รีวิวเครื่องเสียง : Sony รุ่น WF-1000X หูฟังอินเอียร์แบบไร้สาย

หูฟังบลูทูธไร้สายมีมานานแล้ว คุณอาจจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจ ถ้าเห็นคนยืนพูดโทรศัพท์ด้วยหูฟัง bluetooth แค่ ข้างเดียวแต่นั่นไม่ใช่หูฟัง Sony ตัวนี้แน่ เพราะโซนี่รุ่นนี้เป็นหูฟังไร้สาย bluetooth ที่ให้คุณใช้ พร้อมกันสองข้าง..!

ดีไซน์

เพราะ WF-1000X เป็นหูฟังประเภท in-ear มันจึงมีขนาดตัวที่เล็กกระทัดรัดมากๆ

 

มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ กับสีน้ำตาล ตัวหูฟังทั้งสองมีขนาดเล็กมาก ในภาพเมื่อเทียบเคียงกันแล้วจะเห็นว่า ขนาดตัวถังของหูฟังยังเล็กกว่าเหรียญบาทซะอีก.!

ตรงส่วนปลายของตัวหูฟังเป็นอะครีลิคสีชา เผยให้เห็นเสาอากาศ bluetooth ติดตั้งอยู่ตรงนั้น (ศรชี้)

ตรงนี้เป็นไมโครโฟนที่มีไว้ดึงเสียงจากภายนอกเข้าไปในหูฟัง ใช้งานในโหมด Ambient ของฟังท์ชั่น Noise Cancelling

โครงสร้างภายในตัวหูฟัง ส่วน A นั้นเป็นชิ้นส่วนที่เป็นไมโครโฟน และ B คือส่วนที่เป็นตัวหูฟัง

หูฟังอินเอียร์ WF-1000X ตัวนี้ถูกออกแบบมาพร้อมกับกล่องที่ใช้เป็นทั้งที่เก็บและที่ชาร์จแบตเตอรี่ในตัว

เทียบขนาดกล่องกับหูฟังแล้วจะเห็นว่า ตัวกล่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าตัวหูฟังมาก เหตุผลก็เพราะว่า ในตัวกล่องใส่นั้นบรรจุแบตเตอรี่สำหรับเก็บไฟสำรองให้กับตัวหูฟังอยู่ในนั้น มันทำหน้าที่เป็นเหมือนพาวเวอร์แบ็งค์ให้กับตัวหูฟังนั่นเอง

แต่ก็ยังสามารถยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ได้สบายๆ

ลูกศรชี้คือรูเสียบสาย micro USB สำหรับชาร์จไฟให้กับตัวกล่อง ส่วนจุดดำๆ เล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างรูเสียบคือไฟแอลอีดีแสดงสถานะการชาร์จซึ่งจะสว่างเป็นสีแดงขณะกำลังชาร์จ และจะดับมืดลงเมื่อชาร์จเต็มแล้ว

ส่วนน้ำหนักของหูฟังแต่ละตัวอยู่ที่ 6.8 กรัม ถ้าจับใส่กล่องทั้งสองข้างแล้วชั่งรวมกันก็จะได้น้ำหนักรวมอยู่ที่ 70 กรัม เหตุผลที่ตัวกล่องมีน้ำหนักเยอะเป็นเพราะว่าในตัวมันมีแบตเตอรี่ฝังอยู่นั่นเอง เป็นแบตเตอรี่ลิเธียม อิออนที่สามารถเก็บไฟสำรองให้กับหูฟังทั้งสองข้างได้มากถึง 6 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ส่วนตัวหูฟังเองก็มีแบตเตอรี่ในตัวที่สามารถเก็บไฟไว้ใช้ได้นานถึง 3 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (หูฟังทั้งสองตัวใช้เวลานาน 1.5 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็มหนึ่งครั้ง)

จุดสัมผัสตัวนำไฟฟ้าสำหรับชาร์จไฟบนตัวกล่อง (ศรชี้)

หมุดสีทองสองอันนี้ (ศรชี้) คือจุดสัมผัสตัวนำไฟฟ้าสำหรับชาร์จไฟจากกล่องมาที่ตัวหูฟัง ซึ่งหมุดสองอันนี้ต้องแนบสนิทกับจุดสัมผัสบนตัวกล่อง (รูปบน) เสมอขณะชาร์จไฟจากตัวกล่อง

ที่กล่องด้านในจะทำเป็นช่องสำหรับใส่ตัวหูฟังที่แยกสำหรับข้างซ้ายกับข้างขวาออกจากกัน โดยมีตัวอักษร L กับ R พิมพ์กำกับไว้อย่างชัดเจน เมื่อนำเอาตัวหูฟังทั้งสองข้างใส่ลงไปในช่องเก็บของมัน แล้วใช้นิ้วกดให้ตัวหูฟังลงไปอยู่ในล็อคพอดีๆ จะทำให้หน้าสัมผัสโลหะของตัวหูฟังกับหน้าสัมผัสโลหะที่ตัวกล่องแนบชิดกัน ที่ส่วนปลายของตัวหูฟังจะมีแสงสีแดงสว่างขึ้นมาและคาอยู่อย่างนั้นเพื่อบอกให้รู้ว่ามันกำลังชาร์จไฟ และเมื่อชาร์จจนเต็มแล้ว ไฟสีแดงที่ตัวหูฟังก็จะดับลง

WF-1000X ใช้ได้มากกว่า โทรศัพท์

หูฟังไร้สาย Bluetooth ในอดีตถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้รับสายโทรศัพท์และสนทนาได้ในขณะที่ตัวโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่หูฟังไร้สาย bluetooth ของ Sony รุ่น WF-1000X ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้คุณใช้ประโยชน์จากมันได้มากกว่านั้น คือใช้ ฟังเพลงได้ด้วย

ทำไมหูฟัง bluetooth แบบเก่าใช้ฟังเพลงไม่ได้.? ก็เพราะว่ามันมีแค่ตัวเดียว ไม่รองรับการเล่นเพลงที่บันทึกมาเป็นระบบเสียง stereo ที่ต้องใช้ลำโพงสองตัวพร้อมกัน อีกทั้งมาตรฐานของสัญญาณ bluetooth เวอร์ชั่นแรกๆ นั้นยังให้คุณภาพเสียงที่ไม่ดีพอสำหรับการฟังเพลง

WF-1000X ไม่ใช่หูฟังอินเอียร์ไร้สายตัวแรกของโลก วิศวกรของ Sony ใช้เวลานานถึงหนึ่งปีกว่าจะปล่อยหูฟังอินเอียร์ไร้สายตัวแรกออกมาตามหลัง Airpod ของแอ๊ปเปิ้ล กระนั้น ถึงจะมาช้า แต่หูฟังตัวนี้ก็มีดีมากพอให้คนต้องสนใจ สิ่งนั้นก็คือ ฟังท์ชั่น “Noise Cancelling” นั่นเอง

ระบบ Noise Cancelling
ของ WF-1000X

WF-1000X เป็นหูฟังอินเอียร์รุ่นแรกของ Sony ที่มีฟังท์ชั่น Noise Cancelling ในตัว ซึ่ง Sony บรรจุฟังท์ชั่น Noise Cancelling ลงไปในหูฟัง WF-1000X ตัวจิ๋วนี้ พร้อมเปิดโอกาสให้คุณสามารถสั่งงานได้ทั้งแบบ manual เมื่อสั่งงานโดยกดปุ่มบนตัวหูฟัง และแบบ auto สามารถเลือกรูปแบบการทำงานได้มากขึ้นผ่านแอพลิเคชั่น

อ๊อปชั่น 3 แบบของฟังท์ชั่น Noise Cancelling ที่หูฟังตัวนี้มีให้ใช้ผ่านปุ่มกดบนตัวหูฟังข้างซ้าย

1) Noise Cancelling = แบบเต็มพิกัด ซึ่งจะลดเสียงจากภายนอกลงไปมากที่สุด แต่ที่ผมทดลองดูก็ไม่ได้ถึงกับทำให้เงียบสนิทนะครับ เมื่อเปิดใช้ก็ยังพอได้ยินเสียงภายนอกบ้างแต่เบามาก โดยเฉพาะเสียงที่อยู่ในย่านต่ำๆ อย่างพวกเสียงเครื่องยนต์จะเบาลงไปมาก แบบนี้จะเหมาะใช้ตอนนั่งอยู่กับที่นิ่ง ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน

2) Ambient = แบบนี้ตัวไมโครโฟนที่อยู่ในหูฟังทั้งสองข้างจะดูดเสียงจากภายนอกเข้ามาให้เราได้ยิน ทำให้เรารับรู้สภาวะของเสียงรอบข้างได้ดี เหมาะใช้ขณะเดินไปในที่ต่างๆ หรือตอนที่ต้องการสนทนากับบุคคลอื่น

3) Off = ปิดไม่ใช้ฟังท์ชั่น Noise Cancelling รวมทั้งปิดการทำงานของไมโครโฟนบนตัวหูฟังด้วย

กลไกที่ควบคุมเพื่อเลือกใช้ฟังท์ชั่น Noise Cancelling ทั้งสามรูปแบบเป็นปุ่มกดที่ติดตั้งอยู่ที่หูฟังข้างซ้าย (ศรชี้ในภาพ) เมื่อกดซ้ำไปคือวนฟังท์ชั่น Noise Cancelling ทั้ง 3 แบบข้างต้นไปเรื่อยๆ สำหรับบางคนที่ไม่ถนัดใช้นิ้วกดไปที่ตัวหูฟัง ยังมีวิธีควบคุมสั่งงานฟังท์ชั่น Noise Cancelling อีกวิธีหนึ่ง ที่สะดวกกว่าและมีอ๊อปชั่นให้เลือกมากกว่า นั่นคือ ควบคุมด้วยแอพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Sony Headphone Connect ผ่านบนสมาร์ทโฟน (มีให้ดาวน์โหลดทั้ง iSO และ Android)

ถูกสร้างมา..
เพื่อการฟังเพลง

ไดเวอร์ขับเสียงที่ใช้ในหูฟังรุ่นนี้เป็นไดเวอร์ไดนามิกทรงโดมที่มีขนาดไดอะแฟรมแค่ 6 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำงานในระบบตู้ปิด ขยับไดอะแฟรมผลักดันอากาศด้วยพลังงานจากแม่เหล็กนีโอไดเมี่ยม ไดเวอร์รองรับการแผ่กระจายความถี่ครอบคลุมอยู่ในย่านเสียงตั้งแต่ 20Hz – 20kHz

ภาครับของหูฟังตัวนี้มีแค่ช่องทางเดียวคือผ่านเข้าทาง bluetooth ไร้สายเท่านั้น มาตรฐานของ bluetooth ที่ใช้กับหูฟังตัวนี้เป็นเวอร์ชั่น 4.1 เชื่อมต่อบนคลื่นความถี่ 2.4GHz รองรับโปรไฟล์ A2DP / AVRCP / HFP และ HSP จึงสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้สัญญาณ bluetooth ได้กว้างขวาง

ทางด้านสัญญาณเสียงนั้น หูฟังของ Sony ตัวนี้สามารถรองรับสัญญาณเสียงที่มากับคลื่น bluetooth ได้ 2 ฟอร์แม็ตคือ AAC กับ SBC จึงเหมาะสมกับการรับ/ส่งสัญญาณเสียงที่มีแซมปลิ้งเรตอยู่ที่ระดับ 44.1kHz เป็นพิเศษ ซึ่งน่าเสียดายว่ายังไม่รองรับไปถึงระดับ aptX หรือ LDAC ในขณะที่หูฟังไร้สายแบบครอบหูรุ่นใหญ่กว่าอย่าง MDR-1000X นั้นรองรับได้ถึง LDAC แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ WF-1000X ยังไปไม่ถึงระดับ LDAC ก็น่าจะด้วยปัจจัยสองสามอย่าง อย่างแรกคือ มันต้องแบ่งแบนด์วิธของสัญญาณ bluetooth ส่วนหนึ่งมาใช้กับการเชื่อมต่อและรับส่งสัญญาณเสียงระหว่างหูฟังทั้งสองข้างด้วย ซึ่งรุ่น MDR-1000X นั้นไม่ต้องมีภาระในส่วนนี้ เพราะระหว่างหูทั้งสองข้างส่ง/รับสัญญาณผ่านสายสัญญาณนั่นเอง

เหตุผลอีกข้อที่ทำให้สเปคฯ ในการรับ/ส่งสัญญาณเสียงของ WF-1000X ยังไม่หรูหราเท่ากับรุ่น MDR-1000X ก็น่าจะเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ เนื่องจากบอดี้ของตัว WF-1000X มันเล็กจิ๋วมาก แบตเตอรี่ที่อยู่ในตัวมันจึงไม่มากพอที่จะใช้กับการรับ/ส่งและดีโค๊ดสัญญาณเสียงที่มีเรโซลูชั่นสูงๆ ซึ่งจะใช้พลังงานโปรเซสเซอร์เยอะ อัตราสิ้นเปลืองพลังงานก็จะสูง แต่เข้าใจว่า ข้อจำกัดนี้น่าจะถูกขจัดไปได้ในอนาคตเมื่อสามารถทำแบตเตอรี่่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าปัจจุบันออกมาได้

ผมทดลองเล่นไฟล์เพลง WAV ที่มีสเปคฯ อยู่ที่ 24/96 ด้วยแอพฯ Onkyo HF Player บน iPhone 7 แล้วส่งสัญญาณเพลงมาที่ WF-1000X ผ่าน bluetooth ซึ่งสามารถเล่นได้แน่นอน แถมเสียงออกมาดีด้วย..

แต่ในการใช้งานจริงแล้ว คุณก็สามารถเล่นไฟล์เพลงที่มีแซมปลิ้งเรต “สูงกว่า” ระดับ 44.1kHz กับหูฟังตัวนี้ได้นะครับ โดยอาศัยความสามารถของโปรแกรม หรือแอพฯ เล่นไฟล์เพลงช่วย downsampling อัตราแซมปลิ้งฯ ของสัญญาณเดิมที่สูงกว่าให้ลงมาอยู่ที่ 44.1kHz ก่อนส่งให้หูฟังตัวนี้

คุณภาพเสียง = เกินคาด.!!

จากที่ผมทดลองฟังเพลงด้วยหูฟังตัวนี้บอกได้เลยว่า Sony ก็ยังคงเป็น Sony ยักษ์ใหญ่ของวงการเครื่องเล่นเพลงอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าตัวหูฟังจะมีขนาดเล็กจิ๋ว แถมข้างในก็ต้องมีอะไรต่อมิอะไรยัดกันอยู่มากมายหลายอย่าง เหลือที่ให้จัดการกับเสียงน้อยมาก แต่ที่ผมว่า Sony ไม่ทิ้งลายของความเป็น Sony นั่นคือ “คุณภาพเสียง” ที่มีมาตรฐานสูงกว่าทั่วไปในท้องตลาดขึ้นไประดับหนึ่ง ซึ่งคือสิ่งที่คุณคาดหวังได้จากแบรนด์นี้

ทดลองฟังเพลงกับ iPhone 7 โดยใช้แอพฯ Onkyo HF Player เป็นตัวเล่นไฟล์เพลง ซึ่งจริงๆ แล้วโซนี่ก็มีแอพฯ เล่นไฟล์เพลงที่สามารถเล่นไฟล์ไฮเรซฯ ได้ชื่อว่า Music Center แต่ผมชอบแอพ Onkyo HF Player มากกว่าตรงที่เล่นไฟล์ WAV แล้วสามารถโชว์ปกกับรายชื่อเพลงได้ครบถ้วน

หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกถึงความเป็น Sony ก็คือลักษณะเสียงที่ผสมกันออกมาอย่างเหมาะเจาะระหว่าง “รายละเอียด” กับสิ่งที่เรียกว่า “ความเป็นดนตรี” ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยข้อจำกัดทางสรีระของไดเวอร์ที่เล็กจิ๋ว คงจะคาดหวังรายละเอียดเสียงที่มาครบถ้วนทุกเม็ดทุกประเด็นทุกแง่มุมก็ไม่น่าจะได้ แต่เมื่อเทียบกับความคาดเดาจากรูปลักษณ์ของมันก็ต้องบอกว่า “ ดีเกินคาด” อย่างที่ว่านั่นแหละครับ..

ลองจับคู่ฟังเพลงกับเครื่องเล่นไฟล์เพลงยี่ห้อ Astell&Kern รุ่น AK Junior เข้ากันได้ดีเลย..

นี่ก็เครื่องเล่น Astell&Kern แต่เป็นรุ่นใหญ่กว่าคือ KANN เสียงก็ยิ่งขึ้นไปอีก เนื้อเสียงอิ่มขึ้น บอดี้ของอิมเมจออกมาใหญ่เกินตัวหูฟังไปเยอะเลย..

กับอัลบั้มที่มิกซ์เสียงออกมาได้สมดุลย์ดีระหว่างทุ้มกลางแหลม หูฟังตัวนี้จะถ่ายทอดออกมาได้น่าฟังมาก แสดงถึงแนวทางการปรับจูน equalize สัญญาณเสียงออกมาได้ดี คุณจะไม่รู้สึกขาดความถี่ย่านใดไปเลย โดยเฉพาะย่านต่ำนั้น เชื่อว่าจะทำให้คุณทึ่งเหมือนผมอย่างแน่นอน เพราะเสียงทุ้มที่ได้ยินจากหูฟังตัวนี้ไม่ได้แค่ลงได้ต่ำ แต่ในแง่เนื้อมวลก็มีออกมาให้มากกว่าที่คิดเยอะ จริงอยู่ว่าคงสู้เสียงเบสจากหูฟังประเภฟูลไซร้อย่างรุ่น MDR-1000X ไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เบสกระป๋องกระแป๋งนะครับ มันมีมวลเนื้อเบสมากพอที่จะให้ความนุ่มนวลได้พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนเสียงแหลมก็เช่นกัน ไม่ได้ออกมาผอมเรียวและพุ่งปรี๊ดอย่างกับที่หูฟังอินเอียร์ถูกๆ เป็นอยู่ หากแต่เป็นเสียงแหลมที่มี “ความละเอียดเนียน” อยู่ในระดับที่สูงเกินคาดเช่นกัน และเชื่อว่า วงจรครอสโอเว่อร์ในตัวหูฟังต้องเปิดแบนด์วิธของความถี่เอาไว้สูงมาก จึงทำให้ปลายเสียงแหลมมี “room” เหลือให้สามารถทอดขยายปลายเสียงออกไปได้อีกนิด ทำให้จึงแทบจะไม่พบอาการ “ปลายแหลมกุดด้วน” เหมือนกับหูฟังตัวเล็กๆ ที่พบเห็นกันดาษดื่นทั่วไป

กับ DAP ของ Sony เองก็ออกมาดีมาก ที่เห็นคือรุ่น ZX-100

ความสามารถในการแยกชิ้นดนตรีก็ทำได้ดีพอสมควร เวทีเสียงไม่ได้ใหญ่มาก แต่ชิ้นดนตรีก็ไม่ได้บีบตัวกระจุกอยู่เฉพาะตรงกลาง มีตำแหน่งที่สามารถชี้ชัดได้เป็นที่เป็นทาง มีช่องไฟระหว่างแต่ละชิ้นพอสมควร ฟังแล้วรับรู้ได้ถึงลักษณะเสียงที่โปร่งสบาย

สรุป

ในแง่การใช้งาน – ผมมีความรู้สึกประทับใจมากหลังจากได้ทดลองใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง ผมชอบที่น้ำหนักซึ่งเบามาก ใส่แล้วไม่รู้สึกเป็นภาระกับหูแต่อย่างใด หลังจากเลือกขนาดจุกยางได้ตรงกับขนาดของรูหูแล้ว เมื่อทำงานผสานกับระบบล็อคที่ให้มา ก็สามารถล็อคตัวหูฟังไว้กับหูของผมได้อย่างแนบแน่น เคลื่อนไหวเร็วๆ ก็ไม่เคยหลุดเลย ตรงนี้คือดีจริง..

ส่วนการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟทผ่านแอพฯ Sony Headphone Connect ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดเด่นของหูฟังตัวนี้ที่อำนวยความสะดวกได้มาก ควบคุมการใช้งานก็ง่ายมาก

แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจและประทับใจมากที่สุดคือเรื่องเสียงครับ.. เป็นความกังวลใจของผมมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วเมื่อเห็นขนาดตัวบอดี้ของหูฟังรุ่นนี้แล้ว ผมยอมรับว่าอดคิดไม่ได้ว่าเสียงมันน่าจะออกมาแหลมๆ เล็กๆ ตามขนาดของตัวหูฟังที่เล็กจิ๋วแบบนั้น แต่เอาเข้าจริง เสียงมันใหญ่กว่าตัวมันมาก ที่ประทับใจมากๆ คือมันให้ความถี่ต่ำออกมาได้เยอะกว่าที่คาด ฟังแล้วมีสมดุลดี มีความเป็นดนตรีมากกว่าที่คาด

หลังจากได้ฟัง WF-1000X ตัวนี้แล้ว ผมต้องขอแสดงความยินดีกับ Sony ที่สอบผ่านด่าน wireless in-ear headphone ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกนี้! /

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า