ปัจจัยที่ทำให้ผลิตภัณฑ์สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิคส์ชนิดใดชนิดหนึ่ง มีความยืนยงคงกระพันอยู่ในตลาดได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานก็คือ “ฟังท์ชั่นการใช้งาน” ที่ตอบโจทย์ของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในสังคมเมืองใหญ่ของประเทศไทยในปัจจุบันที่เริ่มมีจำนวนประชากรหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พื้นที่มีอยู่เท่าเดิม เป็นเหตุให้บ้านพักอาศัยของประชาชนในเมืองใหญ่ อย่างเช่นในกรุงเทพมหานคร ถูกบังคับให้มีขนาดที่เล็กลง พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมีความจำกัดมากขึ้น ลำโพง Soundbar จึงกลายเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงที่เหมาะสมกับระบบโฮม เอนเตอร์เทนเม้นต์ของคนส่วนใหญ่มากกว่าระบบอื่นๆ
Sony HT-G700
ซาวนด์บาร์ที่มาพร้อมระบบเสียง Immersive Sound!
เป็นชุดลำโพงซาวนด์บาร์รุ่นล่าสุดของ Sony ที่เปิดตัวออกมาในปี 2020 ทำงานในโหมด 3.1 Ch มีความสามารถพิเศษในการสร้างสนามเสียงเซอร์ราวนด์ 3 มิติที่เรียกว่า “Immersive Sound” รองรับระบบเสียงเซอร์ราวนด์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน นั่นคือ Dolby Atmos และ DTS:X โดยใช้ลำโพง 3 แชนเนลรับหน้าที่สร้างสัญญาณเสียงในย่านกลาง–แหลมสำหรับสนามเสียงด้านหน้า, ด้านหลัง และตรงกลาง ซึ่งลำโพงทั้งสามแชนเนลนั้นถูกผนึกอยู่ในบอดี้ที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวแท่งเดียวกัน ชื่อว่า SA-G700 ส่วนความถี่ในย่านต่ำรวมกับซาวนด์เอ็ฟเฟ็กต์จะถูกสร้างโดยลำโพงแอ๊คทีฟ ซับวูฟเฟอร์ที่แยกออกไปอีกตัว ชื่อรุ่นว่า SA-WG700
อินพุตของแท่งซาวนด์บาร์ SA-G700
แท่งซาวนด์บาร์ SA-G700 มีความยาวถึง 98 ซ.ม. สูงแค่ 6.4 ซ.ม. และมีความลึกอยู่ที่ 10.8 ซ.ม. บนแผงด้านหน้าใต้ตะแกรงโลหะที่ปิดยาวตลอดแนวมีไดเวอร์ทรงกลมรีอยู่ 3 ตัว ตัวกลางทำหน้าที่เป็นลำโพง Center ในขณะที่ตัวซ้าย (หัวหน้าเข้าหาตัวซาวนด์บาร์) ทำหน้าที่เป็นลำโพงหน้าและลำโพงเซอร์ราวนด์ด้านหลังของซีกซ้าย (Front L/Surround L) ในขณะที่ตัวขวารับหน้าที่เป็นลำโพงหน้าและลำโพงเซอร์ราวนด์ด้านหลังของซีกขวา (Front R/Surround R)
ขั้วต่อสำหรับสายสัญญาณทั้งหมด ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านหลังของตัวซาวนด์บาร์ ชุดแรกเป็นขั้วต่อ Optical (A) สำหรับรองรับสัญญาณเสียงที่อยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตัลจากทีวีรุ่นเก่าที่ไม่มีช่อง HDMI ARC ถัดไปก็เป็นช่องอินพุต HDMI (B) ให้มาเพื่อรองรับสัญญาณดิจิตัลวิดีโอและสัญญาณเสียงดิจิตัล ออดิโอจากอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ อย่างเช่น เครื่องเล่นแผ่นบลูเรย์ฯ หรือเครื่องเล่นไฟล์วิดีโอ ถัดไปก็เป็นช่องต่อ USB-A (C) ซึ่งมีไว้สำหรับอัพเดตเฟิร์มแวร์ และสุดท้ายคือช่องต่อ HDMI Out (D) สำหรับเชื่อมต่อกับช่อง HDMI ของทีวีที่รองรับฟังท์ชั่น eARC/ARC
ขั้วต่ออีกชุดที่อยู่ด้านหลังก็คือ ขั้วต่อสำหรับปลั๊กไฟเอซี (E) ที่ให้มาเป็นแบบสองขา พร้อมสายไฟเอซีที่แถมมาในกล่อง
ตัวลำโพงซับวูฟเฟอร์ SA-WG700
ลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่ให้มาใช้ร่วมกับลำโพงซาวนด์บาร์เป็นแบบ active คือมีแอมป์ในตัว และใช้การเชื่อมต่อสัญญาณกับตัวซาวนด์บาร์ด้วยวิธีไร้สาย ผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0
ตัวตู้ของลำโพงซับวูฟเฟอร์มีลักษณะตั้งตรงทรงทาวเวอร์ ทำงานในระบบตู้เปิด (open port) ใช้ไดเวอร์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว (F) ติดตั้งอยู่ด้านบน มีตะแกรงโลหะปิดบังเอาไว้ และมีท่อระบายอากาศขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว (G) ติดตั้งอยู่ด้านล่างของตัวไดเวอร์ฯ ยิงออกทางด้านหน้าทิศทางเดียวกับตัวไดเวอร์ฯ ที่มุมบนด้านซ้ายบนแผงหน้าของตัวตู้จะมีไฟ LED อยู่หนึ่งดวง (H) ไว้แสดงสถานะการทำงาน ซึ่งจะแสดงเป็นสีเขียว, สีส้ม หรือสีแดง ขึ้นอยู่กับสถานะนั้นๆ อย่างเช่น แสดงเป็นสีส้ม + กระพริบ เมื่ออยู่ในขั้นตอนการเชื่อมต่อกับตัวซาวนด์บาร์ และจะแสดงเป็นสีเขียวขณะทำงานตามปกติ
ด้านหลังของตู้ซับวูฟเฟอร์มีแค่ขั้วต่อสายไฟเอซี, สวิทช์เปิด/ปิด และสวิทช์ Link สำหรับกดเพื่อทำการเชื่อมต่อกับซาวนด์บาร์ด้วยตัวเอง แต่ปกติแล้ว เมื่อทำการเปิดทั้งตัวซาวนด์บาร์และตัวซับวูฟเฟอร์ขึ้นมาครั้งแแรก ใช้เวลาไม่ถึงนาที ตัวซาวนด์บาร์กับตัวซับวูฟเฟอร์จะทำการเชื่อมต่อกันเองโดยอัตโนมัติ
การเชื่อมต่อใช้งาน HT-G700 กับทีวี
ที่ช่องเสียบสายสัญญาณของตัวซาวนด์บาร์ จะมีช่องต่ออยู่ 2 ช่องสำหรับใช้เชื่อมต่อกับทีวี ถ้าทีวีของคุณมีช่องต่อ HDMI ที่มีตัวอักษรระบุ “eARC/ARC” ให้ใช้สาย HDMI ที่แถมมาให้ในกล่องเชื่อมต่อระหว่างช่อง HDMI eARC/ARC ที่ทีวีกับช่อง HDMI eARC/ARC ที่ตัวซาวนด์บาร์เข้าด้วยกัน ถ้าทีวีไม่มีช่อง HDMI eARC/ARC ให้ทำการเชื่อมต่อระหว่างทีวีกับตัวซาวนด์บาร์ด้วยสายอ๊อปติคัล ไฟเบอร์ทางช่อง Optical แทน (เส้นสีแดงในภาพด้านบน)
รีโมทไร้สายที่ให้มา
รีโมทไร้สายที่ให้มาในกล่องเป็นรุ่น RMT-AH507U ขนาดเล็กกระทัดรัด พอดีมือ ใช้ควบคุมการทำงานของตัวซาวนด์บาร์ได้ทุกอย่าง ไล่ไปตั้งแต่ฟังท์ชั่นพื้นฐานคือ (1) เปิด/ปิดเครื่อง, (2) เลือกอินพุต, (3) เลือกรูปแบบของโหมดเสียง, (12) กดดูโหมดเสียงที่กำลังใช้งาน, (4) เพิ่ม/ลดความดังของเสียง และ (5) ควบคุมระดับความดังของลำโพงซับวูฟเฟอร์, (11) หยุดเสียงชั่วคราว หรือ muted, (10) ปรับระดับความสว่างของจอแสดงผล ไปจนถึงฟังท์ชั่นพิเศษอื่นๆ อาทิเช่น (8) เลือกใช้/ไม่ใช้โหมด “Voice” เพื่อเน้นความชัดของเสียงพูดในกรณีที่รู้สึกว่าได้ยินเสียงพูดในคอนเท็นต์ไม่ชัดเจน, (9) เลือกใช้/ไม่ใช้โหมด “Night” เพื่อลดความดังของเสียงตอนกลางคืน
นอกจากนั้น มีการสั่งงานที่เกี่ยวกับระบบเสียงบนรีโมทตัวนี้อยู่ 2 จุด จุดแรกคือปุ่ม “Audio” (7) ใช้กดเพื่อเลือกรูปแบบของภาษาพูดในภาพยนตร์ที่ต้องการ ใช้ในกรณีที่ภาพยนตร์มีหลายภาษาให้เลือก วิธีเลือกก็คือกดซ้ำๆ เพื่อวนไปจนเจอกับภาษาที่ต้องการก็หยุด อีกส่วนคือกลุ่มของปุ่มกดที่ใช้เลือกรูปแบบของระบบเสียง (3) ที่ต้องการรับฟัง ซึ่งในกลุ่มนี้มีปุ่มให้กดเลือกอยู่ทั้งหมด 5 ปุ่ม คือ “Auto Sound”, “Standard”, “Cinema”, “Music” และ “Immersive AE” โดยที่โหมด “Standard” = ใช้กับรายการข่าวและบันเทิงในทีวี, “Cinema” = ใช้กับการรับชมภาพยนตร์, “Music” = ใช้กับการรับชมคอนเท็นต์ที่เป็นดนตรี อาทิเช่น รายการประกวดร้องเพลงในทีวี และวิดีโอคอนเสิร์ต เป็นต้น
ระบบเสียง Immersive AE
คือไฮไล้ท์ของ HT-G700
ตัวย่อ Immersive AE บนรีโมทของ HT-G700 มาจากชื่อเต็มๆ ว่า “Immersive Audio Enhancement” ซึ่งเป็นระบบเสียงรอบทิศที่ Sony คิดค้นขึ้นมาเอง ถือว่าเป็นไฮไล้ท์ของซาวนด์บาร์รุ่นนี้ ทำหน้าที่เพิ่มขยายมิติเสียงในแนวดิ่ง (Vertical Surround) เข้ามาเพิ่มเติมกับสนามเสียงในแนวระนาบ (Horizontal Surround) ที่มีอยู่เดิม เพื่อทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกว่าถูก “ห้อมล้อม” ด้วยเสียงในทุกทิศทาง ทั้งด้านข้าง, ด้านหลัง และด้านบน เหมือนระบบเสียงเซอร์ราวนด์ Dolby Atmos 7.1.2 แชนเนล ซึ่งเป็นสนามเสียงที่เกิดขึ้นจากการประมวลผลของ DSP ในตัวซาวนด์บาร์ ไม่ได้เกิดจากการสะท้อนมาจากผนังห้องและเพดาน ดังนั้น ไม่ว่าสภาพห้องของคุณจะเป็นแบบไหน ก็จะไม่ส่งผลกับสนามเสียงที่เกิดขึ้นจากตัวซาวนด์บาร์ นั่นคือผู้ใช้จะได้คุณภาพความโอบล้อมของสนามเสียงที่มีคุณภาพเสมอกันในทุกห้อง
การทำงานของโหมด Immersive AE จะมีให้เลือกก็ต่อเมื่อผู้ใช้ทำการกดเลือกหัวข้อ Audio ไปที่ > Effect > [Sound Mode On] นอกจากนั้น ที่หัวข้อย่อย Effect ในเมนูหลัก Audio ยังมีระบบเสียงเซอร์ราวนด์ให้เลือกอีก 2 โหมดคือ [Dolby Speaker Virtualizer] = ใช้จำลองสนามเสียงเซอร์ราวนด์สำหรับฟอร์แม็ต Dolby ส่วนอีกโหมดคือ [DTS Virtual:X] = ใช้จำลองสนามเสียงเซอร์ราวนด์สำหรับฟอร์แม็ต DTS ถ้าไม่ต้องการใช้ฟังท์ชั่นจำลองระบบเสียงเซอร์ราวนด์ก็สามารถสั่งปิดได้
ทดสอบฟังเสียง
ส่วนตัวผมใช้ซาวนด์บาร์ของ Sony รุ่น MT500 อยู่ เป็นซาวนด์บาร์ระบบเสียง 2.1 Ch โดยใช้มันเป็นกระบอกเสียงให้กับ OLED-TV ของ Sony รุ่น A8F ที่มีขนาดจอ 65 นิ้ว ผมวางตัวซาวนด์บาร์ไว้ในชั้นไม้ใต้จอทีวี ห่างจากฐานของตัวทีวีลงมาประมาณ 10 ซ.ม. ส่วนตัวซับวูฟเฟอร์วางอยู่บนพื้นห้อง ห่างจากตัวซาวนด์บาร์ประมาณ 2 ฟุต (60 ซ.ม.) ตัวทีวีกับ MT500 เชื่อมต่อกันทางช่อง HDMI ARC ด้วยสาย HDMI ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ชินกับเสียงที่ได้ยินมานาน แต่พอเปลี่ยนเอา HT-G700 ลงไปแทน ผมก็เกิดอาการไม่อยากจะกลับไปฟัง MT500 อีกเลย..!!
อย่างแรกสุดเลยที่รู้สึกถึงความเจ๋งของ HT-G700 ก็คือว่ามันยกเสียงให้สูงขึ้นไปอยู่บนจอทีวีได้อย่างน่าทึ่ง.! ตอนฟังทดสอบ ผมนั่งห่างจากจอทีวีออกมาประมาณ 2.8 เมตร ความสูงของสายตาอยู่ในระดับประมาณกลางความสูงขึ้นจอ ณ ตำแหน่งนั้น ผมรู้สึกว่าเสียงสนทนาของตัวละครในหนังที่ดู หรือเสียงพูดจากผู้อ่านข่าวในช่องดิจิตัลทีวีมันดังออกมาจากปากของพวกเขาตรงเป๊ะ ไม่ได้มีความรู้สึกเลยว่าเสียงพูดของพวกเขาออกมาจากแท่งลำโพงซาวนด์บาร์ที่อยู่ด้านล่าง.!
ความเจ๋งของ HT-G700 อันดับที่สองก็คือความสามารถในการแยกแยะรายละเอียดของเสียงที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันออกมาได้เด็ดขาดกว่ารุ่น MT500 ที่ผมใช้อยู่อย่างชัดเจน สาเหตุคงเป็นเพราะตัว HT-G700 มีไดเวอร์ 3 ตัว ทำงานร่วมกัน แยกลำโพง Center สำหรับถ่ายทอดเสียงบริเวณตรงกลางของจอออกมาจากลำโพงซ้ายและขวาอย่างเด็ดขาด ผมสังเกตจากการดูข่าวของช่อง Nation (ดิจิตัลทีวีช่อง 22) ซึ่งผู้อ่านข่าวทั้งสามคนนั่งห่างจากกัน “ซ้าย–ตรงกลาง–ขวา” ตามข้อกำหนด social distancing ซึ่งผมสามารถแยกเสียงพูดของผู้อ่านข่าวทั้งสามคนออกมาได้อย่างชัดเจน ตรงกับตำแหน่งของแต่ละคนเป๊ะๆ แม้จะเป็นขณะที่พวกเขากำลังแย่งกันพูดก็ยังฟังรู้เรื่อง ไม่มั่ว ยิ่งไปกว่านั้น HT-G700 ยังแสดงออกมาให้รับรู้ได้ชัดเลยว่า น้ำเสียงพูดของผู้อ่านข่าวทั้งสามคนมีเอกลักษณ์โทนเสียงที่ต่างกันไปคนละทาง ตอนฟังผ่าน MT500 มันไม่ได้ทำให้ผมได้ยินอะไรที่ละเอียดอ่อนระดับนี้ ยอมรับเลยว่า HT-G700 แยกแยะรายละเอียดของเสียงออกมาได้ดีกว่ารุ่น MT500 มาก (ฟังท์ชั่น “Voice” ของ HT-G700 เวิร์คมาก! ช่วยทำให้เสียงสนทนาชัดเจนมากขึ้นจริงๆ)
เมื่อผมทดลองรับชมภาพยนตร์จากช่อง Netflix และเลือกระบบเสียงไปที่โหมด “Cinema” และเปิดใช้โหมด “Immersive AE” ไปด้วย วินาทีที่กดปุ่ม Immersive AE ลงไป ตัวหนังสือบนจอของ HT-G700 ปรากฏคำว่า “IAE: ON” ขึ้นมา ผมรู้สึกได้ทันทีว่าสนามเสียงเกิดการเปลี่ยนแปลงไป เสียงเบสลงลึกและมีน้ำหนักมากขึ้น เวทีเสียงฉีกตัวขยายออกไปทั้งซ้าย, ขวา และสูง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเอ็ฟเฟ็กต์ประกอบอยู่หนังลอยออกมาให้ได้ยินชัดเจนมากขึ้น ความรู้สึกของบรรยากาศโอบล้อมแผ่คลุมออกมาถึงบริเวณที่นั่งชม
ทดสอบดูหนัง 4K UHD
กับระบบเสียง Dolby Atmos และ DTS:X
และเมื่อผมทดลองเชื่อมต่อเครื่องเล่นแผ่น 4K UHD ของ Pioneer LX-500 เข้ากับ HT-G700 ด้วยสาย HDMI แล้วลองเล่นแผ่น 4K UHD เรื่อง “Mad Max: Fury Road” โดยเลือกฟอร์แม็ตเสียง Dolby Atmos ผมพบว่า เสียงที่ออกมามีลักษณะที่เปิดขยายออกไปรอบด้านมากกว่าเดิม น้ำหนักเสียงก็ดีขึ้น พวกที่เป็นรายละเอียด หัวเสียงหรืออิมแพ็ค ดีขึ้นหมด เสียงโดยรวมมีความควบแน่นและมีพลังแฝงมากขึ้น ดูหนังแล้วรู้สึกมันส์มากกว่าที่ผ่านมาเยอะเลย
นอกจากดูหนังแล้ว ผมก็ลองดูแผ่น 4K UHD ที่เป็นคอนเสิร์ตของ Susan Wong ชุด “Live Stories” ด้วย เสียงออกมาดีมาก การแยกแยะรายละเอียดเยี่ยมเลย พื้นเสียงใส แยกเสียงได้กว้าง เคลียร์และสะอาด ฟังเพลงได้อรรถรสขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับเสียงจากตัวทีวีเอง
ด้วยความสามารถในการฉีกกระจายสนามเสียงให้เปิดกว้างออกมาได้มากกว่า MT500 ตัวเก่าของผม เพราะ HT-G700 ใช้ไดเวอร์ถึง 3 ตัว และมีบอดี้ยาวกว่ารุ่น MT500 มากกว่าสองเท่า ทำให้สนามเสียงที่มันให้ออกมาสามารถครอบคลุมพื้นที่นั่งชมได้กว้างกว่า ณ ระยะห่างออกมาจากหน้าจอประมาณ 2.5 – 3.0 เมตร แม้ว่าจะนั่งชมเยื้องกัน ไม่ได้นั่งตรงกลางจอทีวีทั้งหมด แต่ทุกคนก็ยังรับรู้ถึงการแยกแยะตำแหน่งเสียงกับรับรู้ถึงมวลแอมเบี้ยนต์ที่แผ่คลุมมาถึงตัวได้อย่างชัดเจน (เมื่อเลือกใช้โหมด Immersive AE)
ลองฟังเพลงกับ HT-G700
คุณสมบัติเด่นอีกข้อของลำโพงซาวนด์บาร์คือใช้ฟังเพลงด้วยการสตรีมผ่าน Bluetooth ได้ เหมือนซื้อ 1 ได้ถึง 2 คือใช้ฟังเพลงแทนลำโพงไร้สายได้เลย
วิธีเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่าง HT-G700 กับสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตที่จะใช้เล่นไฟล์เพลงก็ทำได้ง่ายมาก ในตัวอย่างข้างบนผมใช้ iPhone 7 ในการเชื่อมต่อ ให้เริ่มต้นด้วยการ ใช้ปลายนิ้วจิ้มไปที่เครื่องหมาย “บลูทูธ” ที่อยู่บนหลังซาวนด์บาร์ (ภาพบนสุด) รอจนหน้าจอมีไฟกระพริบ จากนั้นให้ไปที่เมนู Settings > “Bluetooth” บน iPhone 7 แล้วรอจนมีชื่อ “HT-G700” ปรากฏขึ้นมาที่ด้านล่างของหัวข้อ “Other Devices” ให้ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงไปที่ HT-G700 รอจนชื่อของ HT-G700 ขึ้นไปอยู่ด้านบนและมีคำว่า “Connected” ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลัง แสดงว่า HT-G700 กับสมาร์ทโฟน iPhone 7 ทำการเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นก็ทำการเล่นไฟล์เพลงด้วยแอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน (ผมใช้แอพฯ Onkyo HF Player ในการเล่นไฟล์เพลง) และใช้วิธีควบคุมการเล่นไฟล์เพลงผ่านทางสมาร์ทโฟนโดยตรง รวมถึงการปรับระดับความดังด้วย (หรือจะปรับความดังด้วยรีโมทไร้สายของ HT-G700 ก็ได้) เสียงที่ออกมาก็ดีกว่าเสียงของลำโพงไร้สายตัวเล็กๆ มากมาย ทั้งกว้างกว่า มีเนื้อมีหนังกว่า ดังประจายไปเต็มทั้งบ้านโดยไม่รู้สึกน่ารำคาญเหมือนลำโพงไร้สายตัวเล็กๆ ที่เร่งดังมากๆ แล้วเสียงจะเจี๊ยวจ๊าวมาก แต่ฟังผ่าน HT-G700 ตัวนี้แล้วไม่รู้สึกน่ารำคาญ มีแต่ความบันเทิง..!
สรุป
“ลำโพงซาวนด์บาร์” เป็นตัวเลือกภาคบังคับสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด ต้องการความเรียบง่ายในการเชื่อมต่อระบบ และไม่ชอบเดินสายระโยงระยาง ด้วยข้อจำกัดทางสรีระที่ผอมบางและมีแค่แท่งเดียว ทำให้ลำโพงซาวนด์บาร์ให้ประสิทธิภาพเสียง “ด้อยกว่า” ลำโพงแยกชิ้น 5.1 Ch แต่หลังจากลำโพงซาวนด์บาร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ผลิตลำโพงซาวนด์บาร์ของแต่ละแบรนด์ได้ร่วมกันพัฒนาประสิทธิภาพของลำโพงซาวนด์บาร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
HT-G700 คือลำโพงซาวนด์บาร์รุ่นล่าสุดที่ Sony แสดงให้เห็นว่า ลำโพงซาวนด์บาร์ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาทางด้านประสิทธิภาพเสียงขึ้นมามากแค่ไหน.? จากจุดเริ่มต้นของเสียงที่ขมวดเป็นกระจุก เนื้อเสียงบาง และกระจายตัวอย่างไร้ทิศทาง มากลายเป็นเสียงที่แยกแยะตำแหน่งเสียงได้สอดคล้องกับภาพบนจอมากขึ้น ให้เนื้อเสียงที่เข้มข้นมากขึ้นจนสามารถแสดงรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ของเสียงพูดและเสียงเอ็ฟเฟ็กต์แต่ละเสียงออกมาได้อย่างใกล้เคียงของจริงมากขึ้น สามารถสร้างสนามเสียงที่แผ่คลุมออกมาได้ทั้งแนวระนาบและแนวดิ่ง ทั้งหมดนี้.. แม้ว่าจะสู้เสียงที่ได้จากลำโพงแยกชิ้น 5.1 Ch แท้ๆ ยังไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับลำโพงซาวนด์บาร์ในยุคแรกๆ ก็ต้องยอมรับว่า HT-G700 ทำได้ดีกว่าในทุกด้าน และถ้าเทียบกับเสียงจากทีวีโดยตรงก็ต้องบอกว่า HT-G700 ทำได้ดีกว่าหลายเท่า.!!! /
******************
ราคา : 19,990 บาท
******************
สนใจสั่งซื้อ :
Sony Store Thailand
