รีวิว KEF รุ่น KC62 แอ๊คทีฟ ซับวูฟเฟอร์

คุณภาพเสียงของลำโพง subwoofer ขึ้นอยู่กับ ระดับความถี่ต่ำว่าจะสามารถสร้างออกมาได้ลึกแค่ไหน ยิ่งลงได้ลึก จะยิ่งเสียงดี ซึ่งในอดีตนั้น ถ้าต้องการความถี่ต่ำที่ลงได้ลึก ก็ต้องใช้ไดเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ ยิ่งลงลึกมาก ไดเวอร์ก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่มีลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่ใช้ไดเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 15 นิ้ว บางตัวใหญ่ขึ้นไปถึง 18 นิ้ว ก็ยังมี.!!

เมื่อใช้ไดเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ ส่งผลให้ตัวตู้ก็ต้องใหญ่ตามไปด้วย ซึ่งเสียงอาจจะดีจริง แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ หาที่วางลำบาก.! ไม่เป็นมิตรกับการใช้งานในชีวิตจริง ยิ่งเป็นลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มีดีไซน์โบราณ เป็นตู้เหลี่ยมๆ ก็จะยิ่งดูน่าเกลียดเวลาเอามาวางใช้งานอยู่ในห้องรับแขก

นั่นเป็นที่มาของความต้องการ ลำโพงซับวูฟเฟอร์ในอุดมคติคือ เสียงดี + ตอบสนองความถี่ลงลึกถึงใจและต้อง ตัวเล็ก + ดีไซน์สวยด้วย.!

KEF KC62
เล็กดี + เสียงโต.!

เทียบกับลูกฟุตบอล

เทียบขนาดกับกล่องใส่แผ่นซีดี

KEF รุ่น KC62 ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็น ลำโพงซับวูฟเฟอร์ในอุดมคติอย่างที่ใจหลายๆ คนต้องการ มันมาในรูปลักษณ์ของตัวตู้ที่ดีไซน์ได้สวยหรูและมีขนาดเล็กอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความถี่ต่ำลงไปได้ถึง 11Hz !!! (*ตัวตู้มีขนาดพอๆ กับลุกฟุตบอล)

สวย + งานดี

อะไรที่มันเล็กๆ ก็จะทำให้ดูแล้วน่ารัก เชื่อว่าใครที่ได้ห็น KC62 ของ KEF ตัวนี้แล้วจะต้องหลงรักมันแน่ๆ เพราะไม่ใช่แค่รูปร่างที่มีสัดส่วนเล็กกระทัดเท่านั้น แต่ถ้าคุณมีโอกาสเจอะเจอ ตัวเป็นๆ ของลำโพงซับวูฟเฟอร์ตัวนี้ ได้มีโอกาสใช้มือลูบไล้ไปบนแต่ละซอกมุมของตัวตู้ ความรู้สึกหลงรักเมื่อแรกเห็นจะเพิ่มพูนขึ้นเป็น อยากได้มาเป็นเจ้าของทันที.!

แม้ว่ารูปร่างภายนอกของ KC62 จะยังคงมาในทรงสี่เหลี่ยมเหมือนลำโพงซับวูฟเฟอร์ธรรมดาทั่วไป ทว่า ตัวตู้ของ KC62 ได้ถูกปาดเฉือนส่วนที่เป็นเหลี่ยม และตัดทอนส่วนที่เป็นมุมออกไปจนเนียนกริ๊บ สาเหตุที่สามารถ เหลาตัวตู้ได้เกลี้ยงเกลาขนาดนี้เป็นเพราะว่า โครงสร้างหลักที่ใช้ทำตู้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ตัวนี้หล่อขึ้นมาจากอะลูมิเนียมทั้งแท่ง จึงสามารถกำหนดรูปทรงได้ตามต้องการ และยังเป็นเหตุให้ KC62 ตัวนี้มีน้ำหนักมากถึง 14 กิโลกรัม.!

ลำโพงซับวูฟเฟอร์ KEF รุ่น KC62 มีอยู่ 2 สี ให้เลือก คือ สีขาวครีม‘ (Mineral White) ออกนวลๆ ตา ไม่ได้ขาวโพลน กับอีกสีคือ ดำด้าน‘ (Carbon Black) ซึ่งเป็นโทนสีที่สามารถกลมกลืนไปกับการตกแต่งภายในห้องรับแขกได้ทั้งโทนสว่างและโทนมืด

ดีไซน์ทางเทคนิค

เคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ KC62 สามารถสร้างความถี่ต่ำออกมาได้ลึกและทรงพลังทั้งๆ ที่มีตัวตู้ขนาดเล็กเฉพาะเทคนิคหลักๆ ก็มีอยู่ 3 ข้อ

A = ไดอะแฟรมของไดเวอร์ตัวซ้าย
B = สไปเดอร์ของไดเวอร์ตัวซ้าย
C = สไปเดอร์ของไดเวอร์ตัวขวา
D = วอยซ์คอยของไดเวอร์ตัวซ้าย
E = ระบบแม่เหล็กที่ใช้ร่วมกัน
F = วอยซ์คอยของไดเวอร์ตัวขวา

ข้อแรกที่โดดเด่นมากที่สุดก็เห็นจะเป็นเทคนิคการ จัดวางไดเวอร์ที่พวกเขาเรียกว่า ‘Uni-Coreเป็นการนำเอาวูฟเฟอร์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6.5 นิ้ว ที่เหมือนกันทุกอย่างจำนวน 2 ตัว มาหันหลังชนกัน และดีไซน์ระบบแม่เหล็กให้ใช้ร่วมกัน ทำให้สามารถลดขนาดของตัวตู้ลงไปจากมาตรฐานการออกแบบปกติได้มากถึงหนึ่งในสาม

เคล็ดลับข้อที่สองในการออกแบบ KC62 อยู่ที่รูปแบบของ ขอบยาง” (เซอร์ราวนด์) ที่พวกเขาออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษ ใช้ชื่อเรียกว่า ‘P-Flex Surroundซึ่งทำหน้าที่โยงไดอะแฟรมของไดเวอร์เข้ากับโครงของไดเวอร์ ซึ่งทีมออกแบบของ KEF ไปได้แรงบันดาลใจที่นำมาใช้ออกแบบมาจากเทคนิคการพับกระดาษที่ชาวญี่ปุ่นใช้ในการออกแบบงานศิลปะที่มีชื่อเรียกว่า ‘Origamiซึ่งมีผลช่วยให้ไดอะแฟรมสามารถต้านแรงดันจากมวลอากาศภายในตู้ได้มากกว่าขอบยางทรงโค้งครึ่งวงกลมแบบธรรมดาทั่วไป จึงส่งผลให้การขยับตัวของไดอะแฟรมมีความถูกต้องตรงกับแรงกระทำที่มาจากสัญญาณอินพุตโดยไม่ผิดเพี้ยน ทำให้ได้เสียงทุ้มที่ลงลึก มีความแม่นยำสูง และเป็นเสียงทุ้มที่มีรายละเอียด ไม่ใช่ทุ้มแบบ one-note-bass ที่มีแค่เสียงตูมตามไปเรื่อย.!

เคล็ดลับข้อที่สามอยู่ที่ ภาคแอมปลิฟายที่ใช้อยู่ภายใน KC62 เป็นแอมป์ class-D ที่ออกแบบมาพิเศษให้กำลังขับสูงถึง 500W จำนวน 2 ชุด แยกกันขับวูฟเฟอร์ทั้งสองตัว นับรวมกำลังขับทั้งหมดที่อยู่ในตัว KC62 ก็คือ 1,000W RMS..! นั่นทำให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมไดเวอร์ที่เด็ดขาด แม้ว่าจะเจอกับเสียงทุ้มที่รุนแรงและเฉียบพลันในการรับชมภาพยนตร์ KC62 ก็สามารถคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัดทุกซีน.!

ทั้ง 3 ข้อนั้นเป็นเคล็ดลับหลักๆ ที่วิศวกรของ KEF คิดค้นขึ้นมาใช้ในการออกแบบลำโพงแอ๊คทีฟ ซับวูฟเฟอร์รุ่น KC62 ตัวนี้ ซึ่งนอกเหนือจากเคล็ดลับทั้งสามข้อนี้แล้ว ที่จริงแล้ว ยังมีเทคนิคพิเศษอีกส่วนหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อทำให้องค์ประกอบหลักทั้งสามส่วนทำงานผสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างเช่น DSP ที่ออกแบบขึ้นมาเฉพาะใช้กับ KC62 ตัวนี้ นั่นคือ iBX (Intelligent Bass Extension) กับ ‘SmartLimiterซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบสัญญาณตลอดเวลา เพื่อป้องกันปัญหา clipping และคอยดูให้การทำงานของไดเวอร์กับสัญญาณอินพุตมีความสอดคล้องกันตลอดเวลา อีกตัวคืออัลกอริธึ่ม ‘Smart Distortion Controlซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ KEF คิดค้นขึ้นมาและได้จดสิทธิบัตรเอาไว้ มันทำหน้าที่เป็นระบบฟีดแบ็คที่ช่วยรายงานและแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้น ด้วยการตรวจวัดกระแสที่ไหลอยู่ในวอยซ์คอยของไดเวอร์ ถ้าพบความผิดปกติที่ไม่เป็นเชิงเส้น ระบบนี้ก็จะทำการแก้ไขและปรับให้ถูกต้อง ซึ่งกระบวนการทำงานนี้สามารถช่วยลด ความเพี้ยนฮาร์มอนิกรวม(Total Harmonic Distortion หรือ THD) ได้มากถึง 75% ส่งผลให้ได้เสียงทุ้มที่มีความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด

การเชื่อมต่อระบบ + ฟังท์ชั่นการทำงาน

บนแผงด้านหน้าของตัวตู้จะมีแค่ไฟ LED ติดตั้งอยู่ที่ด้านล่างของตัวตู้หนึ่งดวง (ศรชี้) ซึ่งจะสว่างขึ้นเป็นสีส้มเวลาเปิดใช้งาน

ดอกลำโพงทั้งสองดอกจะยิงออกทางด้านข้างซ้ายและขวาของตัวตู้ ส่วนจุดเชื่อมต่อสัญญาณและปุ่มควบคุมการทำงานทั้งหมดจะอยู่ที่ผนังอีกด้านหนึ่งของตัวตู้

G = สวิทช์เปิด/ปิดไฟเข้าเครื่อง
H = เต้ารับปลั๊กไฟเอซี
I = สวิทช์ยก Ground (On/Off)
J = ขั้วต่อสายลำโพงฝั่งอินพุต
K = ช่อง RCA สำหรับสัญญาณอะนาลอก ขาเข้า / LFE
L = ช่อง RCA สำหรับสัญญาณอะนาลอก ขาออก (R/L)
M = ปุ่มหมุนปรับวอลลุ่ม
N = ปุ่มหมุนเลือกจุดตัดแบ่งความถี่สำหรับวงจร crossover
O = สวิทช์โยกสำหรับเลือกโหมดการทำงานระหว่าง Manual กับ LFE
P = สวิทช์โยกเลือก EQ สำเร็จรูปโหมดต่างๆ
Q = สวิทช์โยกเลือกเฟส ระหว่าง 0 กับ 180 องศา
R = DIP สวิทช์ตั้งจุดตัดความถี่สำหรับสัญญาณขาออกที่ผ่านวงจรไฮพาส ฟิลเตอร์ (HPF)
S = จุดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริม Wireless Subwoofer Adapter Kit รุ่น KW1

อินพุตของ KC62 ถูกออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อครบทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะเอา KC62 ไปใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ประเภทไหน

1. เชื่อมต่อสัญญาณจากปรีแอมป์หรือรีซีฟเวอร์เข้าที่อินพุต LINE INPUT

ชาร์ตนี้เป็นการเชื่อมต่อกรณีที่นำ KC62 ไปใช้งานร่วมกับปรีโปรเซสเซอร์ หรือรีซีฟเวอร์ฯ ที่ใช้ดูหนังด้วยระบบเสียงเซอร์ราวนด์ (ซ้าย) และเชื่อมต่อกับปรีแอมป์ที่ใช้ฟังเพลงด้วยระบบเสียงสเตริโอ (ขวา)

การเชื่อมต่อ KC62 กับรีซีฟเวอร์ฯ หรือปรีโปรเซสเซอร์ ให้ดึงสัญญาณจากช่อง LFE OUT (Low Frequency Effect Output) ของตัวรีซีฟเวอร์ฯ หรือปรีโปรเซสเซอร์ ไปเข้าที่ช่องอินพุต LINE INPUT : LFE ของ KC62 (1) จากนั้น ให้เลื่อนสวิทช์ ‘MODEที่ตัว KC62 ลงมาที่ตำแหน่ง ‘LFE’ (2) ซึ่งการปรับตั้งค่าจุดตัด, ความดังจะไปทำที่ตัวรีซีฟเวอร์ฯ หรือปรีโปรเซสเซอร์

แต่ถ้านำ KC62 ไปใช้กับปรีแอมป์สเตริโอ หรืออินติเกรตแอมป์ที่มีช่อง LINE OUT ก็ให้ดึงสัญญาณจากช่องปรีแอมป์ เอ๊าต์พุตแชนเนลซ้าย (L) ไปเข้าที่ช่องอินพุต LINE INPUT : LFE ของ KC62 และดึงสัญญาณจากช่องปรีแอมป์ เอ๊าต์พุตแชนเนลขวา (R) ไปเข้าที่ช่องอินพุต LINE INPUT : SMART CONNECT (3) จากนั้น ให้เลื่อนสวิทช์ ‘MODEที่ตัว KC62 ลงมาที่ตำแหน่ง ‘MANUAL’ (4) ซึ่งกรณีนี้ การปรับตั้งค่าจุดตัด, ความดัง และเฟส ต้องทำที่ตัว KC62

2. เชื่อมต่อสัญญาณจากขั้วต่อสายลำโพงของเพาเวอร์แอมป์ สเตริโอ หรืออินติเกรตแอมป์ สเตริโอ

เป็นการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างแอมป์สเตริโอ กับ KC62 แบบไฮเลเวล ซึ่งต้องอาศัยอะแด้ปเตอร์ (ศรชี้) ในการเชื่อมต่อสายลำโพงจากเอ๊าต์พุตของแอมป์มาที่ช่อง SPEAKER INPUT ของตัว KC62 โดยที่สวิทช์ MODE ต้องอยู่ที่ตำแหน่ง ‘MANUAL

3. การใช้ KC62 เข้าไปเสริมเสียงทุ้มให้กับลำโพงแซทเทลไล้ท์ขนาดเล็ก

คุณสามารถนำ KC62 เข้าไปเซ็ตอัพเพื่อใช้งานร่วมกับลำโพงที่ใช้ฟังเพลงด้วยระบบเสียงสเตริโอ 2 แชนเนลด้วยรูปแบบที่เรียกว่าชุด Sub+Sat ได้ กรณีที่ลำโพงฟังเพลงของคุณมีขนาดที่เล็ก และให้ปริมาณเสียงทุ้มออกมายังไม่จุใจ จากภาพชาร์ตด้านบนจะเห็นว่า สิ่งที่จำเป็นในการเชื่อมต่อระบบต้องมีก็คือ

1. สัญญาณอะนาลอกเอ๊าต์จากปรีแอมป์ภายนอก มาเข้าที่อินพุต ‘LINE INของ KC62
2. ต้องมีเพาเวอร์แอมป์ภายนอกมารองรับสัญญาณอะนาลอกเอ๊าต์ที่ต่อออกมาจากช่อง ‘LINE OUTPUTของ KC62 เพื่อนำไปขยายแล้วส่งไปขับลำโพง

พูดง่ายๆ คือต้องมีการต่อลู๊ป Line in / Line out เข้าไปที่ตัว KC62 ทั้งนี้ก็เพื่อเอาสัญญาณ Line in แบบ full range จากภายนอกเข้าไปผ่านวงจรครอสโอเวอร์ฯ ในตัว KC62 เพื่อทำการตัดแบ่งความถี่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ด้านต่ำ (Low-pass)+ด้านสูง (High-pass) แล้วส่งส่วนที่เป็นความถี่ด้านสูง High-pass ไปให้เพาเวอร์แอมป์ภายนอกใช้ขยายเพื่อขับลำโพงแซทเทลไล้ท์ ในขณะที่ความถี่ด้านต่ำที่เป็น Low-Pass นั้นตัว KC62 จะรับเข้าไปผ่านภาคขยายในตัวมันเพื่อขับลำโพงซับวูฟเฟอร์ทั้งสองดอก

ขั้นตอนสำคัญคือการปรับจูนเสียงในย่านกลางสูงจากลำโพงแซทเทลไล้ท์ กับเสียงกลางทุ้มของ KC62 ให้กลมกลืนกัน ซึ่งคุณต้องกระทำผ่านวงจรครอสโอเวอร์ฯ ที่อยู่ในตัว KC62 ด้วยวิธีปรับตั้ง dip switch (ศรชี้ รูปบน) ที่อยู่บนแผงหลังของ KC62

dip switch ที่ให้มาปรับมีทั้งหมด 4 ตัว เรียงตำแหน่ง 1 – 4 จากบนลงล่าง ซึ่งสวิทช์แต่ละตำแหน่งจะเลือกตั้งค่าได้ 2 ค่า (ใช้ไม่จิ้มฟันเขี่ย) คือปรับไปที่ ‘On’ (โยกสวิทช์ไปทางซ้าย > 0) กับปรับไปที่ ‘Off’ (โยกสวิทช์ไปทางขวา > 1) เนื่องจากสวิทช์ทั้ง 4 ตัวจะแสดงผลสัมพันธ์กันทั้ง 4 ตัว เมื่อสลับเปิด/ปิดทั้ง 4 ตัวไขว้ไปไขว้มา จะได้ผลลัพธ์ออกมาทั้งหมด 16 ค่า (ดูค่าในตาราง) ซึ่งแต่ละค่าจะแสดง ความถี่ที่เป็นจุดตัดแบ่งความถี่ กับ “โหมด” ของระบบเสียงระหว่าง Stereo กับ Mono

วิธีปรับตั้งค่าจุดตัดความถี่เพื่อปล่อยสัญญาณ High-pass ไปที่ลำโพงแซทเทลไล้ท์คือให้ตรวจเช็คความถี่ตอบสนองของลำโพงแซทเทลไล้ท์ที่นำมาใช้งานร่วมกับ KC62 ว่าสามารถตอบสนองความถี่ด้านต่ำลงไปได้กี่เฮิร์ต ซึ่งโดยปกติแล้ว จุดตัดที่เหมาะสมมักจะอยู่ในตำแหน่ง ใกล้เคียงกับระดับ ความถี่ต่ำสุดของลำโพงแซทเทลไล้ท์นั่นเอง จากค่าในตารางจะเห็นว่า มีอ๊อปชั่นให้เลือกปรับตั้งจุดตัดได้ตั้งแต่ 40Hz ขึ้นไปจนถึง 120Hz สำหรับระบบเสียง stereo โดยแบ่งความละเอียดของความถี่ออกเป็น 2 ช่วง คือตั้งแต่ 40Hz – 60Hz จะมีความละเอียดอยู่ที่ 5Hz ต่อขั้น จากนั้นช่วงตั้งแต่ 60Hz – 120Hz จะมีความละเอียดอยู่ที่ 10Hz ต่อขั้น ส่วนโหมด Mono มีอ๊อปชั่นให้เลือกปรับตั้งแค่ 4 ค่า คือ 40, 80, 100Hz และ บายพาส

4. การใช้ KC62 เข้าไปเสริมเสียงทุ้มให้กับลำโพง KEF รุ่น LSX, LS50W หรือ LS50W II

ลำโพงแอ๊คทีฟทั้ง 3 รุ่น ของ KEF คือ LSX, LS50 และรุ่น LS50 II มีช่องเอ๊าต์พุต Subwoofer มาให้ ซึ่งเป็นสัญญาณ Line Out เพื่อส่งไปให้กับลำโพงซับวูฟเฟอร์ภายนอก ซึ่งแน่นอนว่า มันไปกันได้ดีกับลำโพงซับวูฟเฟอร์ของ KEF เองรวมถึง KC62 ตัวนี้ด้วย

การทดสอบ KC62 ครั้งนี้ผมทดลองใช้ลำโพง KEF รุ่น LS50W II ร่วมกับ KC62 ตัวนี้ ซึ่งการเชื่อมต่อระบบก็ไม่ยุ่งยากเพราะออกแบบมาให้รองรับกันอยู่แล้ว เพียงแค่ใช้สายสัญญาณอะนาลอกหนึ่งเส้น เชื่อมต่อระหว่างช่องเอ๊าต์พุตที่ชื่อว่า ‘Subwooferที่อยู่ด้านหลังของลำโพง LS50W II ข้างขวา เข้ากับช่องอินพุต LINE IN ที่ชื่อว่า LFE ของ KC62

ส่วนวิธีปรับตั้งค่าต่างๆ ของลำโพงซับวูฟเฟอร์ KC62 เพื่อจูนเสียงให้เข้ากับ LS50W II ต้องกระทำผ่านแอพลิเคชั่น ‘KEF Connectโดยเข้าไปที่หัวข้อ ‘EQ settings’ (วงกลมในภาพข้างบน) ซึ่งฟังท์ชั่นที่ใช้ปรับตั้งค่าทั้งหมดจะอยู่ในกรอบสีเขียว (ข้างบน ภาพล่าง)

ถ้าคุณต้องการเชื่อมต่อ KC62 เข้ากับ LS50W II ด้วยวิธีไร้สายก็สามารถทำได้ด้วยการซื้ออะแด๊ปเตอร์ Wireless Subwoofer Adapter รุ่น KW1 มาเพื่อเติมแล้วทำการเชื่อมต่อตัวอะแด๊ปเตอร์เข้ากับช่องเสียบด้านหลัง KC62 (ตามภาพข้างบน) ส่วนการปรับตั้งค่าต่างๆ ก็สามารถทำผ่านแอพลิเคชั่น KEF Connect ได้เช่นกัน

การเซ็ตอัพตำแหน่งของ KC62

เนื่องจากลำโพงซับวูฟเฟอร์เป็นลำโพงที่ถ่ายทอดความถี่ต่ำที่มีพลังงานสูง ซึ่งการจัดวางลงไปในตำแหน่งต่างๆ ของห้องฟังจะส่งผลเสียกับเสียงขึ้น จำเป็นต้องทำการปรับจูน EQ เข้ามาช่วย เพื่อแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ได้เสียงกลับมาราบเรียบเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน วิศวกรของ KEF ได้ทำการออกแบบการปรับตั้งค่า EQ รูปแบบต่างๆ ขึ้นมา 5 รูปแบบ เพื่อให้ผู้ใช้เลือกใช้ได้ง่ายๆ ให้ตรงกับลักษณะการจัดวาง KC62 ตำแหน่งต่างๆ ทั้ง 5 ตำแหน่งตามตัวอย่างทั้งสองภาพข้างบน ซึ่งช่วยทำให่การปรับจูนเสียงทำได้ง่ายขึ้นมาก ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ

สรุป เสียงของ KC62

คลื่นเสียงเป็นพลังงานที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะความถี่ต่ำซึ่งเป็นคลื่นเสียงที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว มีพลังงานเยอะ การที่จะสามารถควบคุมคลื่นเสียงความถี่ต่ำให้อยู่หมัด แอ๊คชั่นไปตามเพลงได้โดยไม่สร้างปัญหาแทรกซ้อน จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงเข้ามาช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนออกแบบตั้งโจทย์โหดๆ อย่างเช่น ตัวตู้ต้องเล็ก แต่ต้องตอบสนองความถี่ต่ำลงไปได้ลึกมากๆ ด้วย.!

ผมทดลองใช้งาน KC62 กับลำโพงไร้สายรุ่น LS50W II ทั้งดูหนังและฟังเพลงอยู่ในห้องรับแขกติดต่อกันนานร่วมเดือน ช่วงสองสามวันแรกจะง่วนอยู่กับการปรับจูนค่าเพื่อให้เสียงของ LS50W II กับ KC62 มีความกลมกลืนกันให้มากที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วการปรับตั้งค่าเพื่อจูนเสียงนั้นทำได้ไม่ยาก แต่ที่ใช้เวลาเยอะก็คือขั้นตอนการไฟน์จูนด้วยการฟังเพลงและดูหนังไปเรื่อยๆ ซึ่งก็คือการค่อยๆ ปรับหาค่าเฉลี่ยที่ได้เสียงทุ้มที่ลงตัวมากที่สุดนั่นเอง

ตอนปรับจูนเสียงอยู่นั้น ผมสังเกตว่า ขณะที่ผมทดลองเร่งวอลลุ่มของตัว KC62 ขึ้นไปสูงๆ พบว่าไม่มีเสียงครางของตู้ออกมาให้ได้ยินเลย.! แสดงว่าตัวตู้ของ KC62 ที่ทำด้วยอะลูมิเนียมมีผลสยบเรโซแนนซ์ได้เด็ดขาดจริงๆ และที่ส่วนฐานของตัวตู้ซึ่งเป็นส่วนที่แนบติดอยู่กับพื้นห้องมีแผ่นยางแข็งๆ ทำหน้าที่รองกั้นระหว่างตัวตู้กับพื้นห้อง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ตัวตู้กระแทกกับพื้นขณะที่ไดเวอร์กำลังทำงาน เสียงทุ้มที่เกิดจากการทำงานของวูฟเฟอร์ทั้งสองตัวของ KC62 จึงมีลักษณะที่สะอาด ลอยแผ่ออกไปรอบๆ บริเวณห้องรับแขกโดยไม่ระบุตำแหน่งของจุดกำเนิด ซึ่งลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่ออกแบบตัวตู้ไม่ดี ไม่แน่นหนาพอ เวลาไดเวอร์ทำงานแล้วตัวตู้เกิดอาการสั่นค้างจะทำให้เสียงทุ้มไม่ลอยตัว ไม่แผ่ออกไปเป็นวงกว้างแต่จะเป็นเสียงทุ้มที่แผ่อยู่รอบๆ ตัวตู้ (ไม่หลุดตู้) ทำให้ฟังแล้วรู้ว่าเป็นเสียงทุ้มที่ดังออกมาจากตำแแหน่งที่ซับวูฟเฟอร์วางอยู่ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่ดี

KC62 สามารถสร้างความถี่ต่ำลงไปได้ลึกมากถึง 11Hz และมีกำลังขับสูงถึง 1000W ทำให้สามารถนำไปใช้งานร่วมกับลำโพงแซทเทลไล้ท์ได้หลากหลาย สองภาพข้างบนนั้นผมทดลองเอา KC62 ไปใช้งานร่วมกับลำโพงสองทางวางขาตั้งยี่ห้อ ATC รุ่น SCM7 เวอร์ชั่นแรก ซึ่งเป็นลำโพงขนาดเล็กที่ใช้ไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์ขนาดแค่ 5 นิ้ว ตอบสนองความถี่ต่ำลงไปได้ถึง 60Hz (รวมทวีตเตอร์ตอบสนองตลอดย่านตั้งแต่ 60Hz – 22kHz)

ในการเซ็ตอัพชุดนี้ ผมใช้อินติเกรตแอมป์ Audiolab รุ่น 9000A ขับลำโพง SCM7 แล้วดึงสัญญาณจากช่อง Pre-out ของ 9000A ไปเข้าที่อินพุต LINE IN ของ KC62 จากนั้นก็ทำการปรับโหมดไปที่ Manual เพื่อกำหนดจุดตัดและวอลลุ่มของซับฯ KC62 ด้วยตัวเอง หลังจากทำการไฟน์จูนตำแหน่งของลำโพง SCM7 ทั้งสองข้างจนได้ระยะวางที่ให้ โฟกัสของเสียงที่คมชัดที่สุดแล้ว จากนั้นผมก็วาง KC62 แทรกไว้ระหว่างลำโพงข้างซ้ายและขวาของ SCM7 ชิดไปทางลำโพงข้างซ้าย เล็งให้แผงหน้าของลำโพงซับฯ KC62 อยู่ระนาบเดียวกับลำโพง SCM7 ทั้งสองข้าง จากนั้นก็เริ่มต้นปรับจูนจุดตัด, เฟส และวอลลุ่มที่ตัว KC62 เพื่อให้ได้เสียงทุ้มที่กลมกลืนกับเสียงกลางแหลมของ SCM7 ให้มากที่สุด

จากการทดลองเซ็ตอัพ KC62 เข้ากับ SCM7 คู่นี้ ทำให้ผมค้นพบคุณสมบัติที่ดีของ KC62 อีกข้อหนึ่ง นั่นคือพบว่า KC62 ให้สปีดการตอบสนองความถี่ต่ำที่เร็วมาก.! ซึ่งลำโพงรุ่น SCM7 คู่นี้เป็นลำโพงที่ออกแบบมาให้มีคุณสมบัติเป็นลำโพง monitor ระดับมินิของแบรนด์นี้ มีผลให้เสียงเบสของลำโพงคู่นี้มีลักษณะการตอบสนองที่ เร็วกว่าลำโพงธรรมดาทั่วไป ด้วยเหตุนี้ เมื่อ KC62 สามารถสร้างเสียงทุ้มออกมาได้เร็วทันกับสปีดของ SCM7 เสียงที่ออกมาจึงมีไทมิ่งที่กลืนกันได้อย่างแนบเนียน

ในการทดลองใช้งานร่วมกับ ATC รุ่น SCM7 ครั้งนี้ ผมปรับจุดตัดไปลงตัวอยู่ที่ 75Hz เฟสที่ 0 องศา ส่วนวอลลุ่มอยู่ที่บ่ายโมง จึงได้เสียงทุ้มจาก KC62 ออกมากลมกลืนกับกลางแหลมของ SCM7 มากที่สุด ฟังๆ ไปจะไม่รู้สึกว่ามีซับวูฟเฟอร์คอยหนุนอยู่ แต่พอทดลองปิดสวิทช์ของ KC62 จะรู้สึกทันทีว่าความแผ่เต็มของเสียงหดหายไป น้ำหนักของฐานเสียงก็ลดลงไปด้วย ในขณะที่ความโปร่งโล่งดีขึ้น หัวโน๊ตมีความคมชัดมากขึ้นโดยเฉพาะในย่านทุ้ม ซึ่งการปรับจูนที่ดีที่สุดคือต้องพยายามเฉลี่ยระหว่างความอิ่มเต็มของบรรยากาศกับความคมชัดของหัวโน๊ตให้ได้สัดส่วนที่ลงตัว ซึ่งจากการทดสอบพบว่า KC62 ไปได้ดีกับลำโพงที่ใช้วูฟเฟอร์ขนาดไม่เกิน 5 นิ้วครึ่ง และตอบสนองความถี่ด้านทุ้มลงไปได้ไม่ต่ำกว่า 50Hz กำลังดี.! /

**********************
ราคา : 59,900 บาท / ตัว
(โปรโมชั่นพิเศษจากราคาเต็ม 69,900 บาท / ตัว จนถึงสิ้นปีนี้)
**********************
ติดต่อสอบถาม สั่งซื้อ และทดลองเสียงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของ KEF ได้แล้ววันนี้ที่ :

The Gadget by Vgadz สาขา Central World ชั้น 4 โซน IT Gadget
ร้าน Piyanas ทุกสาขา
ร้าน HD HiFi ทุกสาขา
Theater House
Audiomate BKK
และร้านเครื่องเสียงชั้นนำทั่วประเทศ
**********************
หากท่านต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สอบถามได้ที่
บริษัท วีแกดซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
โทร. 02-692-5216
Line OA: @kefthailand (https://lin.ee/XUf7NaM)

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า