เมื่อทราบข้อมูลว่า สัญญาณเสียงในชั้น CD Layer ของแผ่น SACD ชุดนี้ก็คือสัญญาณ PCM 16/44.1 เวอร์ชั่นที่ Doug Sax ทำรีมาสเตอร์ไว้เมื่อ ปี 1992 ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับสัญญาณที่อยู่ในแผ่นซีดีเวอร์ชั่น EMI United Kingdom ที่ปั๊มแผ่นออกมาเมื่อ ปี 1994
ก่อนจะฟังเทียบกันผมจึงคาดหวังว่าเสียงมันจะออกมา “เหมือนกัน” ทุกประการ แต่เมื่อได้ลองฟังจริงๆ แล้วมีอึ้งเล็กๆ เพราะผมพบว่า เสียงจากชั้น CD Layer ของแผ่น SACD กลับออกมากระด้างกว่า ซึ่งตอนแรกที่ฟังก็ไม่รู้สึกถึงความต่างในทันที เพราะเกนสัญญาณมันใกล้เคียงกันมาก แต่เมื่อลองฟังไปถึงเพลง Money ผมพบว่าเสียงฉาบในแทรคนี้จากชั้น CD Layer ของแผ่น SACD มันออกมาแข็งและหยาบ และเมื่อถึงช่วงโซโล่ของเพลงประมาณนาทีที่สามกว่าๆ เป็นต้นไปจนถึงช่วงปลายของเพลงประมาณนาทีที่ห้า เสียงกีต้าร์มีอาการแปร่ง บาดหูนิดๆ เมื่อจับสังเกตได้ผมจึงลองกลับไปฟังแผ่นซีดีเวอร์ชั่น EMI ที่ทำอออกมาเมื่อปี 1994 อีกครั้ง จึงพบว่าเวอร์ชั่น EMI 1994 ให้เสียงแหลมที่เนียนละเอียดกว่า อาการกระด้างและบาดหูแทบจะไม่มีออกมาเลย และรู้สึกได้ว่า เสียงเบสของโรเจอร์ วอเตอร์ตอนขึ้นต้นเพลงก็มีหางเสียงทุ้มที่ทิ้งตัวต่อเนื่องออกไปจากหัวโน๊ตมากกว่า เป็นเสียงทุ้มที่ full body กว่า ฟังแล้วให้ความรู้สึกยืดหยุ่นกว่า ไม่ห้วน
เกิดอะไรขึ้น.? ทั้งๆ ที่เป็นสัญญาณที่มาจากแหล่งเดียวกัน.? ผมเกิดความสังสัยว่า จะเป็นไปได้มั้ยที่จะเป็นผลมาจากกระบวนการทำแผ่น SACD แบบ Dual Layer .? ซึ่งเท่าที่เคยอ่านเจอมาว่า ระบบการทำแผ่น SACD ที่เป็นแบบดูอัลเลเยอร์นั้น ตัวระบบจะใช้วิธีแปลงสัญญาณ DSD ที่เป็นสัญญาณ 2 Ch บนชั้น DSD ให้กลายเป็นสัญญาณ PCM 16/44.1 เพื่อนำมาใส่ไว้ในชั้น CD Layer ให้โดยอัตโนมัติด้วยกระบวนการแปลงสัญญาณแบบ Superbit Mapping (SBM) ที่เป็นแอลกอริธึ่มของโซนี่ จะใช่ด้วยเหตุนี้รึเปล่า.? หรือไม่ก็เป็นเพราะขั้นตอนการผลิตแผ่นที่ต่างกันระหว่าง SACD กับ CD หรือจะเป็นเพราะกระบวนการอ่านข้อมูลบนแผ่นที่ต่างกัน เพราะเลเยอร์ของชั้น PCM บนแผ่น SACD มันจะอยู่คนละชั้นกับข้อมูล DSD ? อันนี้ผมเดานะ.. แต่จะอย่างไรก็ตาม หลังจากฟังเทียบสลับไป–มาอีกพอสมควร ผมก็ขอยกมือให้เวอร์ชั่น EMI 1994 เป็นฝ่ายมีชัยเหนือเวอร์ชั่น CD Layer บนแผ่น SACD ในฐานะที่ให้เสียงโดยรวมออกมานุ่มเนียนกว่า โดยเฉพาะเสียงแหลมที่มีความสะอาดและละเอียดกว่า และยังให้ไดนามิกเร้นจ์ที่เปิดกว้างกว่าด้วย แม้ว่าความแตกต่างเหล่านั้นจะอยู่ในระดับเปอร์เซ็นต์ที่ไม่สูงมากและรับรู้ได้ค่อนข้างยากก็ตาม แต่ถ้าตั้งใจฟังเทียบสลับไป–มาจะรับรู้ได้ และเมื่อรับรู้แล้ว อาการเหล่านั้นก็จะเข้ามารบกวนโสตประสาทการได้ยินอยู่ตลอด
เสียงของเวอร์ชั่น DSD ล่ะ.? คุณคงสงสัยเหมือนผมว่าเสียงของเวอร์ชั่น DSD จากแผ่น SACD มันจะเหนือกว่าเสียง PCM 16/44.1 ของแผ่นซีดี EMI 1994 มั้ย.? ถ้าดูตามสเปคฯ ของฟอร์แม็ตแล้ว เสียงของเวอร์ชั่น DSD ควรจะออกมาดีกว่า ซึ่งข้อมูลใน booklet ของแผ่น SACD แจ้งว่า ทั้งเวอร์ชั่น DSD 2 Ch และ DSD multichannel ในแผ่นนี้เป็นฝีมือการทำมาสเตอร์ร่วมกันระหว่าง James Guthrie กับ Doug Sax ที่สตูดิโอ Das Boot Recording ก็เป็นไปได้ว่า เสียงที่ออกมา “อาจจะ” มีความแตกต่างจากเวอร์ชั่น PCM 2 Ch ที่ Doug Sax ทำมาสเตอร์เอาไว้ที่ The Mastering Lab เมื่อปี 1992 และจากการทดลองฟังเทียบกัน ผมก็พบว่ามันต่างกันจริงๆ แม้ว่าเวอร์ชั่น DSD 2 Ch จากแผ่น SACD จะมีอะไรบางอย่างดีกว่าเวอร์ชั่น EMI 1994 แต่ในทางกลับกัน ผมก็ยังรู้สึกว่า เวอร์ชั่น EMI 1994 ให้ค่าเฉลี่ยออกมาดีกว่า โดยเฉพาะลักษณะของเกนสัญญาณที่รักษาความแรงของสัญญาณไว้ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น ทำให้ได้อัตราสวิงของไดนามิกเร้นจ์ที่เปิดกว้าง ไม่พบอาการอั้นหรือแตกปลาย ฟังแล้วรู้สึกลื่นไหลไปตามอารมณ์ของเพลงได้มากกว่า ในขณะที่เวอร์ชั่น DSD บนแผ่น SACD ให้น้ำหนักเสียงที่แน่นและมีน้ำหนักกว่า ให้การแยกแยะชิ้นดนตรีที่เด็ดขาดกว่า จัดเวทีเสียงออกมาได้เป็นระเบียบกว่า รู้สึกได้ชัดถึงความลึกและกว้าง แต่ในแง่ “เนื้อเสียง” กับ “ไดนามิก” แล้ว ผมพบว่าเวอร์ชั่นซีดีของแผ่น EMI 1994 ทำออกมาได้ดีกว่า ไม่อั้น และไม่แตกปลาย ในขณะที่เวอร์ชั่น DSD มีบางช่วงที่รู้สึกว่ามีอาการเจี๊ยวจ๊าวและเซ็งแซ่ออกมานิดๆ ต้องแอบลดวอลลุ่ม
ผมขอตัดสิ่งที่ได้ยินจากเวอร์ชั่น DSD ออกไป ไม่เอามาพิจารณาในที่นี้ เพราะจริงๆ แล้ว ถ้าจะให้ได้คุณภาพของฟอร์แม็ต DSD ออกมาเต็มที่จริงๆ ต้องมีการปรับตั้งมากกว่านี้ อย่างเช่นต้องมีการเชื่อมต่อ Clock ระหว่างตัวทรานสปอร์ต Vivaldi กับ Bartok เข้าไปด้วย แต่เนื่องจากประเด็นที่เราฟังเปรียบเทียบครั้งนี้ เราเน้นไปที่เวอร์ชั่น PCM 2 Ch เป็นหลัก ซึ่งทำให้ผมต้องฟันธงให้เวอร์ชั่น EMI 1994 ชนะเวอร์ชั่น CD Layer บนแผ่น SACD ไปในที่สุด
Doug Sax
James Guthrie
เวอร์ชั่น EMI 1994 จะไปชิงแชมป์กับเวอร์ชั่น 2011 Pink Floyd Music ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นแรกที่เป็นลิขสิทธิ์ของวง Pink Floyd และได้ Jame Guthrie เป็นคนลงมือทำรีมาสเตอร์ด้วยตัวเอง โปรดติดตามได้ในยกที่ 4 ตอนจบ /
**********
– Overture!
– ยกที่ ๑
– ยกที่ ๒
– ยกที่ ๔ ตัดสิน!