสัยในการเข้าไปอยู่ในใจของคอเพลง และกลายเป็นบทเพลงแสนโปรดปรานอย่างมิอาจถ่ายถอน แม้วันเวลาจะผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่ ถึงวันนี้ก็ 45 ปีเต็มเข้าไปแล้ว

คู่หูเขียนเพลง เกลน เฟรย์ กับ ดอน เฮนลีย์ ได้ก่อเกิดอย่างจริงจังเข้มข้นผ่านบทเพลงนี้เช่นกัน และไม่น่าเชื่อว่าบทเพลง ’Desperadoไม่เคยถูกตัดเป็นซิงเกิล แม้จะเป็นหนึ่งในบทเพลงยอดนิยมที่ฮิตและเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดเพลงหนึ่งของวง ดิ อีเกิลส์

นิตยสาร โรลลิ่ง สโตน จัดให้อยู่ในลำดับที่ 494 จาก 500 ลำดับบทเพลงที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ซึ่งคัดเลือกจัดลำดับกันในปี 2004 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว

แน่นอน บทเพลง ’Desperadoได้ถูกนำไปร้องคอฟเวอร์และตีความมากมายในแนวดนตรีต่างๆ อย่างที่ทุกคนแสดงออกมาถึงความนิยมชมชอบและเคารพบทเพลงนี้ว่า ยอดเยี่ยมมากมายปานใด

อย่างที่ว่าใช่อยู่ดีๆ บทเพลงจะตกลงมาเข้าสู่หัวสมองจากฟากฟ้า หากตามไปค้นลึกในรากฐานความคิดสู่รากเหง้าที่มาของบทเพลงนี้ที่มีที่มาจาก ดอน เฮนลีย์ ในปี 1968 พื้นฐานของบทเพลงนี้เขียนขึ้นตามรูปแบบหรือสไตล์บทเพลงเก่าในแนวทางของ สตีเฟ่น ฟอสเตอร์

แล้ว สตีเฟ่น ฟอสเตอร์ คือใคร เขาถูกยกย่องเชิดชูและรู้จักกันดีในฐานะ ‘บิดาแห่งดนตรีอเมริกัน(the father of American music)

Stephen Collins Foster (1826-1864)
* ขอบคุณภาพจาก Wikipedia

เมื่อย้อนกลับในศตวรรษที่ 19 ฟอสเตอร์เป็นนักเขียนเพลงชาวอเมริกันที่มีส่วนสำคัญในเชิงวิวัฒน์ทางดนตรีและบทเพลงสมัยนิยม เขาเขียนเพลงมากกว่า 200 บทเพลง บทเพลงต่างๆ ที่ยังรู้จักกันดีและฟังกันถึงปัจจุบัน อาทิ ‘Oh! Susanna’, ‘Hard Times Come Again No More’, ‘Camptown Races’, ‘Old Folks at Home’ (Swanee River), ‘My Old Kentucky Home’, ‘Jeanie with the Light Brown Hair’, ‘Old Black Joeและ ‘Beautiful Dreamer’.

อย่างที่ว่า บทเพลงมากมายจากการประพันธ์ของฟอสเตอร์ ยังคงเป็นที่นิยมชมชอบกันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบทเพลงของเขาก็เปรียบประดุจกับชีวประวัติของเขาเอง

อัตลักษณ์ในบทเพลงของฟอสเตอร์นั้นเข้มข้น จนถูกยกให้เป็นนักเขียนเพลงที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นประพันธกรอเมริกันที่ถูกจดจำกันในระดับนานาชาติ

สูตรหรือสไตล์การเขียนเพลงของ สตีเฟ่น ฟอสเตอร์ ส่งอิทธิพลปรากฏชัดในการเขียนเพลงของ ดอน เฮนลีย์ และในเพลง ‘Desperadoก็เช่นกัน ซึ่งดั้งเดิมบทเพลงนี้จะกล่าวถึงเพื่อนของเขาที่ชื่อ ลีโอ และเป็นการเขียนค้างไว้ ต่อมาในปี 1972 หลังจากบันทึกอัลบั้มชุดแรกของวง ดิ อีเกิลส์ เสร็จในกรุงลอนดอน อังกฤษ เกลน เฟรย์กับ ดอน เฮนลีย์ ตัดสินใจที่จะเขียนเพลงร่วมกันในฐานะดูโอหรือคนคู่

Desperadoในร่างแรกก่อนที่ เกลน เฟรย์ จะเข้ามาแต่งเพิ่มเสริมแต่งในช่องว่างและปรับโครงสร้างของเพลงให้มีความเป็นเวสต์เทิร์นแบบโอลด์ เวสต์ นั้น อารมณ์และกลิ่นเดิมๆ โดยฝีมือของเฮนลีย์นั้น บทเพลงมีทางและความรู้สึกตามพื้นฐานของบทเพลงแบบเก่าอย่าง สตีเฟ่น ฟอสเตอร์ และมีกลิ่นอายโซลแบบคนผิวสีแอฟริกันอเมริกัน แบบ เรย์ ชาร์ลส ผสมปนเปกันอยู่

หลังเขียนเสร็จบทเพลงนี้ถูกบันทึกเสียงกันที่สตูดิโอไอส์แลนด์ ในกรุงลอนดอน อังกฤษ นักดนตรีใช้บริการจากวงเดอะ ลอนดอน ฟิลฮาร์โมนิค ออร์เคสตร้า และมีวาทยกรคือ จิม เอ็ด นอร์แมน การประพันธ์และเรียบเรียงดนตรีในท่อนเครื่องสายที่โดดเด่นเด้งลอยโอบอุ้มอารมณ์เพลงที่โศการ้างไร้ เป็นเพื่อนเก่าแก่ของเฮนลีย์ที่อยู่วงดนตรีชิโลห์

เกร็ดเล็กๆ ของดอน เฮนลีย์ เขาต้องการอัดเสียงเพลงนี้เพียง 4-5 เทคเท่านั้น เพราะโปรดิวเซอร์หรือคนควบคุมการผลิต เกลน จอห์นส์ ต้องการความรวดเร็วเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าจ้างวงออร์เคสตร้าขนาดเต็มวงมาบันทึกเสียง ซึ่งพอมามองย้อนหลังกลับไป เฮนลีย์ บอกว่า เขาเสียใจมากๆ ที่เร่งด่วนบันทึกเสียง เพราะโดยส่วนตัวเขาเองคิดว่ายังร้องได้ไม่ดีเพียงพอ การร้องในการบันทึกเสียงครั้งนั้นไม่ใช่การร้องที่ดีที่สุดของเขาเท่าที่จะไปถึงได้

อย่างที่ว่า ‘Desperadoถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่ 2 จากบทเพลงทั้งหมดของ ดิ อีเกิลส์ ที่ผู้คนนิยมชมชื่นในฐานะเพลงแสนโปรดปรานของตัวเอง จากการจัดโพลผ่านผู้อ่านนิตยสารโรลลิ่ง สโตน รวมถึงสมาชิกนักเขียนแนวเวสเทิร์นแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ยกย่องให้เพลงนี้ติด 1 ใน 100 บทเพลงเวสเทิร์นอมตะนิรันดร์กาล

แต่สิ่งที่น่าตกใจมากคือ บทเพลงนี้ไม่เคยติดอันดับในชาร์ตเพลงฮิตยอดนิยมของบิลบอร์ดเลย จนกระทั่งการตายของ เกลน เฟรย์ เมื่อปี 2016 สามารถขึ้นอันดับที่ 20 แค่ในชาร์ตเพลงร๊อค ดิจิทัล ซองส์ เพียงเท่านั้นเอง

[2]

เสียงเคาะเปียโนขึ้นต้นอย่างโหยหวานสอดรับกับเสียงร้องโศกเครือเต็มเสียงที่เปล่งขับความรู้สึกผ่านเนื้อคำและความหมายจากห้วงลึกภายใน กลุ่มเครื่องสายไหลลอยเข้าครอบคลุมบรรยากาศโอบอุ้มตัวเพลง

ภาวะจ่อมจมกับความทุกข์ตรมที่ยากจะลืมเลือน มันประทับฝังแน่นเป็นแผลเป็นที่บาดลึกแม้ตกสะเก็ดไปนานแล้ว แต่ความเจ็บปวดยังอยู่เหมือนแผลสดอยู่เสมอ

ความผิดหวังอย่างมิอาจถ่ายถอนในการเลือกทางเดินชีวิตในอดีต สิ้นและหมดหวังเกินจะเสียใจ อยู่กับมันให้ได้และเป็นอย่างนี้ไปตลอดกาล จนปิดฉากหมดลมหายใจในวันใดวันหนึ่ง

บทเพลงปลอบประโลมใจของคนที่จมอยู่กับอดีตที่พ่ายแพ้ ความผิดขั้นลหุโทษที่มิอาจลบเลือน เสียใจอย่างลึกซึ้งมิอาจไถ่ถอน สามารถตีความตรงๆ ได้ทั้งในแง่ความชั่วช้าที่ก่อขึ้น หรือแม้กระทั่งในโหมดของความรักที่พังทลายและมิอาจกู้คืน เดินอยู่ในความอ้างว้างและโดดเดี่ยว ได้แต่เหลียวมองอดีตอย่างน่าเวทนาและไม่มีวันลืมมันได้

คนนอกกฎหมายผู้สิ้นหวัง ทำไมคุณไม่สามารถสลัดถ่ายถอนความตรอมตรมได้
คุณหลงผิดติดอยู่กับมัน ล้อมกรอบตัวเองทุกข์ทรมานยาวนานถึงบัดนี้
โอ! มันช่างหนักหนาสาหัสสากรรจ์เหลือเกิน
แต่ฉันรู้ว่า คุณมีเหตุผลของคุณเอง
สิ่งเหล่านั้นที่คุณกระทำมาเหมือนคำแก้ตัว
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร มันก็เจ็บปวดรวดร้าว

ท่อนแรกในเนื้อร้องของบทเพลง ‘Desperadoช่างกรีดลึกบาดเข้าไปในห้องหัวใจทุกห้องอย่างสะท้านสะเทือน น้ำตาคลอหน่วยอาบเอิบแผลในหัวใจ

หากตีความบทเพลงนี้แค่เปลือกผิวด้วยมุมมองผิวเผิน ‘Desperadoเป็นบทเพลงที่เกี่ยวกับคาวบอยหรือโคบาลพ่ายรัก ปฏิเสธไม่ยอมตกหลุมรักหรือรักใครอีก

หากจับเอาคำว่า Desperate ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่บอกถึงความรู้สึก ซึ่งจะเป็นความรู้สึกของใครบางคนที่หมดหวังหรือเขาตาจนกับสถานการณ์ที่แย่มากจนไม่สามารถทำอะไรได้ การไม่มีทางเลือก นำไปสู่ความรุนแรงและเป็นอันตราย

ดังนั้นคนที่ตกอยู่ในภาวะอารมณ์ความรู้สึกเฉกเช่นนี้ ล้วนเป็นพวกเดนตาย อาจทำอะไรที่เสี่ยงๆ ไม่กลัว เพราะไม่มีอะไรต้องสูญเสียแล้ว หมดหวังหรือสิ้นหวังจนเข้าตาจน ร้างไร้ทางไปหรือทางออก

ในอีกการตีความจากผู้ร่วมแต่งเพลง จินตภาพของ เกลน เฟรย์ ที่มีต่อบทเพลงนี้ของเขา อุปมาอุปไมยคล้ายชีวิต ความรู้สึกนึกคิดของเด็กหนุ่มที่มีความปรารถนาไหลหลงในกีตาร์เลส พอล ที่วางโชว์อยู่ในร้านขายเครื่องดนตรี มองมันด้วยพลังชีวิตและกิเลสของการอยากครอบครองเพื่อเป็นเจ้าของ ผจญภัยพร้อมกีตาร์คู่ใจในวัยแสวงหา มุ่งสู่ความฝันทะยานอยากถึงชื่อเสียงและเงินทอง

เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่าน วันวัยมากขึ้น ด้านมืดในจิตใจเข้าครอบงำ พลังชีวิตถูกใช้จนหมดสิ้น กลายเป็นนักดนตรีพเนจรเร่ร่อนรอนแรมด้วยชีวิตกลางคืนไปยังเมืองต่างๆ ที่ไม่ซ้ำกัน ไม่มีคนรู้จักไม่มีความสัมพันธ์ที่ยืนยาว ปิดกั้นตัวเอง โดยเฉพาะความรัก แม้มีหญิงสาวคนไหนหยิบยื่นมาให้ก็ตาม

เมื่อเวลาผันผ่านการนั่งทบทวนชีวิต ทำไมเขาจึงเป็นอย่างนี้ กลายเป็นคนสิ้นหวังไร้ชีวิตชีวา ตรมตรอมอยู่กับอดีตที่แสนเศร้า โดดเดี่ยวอ้างว้าง และในทางคู่ขนาน ชีวิตของคาวบอยนอกกฎหมายก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันแบบนี้ ในยุคโอลด์ เวสต์ ตะวันตกแดนเถื่อน เด็กหนุ่มมากมายยืนมองตู้โชว์ร้านจำหน่ายปืน อยากได้มาเพื่อออกผจญภัยหาเงินทองและนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศ ขี่ม้าเร่ร่อน กินเหล้า เล่นการพนัน เที่ยวโสเภณี และมักมีเรื่องชกต่อยกันในบาร์ พอหนักเข้าก็ท้ากันออกไปดวลปืนกลางถนน ใครไวใครอยู่ ใครช้าก็ตาย สุดท้ายพาตัวเองเข้าสู่ด้านมืดของชีวิต ปล้นฆ่า หลบหนี และสิ้นหวัง

บทเพลง ‘Desperadoยังหลากหลั่งถ้อยความจากเสียงร้องอันโศกเครือและร้าวราน ความหมายของชีวิตที่ย้อนมองทบทวนกลับไปของคนสิ้นหวัง

วาดหวังจะหยิบไพ่ใบราชินีแห่งเพชรนะพ่อหนุ่ม (ไพ่ควีนข้าวหลามตัดสัญลักษณ์ของเงินทอง)
เธอจะโบกโบยทุบตีคุณ เท่าที่จะทำได้
รู้ไหมถ้าหยิบไพ่แห่งหัวใจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของคุณ
บัดนี้ดูคล้ายคุณ เพียรหาสิ่งที่ดีเลิศ
ทั้งที่สามารถเอื้อมมือไปหยิบบนโต๊ะตรงหน้าได้
แต่คุณต้องการของสิ่งเดียวที่ไม่สามารถไปเอามาได้จริง

คนสิ้นหวัง คุณไม่สามารถมีชีวิตเป็นหนุ่มสาววัยเยาว์ได้ตลอดไป
ความหิวโหยและความเจ็บปวดทนทุกข์มันอยู่ในตัวคุณ
และอิสรภาพ โอ! อิสรภาพ ช่างฟังดูดี ใครบางคนพูดถึงมัน
ที่คุมขังของคุณที่กำลังเดินเข้าไป ผ่านเข้าสู่โลกที่โดดเดี่ยวร้างไร้ทั้งหลายทั้งปวง
อย่าปล่อยให้เท้าของคุณเหน็บหนาวในห้วงเวลาฤดูหนาว
มองท้องฟ้าไม่เห็นหิมะ ดวงตะวันไม่ฉายแสง
มันหนักหนาสาหัสสากรรจ์เหลือเกินที่จะบอกว่า อยู่ในห้วงยามราตรีของวันใด
คุณสูญสิ้นทุกสิ่งแพ้พ่ายทุกอย่าง
หรือมันสนุกที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น ออกมาเสียให้พ้น

คนสิ้นหวัง ทำไมคุณไม่สามารถสลัดถ่ายถอนความตรอมตรมได้
มาเถอะ ออกมาจากที่คุมขังกรอบที่ขังตัวเองไว้ และเปิดประตู
มันเป็นแค่ความชุ่มฉ่ำยามฝนตก แต่อีกไม่นานสายรุ้งจะทอประกายเหนือตัวคุณ
มันจะดีกว่าไหม ถ้าให้ใครสักคนหนึ่งได้รักคุณ
มันจะดีกว่าไหม ถ้าให้ใครสักคนหนึ่งได้รักคุณ
มันจะดีกว่าไหม ถ้าให้ใครสักคนหนึ่งได้รักคุณ
ก่อนที่มันจะสายเกินไป…’ /

********************

พอล เฮง
paulheng_2000@yahoo.com

mm

About พอล เฮง

นักวิพากษ์-นักวิจารณ์ที่ชอบขุดคุ้ยสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในเพลงออกมาตีแผ่

View all posts by พอล เฮง