เห็นทีว่าจะหมดยุคของลำโพงไร้สายแบบ Mono ซะแล้ว.! เพราะลำโพงไร้สายแบบสเตริโอ หรือ Wireless Stereo System (WSS) ในปัจจุบันมันสามารถตอบโจทย์ที่เป็นข้อจำกัดของลำโพงไร้สายแบบโมโนได้จนครบหมดทุกประเด็นแล้ว และด้วยเหตุที่ WSS ใช้ลำโพงสองตัวทำงานผสานกันทำให้สามารถสนามเสียงที่แผ่กว้างและโอบล้อมได้ดีกว่ามากด้วย สามารถนำเสนอประสบการณ์ในการฟังเพลงและดูหนังแบบ Immersive ที่กำลังเป็นเทรนด์นิยมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
Q Acoustics M20 HD Wireless music system
ชุดเครื่องเสียง all-in-one ที่ย่นย่อแค่รูปลักษณ์แต่อัดแน่นประสิทธิภาพ.!
ต้องยอมรับว่า ความต้องการของผู้ใช้อุปกรณ์เครื่องเสียงในปัจจุบันมีความหลากหลายมาก โดยเฉพาะความต้องการชุดเครื่องเสียงที่มีความเรียบง่าย ไม่ใหญ่โต ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย และสุดท้ายคือรองรับกับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ผู้ใช้คุ้นเคย แนวทางนี้กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ
M20 คือพัฒนาการของ Q Acoustics ที่พูดได้ว่า “พลิกรูปแบบ” ของชุดเครื่องเสียงไฮไฟฯ ในอดีตไปเลย M20 มาในรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายสุดขีด เพราะพวกเขานำเอาแอมปลิฟายและภาครับสัญญาณเสียงเข้าไปยัดไว้ในตัวลำโพง ทำให้ชุดเครื่องเสียงไฮไฟฯ ชุดใหญ่ๆ ในอดีตเหลือเพียงแค่ลำโพงคู่เดียว.!
รูปร่างหน้าตา
รูปทรงภายนอกของตัวตู้ M20 มาแนวเดียวกับลำโพงในอนุกรม Concept Series ที่ออกไปทางโค้งมน ไร้เหลี่ยมมุม ดูลื่นตา งานประกอบตู้ดูเรียบร้อยมาก แผงหน้าที่ติดตั้งไดเวอร์ถูกปิดตายด้วยหน้ากากผ้าโปร่งสีดำ ถอดออกไม่ได้ ขอบหน้ากากที่ติดกับตัวตู้มีคิ้วสีเงินเดินคั่นไว้โดยรอบ เพิ่มความเก๋ไก๋ ตัดกับสีของบอดี้ตัวตู้ที่ทำเป็นสีเทาซาตินผิวด้านๆ ดู timeless ไม่ล้าสมัยง่ายๆ
M20 เป็นลำโพงแอ๊คทีฟที่มีภาคขยายในตัว และมี DSP (digital sound processing) ควบคุมการทำงานของระบบทั้งหมด ซึ่งทั้งแอมป์และ DSP ถูกติดตั้งไว้ในลำโพงข้างหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็น master ในขณะที่ลำโพงอีกข้างทำหน้าที่เป็น slave เป็นลำโพงพาสซีฟธรรมดา ดังนั้น การควบคุมสั่งงานทุกสิ่งอย่างได้ถูกรวบรวมไว้ที่ลำโพง master ทั้งหมด โดยที่ลำโพง master กับ slave เชื่อมต่อกันผ่านทางสายลำโพง
M20 มีอินพุตไว้ให้เลือกใช้งานมากถึง 5 อินพุต แยกเป็นอินพุตสำหรับสัญญาณอะนาลอก 2 ช่อง ช่องแรกผ่านขั้วต่อ RCA (1) สำหรับรองรับสัญญาณอะนาลอกเอ๊าต์พุตจากเครื่องเล่นซีดี หรือเอ๊าต์พุตจากภาคขยายหัวเข็ม กับอีกช่องคืออินพุต AUX (2) ผ่านขั้วต่อ mini 3.5mm ซึ่งให้มาไว้รองรับสัญญาณอะนาลอกเอ๊าต์พุตจากเครื่องเล่นที่ให้สัญญาณเอ๊าต์พุตออกมาทางช่องเอ๊าต์พุต mini 3.5mm อย่างเช่นเครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบพกพา ส่วนอีก 3 อินพุตเป็นอินพุตที่ให้มารองรับสัญญาณดิจิตัล ช่องแรกผ่านขั้วต่อ optical (3) ซึ่งให้มารองรับสัญญาณจากทีวี กับอีกช่องเป็นอินพุต USB (6) ที่ให้มารองรับสัญญาณดิจิตัลเอ๊าต์พุตจากคอมพิวเตอร์ ส่วนอินพุตที่สามสำหรับรองรับสัญญาณดิจิตัลคืออินพุตแบบไร้สายที่อาศัยคลื่น Bluetooth เป็นพาหะ
นอกจากอินพุตทั้ง 5 ช่องทางแล้ว M20 คู่นี้ยังมีช่องเอ๊าต์พุตของสัญญาณอะนาลอกสำหรับดึงออกไปเชื่อมต่อกับลำโพงแอ๊คทีฟซับวูฟเฟอร์ (5) มาด้วย ส่วนภาค DSP ที่ติดตั้งอยู่ในตัว M20 ถูกกำหนดฟังท์ชั่นไว้ให้ทำหน้าที่อยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ กำหนดเส้นทางเอ๊าต์พุตสำหรับสัญญาณเสียงแชนเนลซ้าย (Left) กับแชนเนลขวา (Right) ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดเลือกได้ด้วยการสับสวิทช์โยก (7) ที่อยู่บนแผงด้านหลัง ประโยชน์ของฟังท์ชั่นนี้ก็เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการจัดวางนั่นเอง ตัวอย่างเช่น กรณีที่ปลั๊กผนังที่จะเสียบสายไฟเอซีมาเข้าที่ลำโพง master ที่บ้านคุณดันไปอยู่ฝั่งขวามือ สายไฟที่ให้มายาวไม่พอ ทำให้คุณจำเป็นต้องเอาลำโพงตัว master ไปอยู่ทางขวา กรณีนี้คุณก็แค่สับสวิทช์ตรงตำแหน่งเลข 7 ลงไปด้านล่างซึ่งสัญญาณที่ถูกส่งมาที่ลำโพง master จะเป็นสัญญาณข้างขวา หรือ Right Channel ของระบบสเตริโอ และในทางกลับกัน ถ้าจำเป็นต้องวางลำโพง master ไว้ที่ด้านซ้ายก็ให้สับสวิทช์ขึ้นด้านบนที่เป็นตำแหน่ง Left
อีกหน้าที่ของ DSP ที่ออกแบบมาใช้กับ M20 ก็คือฟังท์ชั่นปรับ EQ (อีควอไลเซอร์) เพื่อจูนเสียงทุ้มให้เข้ากับลักษณะการจัดวางตำแหน่งลำโพง ซึ่งมีการปรับตั้งแบบสำเร็จรูปไว้ให้คุณเลือกใช้ทั้งหมด 3 อ๊อปชั่น ผ่านสวิทช์โยกที่อยู่บนแผงด้านหลัง (ในวงกลมสีส้ม) โดยที่แต่ละอ๊อปชั่นนั้นจะมีความแตกต่างกันอยู่ที่ “ปริมาณของเสียงทุ้ม” กรณีที่คุณดันสวิทช์โยกขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งบนสุด ปริมาณเสียงทุ้มจะน้อยที่สุด เหมาะกับใช้แก้ปัญหาเบสบวมกรณีที่วางลำโพงเข้ามุมห้อง ถ้าสับสวิทช์ลงมาอยู่ในตำแหน่งกลาง ปริมาณเสียงทุ้มจะอยู่ในระดับปานกลาง เหมาะเลือกใช้กรณีที่คุณวางลำโพงชิดผนังข้าง และสุดท้ายคือสับสวิทช์ลงตำแหน่งล่างสุดซึ่งเสียงทุ้มจะมีปริมาณมากที่สุดในจำนวนสามตำแหน่งนี้ เหมาะกับการเชือกใช้กรณีที่คุณวางลำโพงห่างผนังทุกด้านออกมามาก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้างต้นนั้นก็ถือว่าเป็นคำแนะนำตามคู่มือเท่านั้น ในการใช้งานจริง แนะนำให้วางลำโพงไปตามสภาพการใช้งานจริงของคุณก่อน หลังจากเปิดฟังเพลงแล้วค่อยสังเกตดูว่าคุณพอใจกับเสียงทุ้มมากแค่ไหน.? ถ้ารู้สึกว่าทุ้มเยอะเกินไป จึงค่อยมาสับสวิทช์เลือกตำแหน่งที่ให้เสียงทุ้มน้อยลง แต่ถ้าสมมุติว่า คุณวางลำโพงชิดผนังหลังด้านและเข้ามุมห้องด้วย ทำให้เสียงทุ้มเยอะมาก แม้ว่าจะสับสวิทช์ขึ้นไปตำแแหน่งบนสุดแล้ว เสียงทุ้มก็ยังคงเยอะเกินไปอยู่ แนะนำให้ใช้แท่งฟองน้ำที่แถมมาในกล่องสอดเข้าไปอุดช่องระบายเบส (หมายเลข 11 รูปด้านบน) ของลำโพงทั้งสองข้าง จะทำให้เสียงทุ้มลดน้อยลงได้อีก ในทางกลับกัน ถ้าคุณสับสวิทช์ลงมาอยู่ตำแหน่งล่างสุดแล้วแต่ยังรู้สึกว่าเสียงทุ้มน้อยไป เบสยังไม่สะใจ คุณก็สามารถหาลำโพงแอ๊คทีฟซับวูฟเฟอร์มาเพิ่มเติมในระบบได้โดยอาศัยสัญญาณ sub-out ของตัว M20 ที่เตรียมไว้ให้ (ตัดความถี่ที่ 100Hz)
ในกล่องมีสายลำโพงแถมมาให้ใช้ในการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากลำโพง master ไปที่ slave ให้เชื่อมต่อสายลำโพงเส้นสีทองแดงเข้ากับขั้ว + (สีแดง) ของลำโพงทั้งสองข้าง ส่วนสายลำโพงเส้นสีเงินให้ใช้เชื่อมต่อกับขั้ว – (สีเทา) ถ้ามีโอกาสเปลี่ยนไปใช้สายลำโพงที่มีคุณภาพของตัวนำที่ดีกว่า และมีระบบชีลด์ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่าสายที่แถมมาให้ก็จะทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้นได้อีก
ขั้วต่อสายไฟเอซี (10) ของ M20 ให้มาเป็นแบบสองขา +/- ไม่แยกกราวนด์ แนะนำให้ทดลองสลับขาปลั๊กฝั่งที่เสียบเข้าเต้ารับบนผนัง (หรือตัวกรองไฟ) แล้วฟังดู ถ้าเสียบขาปลั๊กถูกช่องตามขั้วไฟจะได้เสียงที่เปิดกระจ่าง
ควบคุมสั่งงาน
ด้านบนของตัวลำโพงข้างที่เป็น master เยื้องมาทางด้านหน้าจะมีปุ่มกดอยู่ 3 ปุ่ม ปุ่มแรก (A) ที่มีเครื่องหมาย – เป็นปุ่มที่ใช้กดเพื่อปรับลดความดังของเสียง ส่วนปุ่มด้านขวาที่มเครื่องหมาย + (C) เป็นปุ่มที่ใช้เพิ่มความดังของเสียง ส่วนปุ่มตรงกลาง (B) ที่มีไฟแอลอีดีล้อมรอบเป็นปุ่มที่ทำหน้าที่ได้ 2 ฟังท์ชั่น อย่างแรกคือฟังท์ชั่น on/standby คือถ้ากดสั้นๆ ขณะที่ระบบอยู่ในสถานะ off จะเป็นการเปิด ระบบขึ้นมาพร้อมทำงาน ไฟแอลอีดีรอบๆ ปุ่มจะสว่างขึ้น แต่ถ้ากดแช่ยาวๆ ระบบจะเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย ส่วนอีกฟังท์ชั่นคือใช้เลือกแหล่งอินพุต เมื่อกดลงไปบนปุ่มสั้นๆ ขณะที่ระบบอยู่ในสถานะเปิดทำงาน
การควบคุมสั่งงานอีกทางหนึ่งทำได้โดยผ่านรีโมทไร้สายอันเล็กๆ ที่แถมมาให้ในกล่อง ซึ่งบนนั้นมีปุ่มให้กดใช้งานอยูทั้งหมด 9 ปุ่ม บนสุดคือปุ่ม on/standby ใช้กดเพื่อเปิด/ปิดระบบ, ถัดลงมาทางซ้ายเป็นปุ่มกดเพื่อเสียงชั่วคราว, ทางขวาใช้กดสั่ง play และกดซ้ำเพื่อหยุดชั่วคราว (pause) ซึ่งใช้ได้กับการเล่นไฟล์เพลงผ่านเข้าทางอินพุต Bluetooth เท่านั้น, ถัดลงมาเป็นปุ่มกดสำหรับเพิ่ม (+) และลด (–) ความดัง, ถัดลงมาอีกเป็นปุ่มกดเพื่อเลือกเล่นแทรคต่อไป (next) หรือกลับไปเล่นแทรคก่อนหน้า (previous), ถัดลงไปเป็นปุ่มอินพุต 4 ปุ่ม คือ Bluetooth, Optical, Analog และ USB ต้องการเลือกใช้อินพุตไหนก็กดลงไปที่ปุ่มนั้นโดยตรงได้เลย
ดีไซน์ภายใน
ถึงแม้ว่าวัตถุประสงค์ของการคิดทำผลิตภัณฑ์ประเภท all-in-one แบบนี้ออกมาคือต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกง่ายต่อการใช้งาน รู้สึกสะดวกกับการติดตั้งที่ไม่ซับซ้อน แต่เบื้องหลังการออกแบบลำโพง M20 คู่นี้ไม่ใช่อะไรที่ทำกันง่ายๆ แบบขอไปที เนื่องจากชื่อเสียงของแบรนด์ Q Acoustics ถูกค้ำยันอยู่ได้ด้วยคำว่า “คุณภาพ” มาตั้งแต่เริ่มต้นสร้างแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ ความเอาจริงเอาจังในการออกแบบจึงกลายเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในสายเลือดโดยปริยาย
เพื่อให้ M20 ไม่แค่ใช้งานง่าย แต่ต้อง “เสียงดี” ด้วย พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับทุกอย่างที่อยู่ในตัวลำโพง เริ่มตั้งแต่การดามโครงตู้ด้วยเทคนิคเฉพาะของพวกเขาที่เรียกว่า P2P หรือ Point-to-Point bracing เพื่อเพิ่มความแกร่งของตัวตู้ตรงจุดที่จำเป็น ส่วนไดเวอร์ที่ใช้ขับเสียงก็ใช้ข้างละ 2 ตัวช่วยกันทำงาน โดยมีทวีตเตอร์ขนาด 22 ม.ม. (0.88 นิ้ว) ที่ใช้สร้างความถี่เสียงตั้งแต่ 2.4kHz ถึง 22kHz กับไดเวอร์เบส/มิดเร้นจ์ขนาด 125 ม.ม. (5 นิ้ว) ที่ใช้สร้างความถี่กลางและทุ้มตั้งแต่ 2.4kHz ลงมาถึง 55Hz ซึ่งภายในลำโพงตัวที่เป็น master มีเพาเวอร์แอมป์ที่มีกำลังขับ 32W อยู่ 2 แชนเนลสำหรับขับลำโพงทั้งสองข้างพร้อมแล้ว
ความสามารถในการรองรับสัญญาณดิจิตัล
อินพุต optical และ USB สามารถรองรับสัญญาณดิจิตัลจากภายนอกได้สูงถึงมาตรฐาน Hi-Res นั่นคือ 24bit/192kHz ส่วนอินพุต Bluetooth เป็นเวอร์ชั่น 5.0 สามารถรองรับสัญญาณได้สูงถึง 24/48 ที่เข้ารหัสด้วยฟอร์แม็ต aptX HD และยังรองรับ aptX, aptX Low Latency, AAC และ SBC ด้วย
การเชื่อมต่อระบบ
กับคุณภาพเสียงที่ได้
M20 ถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ทั้งฟังเพลงและดูหนังด้วยการดึงสัญญาณเสียงจากทีวีผ่านเข้าทางอินพุต Optical และถ้าต้องการเสียงทุ้มที่มีความหนาแน่นมากขึ้น คุณก็สามารถเพิ่มลำโพงแอ๊คทีฟซับวูฟเฟอร์เข้ามาใช้งานร่วมกับ M20 ได้โดยใช้สัญญาณเอ๊าต์พุตจากช่อง Coaxial ของ M20 สำหรับขับลำโพงซับวูฟเฟอร์
แม้ว่า M20 จะไม่มีระบบเสียงเซอร์ราวนด์มาให้ใช้สำหรับดูหนัง แต่ด้วยลักษณะของเสียง stereo 2 ch ที่ถูกปรับจูนมาอย่างดีด้วย DSP มันก็ทำให้เสียงที่ได้จาก M20 ออกมาดีกว่าเสียงจากทีวีเยอะมาก สิ่งแรกที่รู้สึกได้ (หลังจากทดลองดึงสัญญาณเสียงจากทีวี Sony Bravia OLED ขนาด 65 นิ้ว รุ่น A7 เข้ามาเชื่อมต่อกับ M20 ทางช่อง Optical) ก็คือสนามเสียงมันเปิดกว้างมากกว่าเสียงจากทีวีเยอะมาก กว้างและลอยออกมามากกว่า เสียงทุกเสียงมีความชัดเจนมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะเสียงพูดของตัวละครที่ฟังชัดถ้อยชัดคำมากขึ้น รวมถึงการเคลื่อนที่ของเสียงก็สามารถระบุทิศทางได้ชัดขึ้น และรู้สึกได้ว่ามิติเสียงก็ดีขึ้นมาก ได้ยินตำแหน่งเสียงใกล้–ไกลอย่างชัดเจน
ที่ผมชอบมากที่สุดคือ M20 ช่วยอัพเกรดเสียงพูดสนทนาของตัวละคร, เสียงอ่านข่าว รวมถึงเสียงร้องเพลงของนักร้องในรายการประกวดร้องเพลงในทีวีขึ้นมาได้เยอะมาก ได้ขึ้นมาทั้งความชัดและความเนียนอิ่มของเนื้อเสียง ทำให้เสียงออกมาเต็มพื้นที่มากกว่าเดิมโดยไม่ต้องเร่งวอลลุ่มซะจนดังลั่นบ้านเหมือนเคย คือพอมี M20 เข้ามาเสริม ทำให้ผมรู้เลยว่า เสียงจากทีวีโดยตรงมันมีลักษณะบีบๆ อั้นๆ ไม่ค่อยเปิดกระจ่าง ถ้านั่งไกลจากหน้าจอออกไปมากหน่อยจะฟังไม่ค่อยชัด ต้องเร่งวอลลุ่มขึ้นมาช่วยเยอะ แต่พอได้ M20 เข้ามาทำหน้าที่แทนลำโพงของทีวี ปัญหาเหล่านี้ก็หายไป ทำให้ดูทีวีแล้วแฮ้ปปี้ขึ้นมาก
และด้วยความสามารถในการแผ่กระจายคลื่นเสียงในแนวระนาบ (horizontal dispersion) ได้กว้างมากเป็นพิเศษ ทำให้สามารถวางระยะของลำโพงซ้าย–ขวาได้ห่างกันได้มาก ในคู่มือแนะนำไว้ว่าห่างกันได้ตั้งแต่ 2 – 4 เมตร ซึ่งทีวีใหญ่ๆ ขนาด 65 นิ้ว ยังมีความกว้างประมาณ 1.4 เมตรนิดๆ เท่านั้น ส่วนขนาด 75 นิ้ว ก็กว้างประมาณ 1.6 เมตรกว่าๆ ไม่เป็นปัญหาสำหรับ M20 เพราะยังไงตัวลำโพงก็ไม่บังจอแน่นอนเพราะ M20 วางห่างกันได้มากกว่านั้นเยอะโดยที่เสียงตรงกลางไม่โหว่
ฟังเพลงเอาเรื่องได้เลย.!
ถึงแม้ว่า form factor จะมาทาง minimalist แต่คุณก็หวังผลได้เลยกับการฟังเพลงผ่าน M20 คู่นี้ ไม่ว่าจะฟังจากมือถือผ่านเข้าไปที่ M20 ทางคลื่น Bluetooth หรือเล่นจากแผ่นซีดีด้วยเครื่องเล่นซีดีผ่านเข้าที่ M20 ทางอินพุตอะนาลอก RCA หรือแม้แต่เล่นไฟล์เพลงด้วยเครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบพกพา (DAP) แล้วป้อนเข้าไปที่ M20 ผ่านทางอินพุต AUX โดยใช้สาย mini 3.5mm ตลอดจนถึงเล่นไฟล์เพลงบนคอมพิวเตอร์แล้วส่งสัญญาณไปที่ M20 ผ่านเข้าทางอินพุต USB แม้ว่าทางด้าน “คุณภาพเสียง” จะลดหย่อนกันไปตามความสามารถของอินพุต แต่ในแง่ “น้ำเสียง” ที่ได้ออกมามันมีความน่าฟังมากพอกัน ต้องยอมรับเลยว่าทีมวิศวกรของ Q Acoustics ปรับจูนเสียงของ M20 ออกมาได้ค่าเฉลี่ยที่ดีมาก โทนเสียงโดยรวมมีความเป็นกลางสูง เสียงกลางถูกจูนมาให้มีความโดดเด่นมากหน่อย แต่เสียงแหลมและทุ้มก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันนัก จากเสียงกลางที่เข้มข้นค่อยๆ ลาดลงไปทางแหลมและทุ้มด้วยความละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน
ที่น่าชื่นชมคือ “น้ำหนักเสียง” ซึ่งลำโพงแบบออล–อิน–วันส่วนมากแล้วเสียงจะออกแนวโปร่งๆ ใสๆ ฟังสบายจริงแต่พอตั้งใจฟังเอาเรื่องแล้วเนื้อมวลของเสียงมันมักจะไม่เข้มข้น ซึ่ง Q Acoustics จูน M20 คู่นี้ออกมาได้ดี เสียงโดยรวมมีน้ำหนักทิ้งตัว ไม่ลอยเท้งเต้งอยู่ในอากาศ โดยเฉพาะเสียงกลางต่ำลงมาถึงทุ้ม ทำให้เสียงเบสมีลักษณะที่แยกตัวออกไปจากกลางได้เด็ดขาด ส่งผลต่อเนื่องไปถึงความสะอาดและเป็นตัวตนของเสียงกลางกับแหลมที่เด่นชัด ฟังจากเพลงที่มีอะเร้นจ์เม้นต์ซับซ้อนก็ยังสามารถแยกแยะรายละเอียดของเสียงออกมาได้สบายๆ เสพได้หมดทั้งเพลง
ส่วนใครที่มีความพิถีพิถันทางด้านคุณภาพเสียงมากหน่อย แนะนำให้เล่นไฟล์เพลงด้วยคอมพิวเตอร์ (หรือเอาให้สุดๆ ไปเลยก็เล่นผ่าน roon nucleus) แล้วส่งสัญญาณเข้าไปที่ M20 ทางอินพุต USB หาสาย USB คุณภาพดีมาใช้ เซ็ตอัพตำแหน่ง M20 ให้ได้ระยะลงตัว คุณจะแฮ้ปปี้มากกับเสียงที่ได้ ผมลองทดสอบดูแล้ว ต้องยอมรับว่าคุณภาพของภาค DAC + แอมป์ + ไดเวอร์ของ M20 ถูกปรับจูนมาให้ทำงานร่วมกันออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ได้ยินเสียงเพลงจากไฟล์ดีๆ (ไฟล์ WAV ที่ผมริปมาจากแผ่น CD กับไฟล์ที่สตรีมมาจาก TIDAL นี่แหละ!) ที่เล่นออกมาจาก M20 แล้วรู้สึกชื่นใจ.. มันไม่แค่ฟังสบายแต่ยังสามารถแสดงศักยภาพของไดนามิกและมิติเวทีเสียงของเพลงเหล่านั้นออกมาให้สัมผัสได้ด้วย
เสียงของ M20 ให้ทั้งความลื่นไหลและเปิดกระจ่างไปในคราวเดียวกัน ไทมิ่งของเพลงมีความแม่นยำ ให้จังหวะของเพลงที่ถูกต้อง ฟังแล้วไม่มีอาการหน่วงช้าหรือเร่งรีบ อารมณ์ของเพลงจึงมาเต็ม กับเพลงทั่วๆ ไปถือว่าผ่านสบาย กับเพลงไฮเอ็นด์ฯ ก็โชว์ศักยภาพออกมาได้ดีพอสมควร
สรุป
ทีแรกผมก็คิดว่า M20 เป็นลำโพงที่ออกแบบมาให้ใช้งานแบบฟังง่ายๆ สบายๆ ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักเล่นเครื่องเสียงแค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่สำหรับนักเล่นเครื่องเสียงอย่างผมได้ฟังแล้วต้องบอกว่า “ผิดคาด” คือถ้าซีเรียสในการแม็ทชิ่ง+เซ็ตอัพ+ปรับจูนหน่อย คุณจะพบว่า เสียงของ M20 คู่นี้มันไม่ได้หนีมาตรฐานของชุดเครื่องเสียงระดับกลางๆ เลย ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ไดนามิก, เนื้อเสียง, โทนัลบาลานซ์ หรือซาวนด์สเตจ ลำโพงคู่นี้ให้ได้เกินกว่าที่ผมคาดไว้จริงๆ มันทำให้ผมสามารถฟังแบบเอาเรื่องที่ห้องรับแขกได้เลย ซึ่งมีลำโพงแบบนี้น้อยคู่ที่ทำได้ระดับนี้ แยกชิ้นชุดเล็กๆ มีหนาวแล้วล่ะ ขอบอก..!!!
* น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ชอบเล่นเกมส์ เลยไม่ได้ทดสอบประเด็นนี้ ใครซื้อรุ่นนี้ไปอุปการะฝากลองเล่นเกมส์ให้หน่อย แต่ดูจากคุณภาพเสียงที่ได้จากการฟังเพลงก็คาดว่าถ้าเอาไปเล่นเกมส์เสียงน่าจะออกมาแผ่กว้างมากเป็นพิเศษแน่ๆ สปีดก็น่าจะเร็วทัน /
********************
ราคา : โปรโมชั่นพิเศษ 21,500 บาท /คู่ (จากราคาเต็ม 23,900 บาท /คู่)
********************
สนใจติดต่อ+สั่งซื้อได้ที่
Q Acoustics Thailand