[1]
‘.. พวกเราทั้งสามจับมือเดินไปพร้อมกันสู่ท้องถนน เดินเคียงข้างลงไปบนถนนพุชกิน ผู้คนมากมายเบิกบานร่าเริงบนถนนสายนี้
ขอบคุณดวงดาวแห่งโชค พวกเราทั้งสามจะเคียงข้างร่วมเดินไปด้วยกัน มุ่งไปสู่ชายฝั่งทะเลดำของพวกเรา
สิ่งแรกที่ต้องทำ เราต้องสร้างจุดยืนขึ้นมา อย่างที่สอง พวกเราจะไม่ต่อสู้ในสิ่งที่พวกเราไม่เห็นด้วย และท้ายที่สุดพวกเราจะอยู่เต็มท้องถนน
ดีที่ทะเลดำมีอากาศสดชื่นเหมือนสวรรค์อันไม่มีที่ใดเสมอได้ ถ้าคุณใส่ใจ คุณก็จะมีภูมิปัญญาที่ไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด…’
เป็นเนื้อร้องที่แปลถอดความในบทเพลงที่ 3 ‘March To The Black Sea’ ซึ่งอยู่ในอัลบั้มชุด ‘Small Orchestra Of Hope’ ของวงดนตรีที่ชื่อ เมจิคอล ไครเมีย (Magical Crimea)
แปลแบบตรงตัวได้ว่า เดินขบวนสู่ทะเลดำ เป็นบทเพลงที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกที่สดชื่นแฝงอุดมการณ์อยู่จางๆ ดนตรีการล้อไล่ด้วยการกรีดสายกีตาร์ที่สดชื่นมีกลิ่นแบบยิปซีแจ๊ซกับเครื่องเป่าทองเหลืองอันร่าเริง ผนวกกับเสียงร้องหนาทุ้มของผู้ชายคลอเคล้าการประสานเสียงที่ไล่หลังของผู้หญิง กลองคุมจังหวะได้หนักแน่นกระชับอารมณ์คึกคักให้เพิ่มทวี
เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2018 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย มาทำพิธีเปิดสะพานความยาว 19 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (117,661 ล้านบาท) เชื่อมต่อภูมิภาคกราสโนดาร์ ทางภาคใต้ของรัสเซีย กับเมืองเคิร์ชของคาบสมุทรไครเมีย ที่กั้นแยกทะเลดำกับทะเลอาซอฟ จะกลายเป็นสะพานที่มีความยาวมากที่สุดของทวีปยุโรป แทนสะพานวาสโก ดา กามา ในกรุงลิสบอน โปรตุเกส

ในวงกลมคือจุดที่สร้างสะพานเชื่อม (ขอบคุณภาพแผนที่จาก Nations Online Project)
สะพานแห่งใหม่เป็นโครงการเชิงสัญลักษณ์ของปูติน ที่ต้องการแสดงให้เห็นว่า คาบสมุทรไครเมียเข้าร่วมเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างถาวร ก่อนหน้านี้การคมนาคมเชื่อมต่อไปสู่ไครเมียย่ำแย่ลง หลังจากรถไฟข้ามไปแผ่นดินใหญ่ยูเครนถูกยกเลิก และกองทัพของทั้ง 2 ประเทศต่างตั้งด่านตามจุดข้ามเข้าสู่ไครเมีย
กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ออกแถลงการณ์จากสำนักงานใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของรัสเซียถือเป็นการโจมตีครั้งใหม่ ต่อเอกภาพแห่งดินแดนของยูเครน “.. สหพันธรัฐรัสเซียก่อสร้างสะพานเคิร์ชไปสู่คาบสมุทรไครเมีย โดยไม่ได้รับความยินยอมจากยูเครน นี่เท่ากับรัสเซียละเมิดอำนาจอธิปไตยและความเป็นเอกภาพแห่งดินแดนของยูเครนอีกครั้ง..“
[2]
คาบสมุทรไครเมีย เคยเป็นสถานที่มหัศจรรย์ เป็นสถานที่สวยงามในทะเลดำ (Black Sea) มีสังคมวัฒนธรรมที่พิเศษซับซ้อนและหลากหลายในแบบของตัวเอง
ในโลกดนตรีร่วมสมัย มีวง “เมจิคอล ไครเมีย” (Magical Crimea) เป็นทูตทางดนตรีที่จะนำความเป็นไครเมียออกไปเผยแพร่ให้กับโลกใบนี้

จากวงดนตรีที่มีมากมายในไครเมีย พวกเขาถูกคัดเลือกจากอัลบั้มอย่างทางการที่ออกมาในปี 2009 (พ.ศ. 2552) ที่มีชื่อว่า ‘Small Orchestra of Hope’ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นและทักษะความชำนาญในการเขียนเพลงและเล่นดนตรี
ไครเมียบนแผนที่โลก น่าจะเป็นเศษเสี้ยวชิ้นเล็กนิดเดียวที่อยู่ในความสนใจของผู้คน

ในแง่ประวัติศาสตร์ ไครเมียถูกจดจำในภาพของสงครามไครเมีย ปี 1853-1856 เพราะเป็นสงครามใหญ่ครั้งแรก ระหว่างประเทศมหาอำนาจยุโรป หลังสมัยสงครามนโปเลียนที่ว่างเว้นมาถึง 40 ปี เป็นสงครามที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับจักรวรรดิออตโตมันหรือตุรกี ซึ่งมีประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศสเป็นพันธมิตร เพื่อต่อต้านการขยายอำนาจของรัสเซีย
สงครามครั้งนี้ ยุทธการที่ “บาลาคลาวา” (Battle of Balaklava) ทำให้ทหารอังกฤษเสียชีวิตไป 3 ใน 4 ที่มีอยู่ เป็นแรงบันดาลใจของ “ลอร์ดอัลเฟรด เทนนิสัน” (Lord Alfred Tennyson) แต่งกวีนิพนธ์ชื่อ “The Charge of the Light Brigade” สดุดียุทธการที่บาลาคลาวาเป็นที่รู้จักกันต่อมาในยุทธการสงครามสมัยใหม่
ปัจจุบัน คาบสมุทรไครเมีย (Crimean Peninsula) หรือสาธารณรัฐปกครองตัวเองไครเมีย (Autonomous Republic of Crimea) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของยูเครน และอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย อยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสหพันธรัฐรัสเซียกับสาธารณรัฐไครเมีย (Republic of Crimea) ว่าด้วยการผนวกสาธารณรัฐไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย ทั้งที่เพิ่งสถาปนาเป็นสาธารณรัฐเนื่องจากชนะประชามติในการแยกตัวจากยูเครนเมื่อเดือนมีนาคม 2010
[3]
ดนตรีของ เมจิกคอล ไครเมีย ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เวิร์ลด์ มิวสิค ที่พยายามสร้างความเป็นสากลให้กลืนกลายไปกับดนตรีพ๊อพ โดยพยายามบัญญัติศัพท์ในแนวดนตรีของพวกเขาว่า ‘โฟล์คแอนด์โรล’ เพื่อให้พ้องกับร๊อคแอนด์โรล รวมถึงแสดงถึงเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของดนตรีจากคาบสมุทรบอลข่านที่เรียกกันว่า ‘บอลข่าน บีต’
นอกจากในไครเมียแล้ว แฟนเพลงของพวกเขามีติดตามเหนียวแน่นในแคนาดา และแถบชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา
วงเมจิคอล ไครเมีย บอกว่า ดนตรีของพวกเขาทำให้ผู้คนได้เต้นรำ ร้องเพลงเคล้าคลอไปกับบทเพลงและการแสดง และให้ผู้คนส่วนใหญ่มีอารมณ์ความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิม
จากสมาชิกที่มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันในการสร้างสรรค์งานเพลง เดินทางไปด้วยกัน 8 คน อย่างกับคณะละครสัตว์เพื่อแสดงดนตรีในแบบของเขาที่เปี่ยมด้วยพลังจากดนตรีแห่งบอลข่าน
สตาฟ อู–แด๊ก (Stav Au-Dag) ร้องนำและเล่นอะคูสติกกีตาร์ เป็นตัวยืนในการเขียนเพลงและนำบทเพลงโซเวียตเก่าๆ มาขับร้อง พร้อมมวลสมาชิกที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละชิ้นดนตรี ไม่ว่าจะเป็น คลาริเน็ต, แอคคอร์เดียน, ไวโอลิน, ทรัมเป็ต, แมนโดลิน, ริธึ่ม กีตาร์, กีตาร์ลีด และดับเบิลเบส
พวกเขาเล่นดนตรีกันด้วยจังหวะที่รวดเร็วบันเทิงสนานสนุก เปรียบได้กับดนตรีเต้นรำแจ่มจรัสในแบบพื้นบ้านของยุโรปตะวันออก ซึ่งส่งอิทธิพลโดยตรงมาสู่ดนตรีของเมจิคอล ไครเมีย แสดงให้เห็นถึงรากเหง้าของวันเวลาที่ผันเปลี่ยนไป โดยยังมีกลิ่นดนตรีในระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ที่อิทธิพลทางดนตรีจากภายนอกจากโลกดนตรีร่วมสมัยตะวันตกเข้าไปเจือปนได้น้อยมาก แม้จะเข้าสู่โหมดของโลกทุนนิยมแล้วก็ตาม
10 บทเพลงในอัลบั้ม ‘Small Orchestra of Hope’ แสดงให้เห็นเห็นมุมมองด้านบวก จิตใจที่ร่าเริงสุขสันต์ และความภูมิใจในมาตุภูมิ ซึ่งเป็นจริตของศิลปะเพื่อชีวิตเพื่อประชาชนและแรงปรารถนาของชนชั้นกรรมาชีพอยู่ในที
ว่าไปแล้ว ปัญหาคาบสมุทรไครเมียได้ถูกกวาดซ่อนไว้ใต้พรมมาตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น ในปี 1954 (พ.ศ. 2497) รัสเซียผนวกดินแดนคาบสมุทรไครเมียจากยูเครนในเดือนมีนาคม 2557 ท่ามกลางเสียงประณามจากรัฐบาลเคียฟและกลุ่มชาติตะวันตก ซึ่งกล่าวว่าเป็นการยึดดินแดนโดยผิดกฎหมาย และตะวันตกประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เพื่อเป็นการลงโทษในกรณีนี้
หลังการผนวกไครเมีย รัสเซียจะได้จัดให้มีการลงประชามติ ซึ่งผลปรากฏว่าชาวไครเมียสมัครใจเลือกเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียกันอย่างล้นหลามถึงร้อยละ 97
เขตปกครองตนเองไครเมีย ลงนามเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการ หลังชาวไครเมียกำหนดชะตากรรมของตนเอง ด้วยการลงประชามติขอแยกตัวออกจากยูเครนไปรวมกับรัสเซีย อย่างไรก็ตาม วิกฤตไครเมียยังไม่จบ เนื่องจากชาติตะวันตกเริ่มใช้มาตรการควํ่าบาตรรัสเซีย
ความชอบธรรมที่รัสเซียยกมาอ้างในการยึดครองดินแดนคาบสมุทรไครเมียแห่งนี้ ประกอบด้วย
+ การผนวกแหลมไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เป็นการลบประวัติศาสตร์ที่ผิดพลาดของรัสเซีย หลังดินแดนดังกล่าวตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของยูเครนตั้งแต่ปี 2497 เมื่อ นิกิต้า ครุสชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตสมัยนั้นยกแหลมไครเมียให้เป็นของขวัญแด่สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน เนื่องในโอกาสครบรอบ 300 ปี ที่ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และชาวตาตาร์ในไครเมียได้เสียสละชีวิตอย่างกล้าหาญในสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะเดียวกัน ยูเครนยังเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ผลิตกระเเสไฟฟ้าเพื่อหล่อเลี้ยงสหภาพโซเวียตด้วย
+ ไครเมียต้องการเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เนื่องจากร้อยละ 97 ของชาวไครเมีย ลงมติสนับสนุนการแยกตัวออกจากยูเครน เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ส่วนรัสเซียอ้างความชอบธรรมในการส่งทหารเข้าไปในไครเมียเพื่อปกป้องคุ้มครองชาวรัสเซีย ให้พ้นจากอันตรายของกลุ่มฟาสซิสต์ยูเครน ขณะที่ ความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของรัสเซีย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ชาวไครเมียต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียด้วย
+ รัสเซียไม่ต้องการครอบครองยูเครนไปมากกว่านี้ แม้ว่ารัสเซียจะเคลื่อนกำลังและยุทโธปกรณ์ประชิดชายแดนยูเครนแล้ว ต้องการเพียงเข้าไปคุ้มครองชาวรัสเซียในยูเครน และเอาแหลมไครเมียคืนจากยูเครนเท่านั้น แท้จริงแล้วชาวไครเมียก็ยินยอมพร้อมใจไปอยู่กับรัสเซียด้วยเช่นกัน
+ การควํ่าบาตรรัสเซียไม่ส่งผลกระทบต่อรัสเซียมากนัก หลังสหรัฐฯ และอียูลำดับรายชื่อชาวรัสเซียที่ถูกอายัดทรัพย์สินและระงับวีซ่า ในทางตรงกันข้าม อียูมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย โดยหลังการผนวกรวมไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการเเล้ว สหภาพยุโรปทำได้เพียงประณามการกระทำของรัสเซียเท่านั้น
ปัจจุบันคาบสมุทรไครเมีย เป็นดินแดนที่รัสเซียถูกนานาชาติประณามว่าใช้กำลังทหารเข้าผนวกเอาเป็นของตน ทางการยูเครนเรียกไครเมียว่า “ดินแดนไครเมียที่ถูกยึดครองชั่วคราว” และไม่เรียกพื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนว่า “พรมแดน” แต่เรียกว่า “จุดควบคุมการเข้าออก” แสดงถึงการยืนยันความเป็นเจ้าของคาบสมุทรไครเมียอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
แม้ว่าคาบสมุทรไครเมียจะตกอยู่ใต้อาณัติของประเทศใดก็ตาม แต่เสียงเพลงจากเมจิคอล ไครเมีย ยังบรรเลงต่อไป /
***************
พอล เฮง
paulheng_2000@yahoo.com



