งานชุดนี้เป็นงานเก่าซึ่งแต่เดิมเป็นของต้นสังกัด Proprius ของสวีเดน อัลบั้มชุดนี้ก็เป็นหนึ่งในอัลบั้มยอดฮิตของวงการเครื่องเสียงมาก่อน แม้ว่าบทเพลงจะค่อนข้างฟังยากสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีอารมณ์ลุ่มลึกนัก แต่ทุกคนที่ได้ยินได้ฟังน้ำเสียงของอัลบั้มชุดนี้แล้วเป็นต้องสะดุดหูกับความโดดเด่นทางคุณภาพเสียงที่ได้สัมผัสเสมอ
อัลบั้มชุดนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของประโยคที่ว่า “เพลงที่บันทึกเสียงได้ดีนั้นมักจะทำให้เราก้าวหลุดเข้าไปถึงก้นบึ้งของอารมณ์เพลงได้ง่ายกว่าเพลงที่บันทึกเสียงห่วยๆ เสมอ แม้ว่าบางครั้ง เพลงนั้นจะไม่ใช่แนวที่เราชื่นชอบก็ตาม..”
ใช่แล้วครับ…ผมกำลังแอบบอกคุณทางอ้อมว่าซีดีแผ่นนี้เสียงดีเหลือเกิน..! สวีเดนเป็นประเทศที่มีเพลงร้องสรรเสริญพระเจ้าให้ฟังมากที่สุดประเทศหนึ่ง ถ้าคุณชอบฟังเพลงร้องประสานเสียงจำพวกเพลงสวดที่บันทึกกันสดๆ ในโบสถ์คริสต์ คุณจะไม่ผิดหวังถ้าได้ฟังอัลบั้มชุด Cantate Domino (Proprius PRCD 7762 *แผ่นทอง 18 เค) ของสังกัดนี้ และดูเหมือนว่าอัลบั้มดังๆ ทั้งหลายรวมถึงอัลบั้มชุด Now The Greenrius Blade Riseth (Prop PRCD 9093) มักจะยึดเอาโบสถ์เป็นห้องบันทึกเสียงกันทั้งนั้น พวกเขาเชื่อว่าไม่มีห้องบันทึกเสียงแห่งไหน ที่สามารถจำลองสภาพแวดล้อมทางเสียงที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่รโหฐานได้ดีเท่าโบสถ์แน่ๆ ดังนั้นแนวเสียงที่ได้ยินจากแผ่นซีดีเหล่านี้จึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างไปจากแผ่นอื่นๆ ที่บันทึกกันในสตูดิโอทั่วๆ ไป
ใครไม่รู้จักคำว่า “แอมเบี้ยนซ์”
ก็ลองซื้ออัลบั้มพวกนี้ไปลองฟังได้เลย!
งานชุดที่กำลังกล่าวถึงนี้เป็นงานเพลงที่ค่อนข้างแปลกประหลาดกว่าปกติอยู่สักหน่อย ถ้าจะพูดถึงลักษณะแนวทางของเพลงก็น่าจะจัดอยู่ในหมวดหมู่ของเพลงสแตนดาร์ด–แจ๊ส ที่ใช้เครื่องดนตรีแค่ 2 ชิ้นสิ่งที่ทำให้อัลบั้มชุดนี้มีความพิเศษแตกต่างออกไปจากงานสแตนดาร์ด–แจ๊สอื่นๆ ก็คือ “บรรยากาศของเพลง” นั่นเอง
บรรยากาศที่ว่านั้นเกิดจากการที่เขาพากันเข้าไปอัดเสียงในโบสถ์ที่ชื่อ Spanga Church ในสวีเดน คุณอาจจะคิดว่าเขาคงต้องการบรรยากาศเสียงในโบสถ์มาช่วยสร้างอารมณ์ให้กับงานเพลงของเขาละมั้ง..? ผิดถนัดเลยครับ ที่เขาต้องเข้าไปอัดเสียงกันในโบสถ์ก็เพราะว่าเครื่องดนตรีที่จะเล่นคู่กับแซ็กโซโฟนอีกชิ้นหนึ่งมันอยู่ในโบสถ์นั่นเอง หลายคนอาจจะงงว่าแล้วทำไมไม่ยกออกไปอัดกันในสตูดิโอหรือในแจ๊สผับเหมือนอัลบั้มชุด Jazz At The Pawnshop ล่ะ.. มันยกไปไม่ได้ครับเพราะเครื่องดนตรีที่ว่านั้นมันคือ “ออร์แกนท่อ” ครับ..!
ใช่แล้วครับ.. เขาต้องการอัดเสียงเพลงแจ๊สที่เล่นบรรเลงร่วมกันระหว่างแซ็กโซโฟกับออร์แกนท่อนั่นเอง เป็นแนวคิดที่ค่อนข้างประหลาดในตอนแรก แต่ผลลัพธ์ออกมาแล้วยอมรับว่าน่าทึ่งจริงๆ ลองนึกภาพดูเถอะว่าเจ้าแซ็กโซโฟอันจ้อย หาญกล้าไปเทียบชั้นกับเครื่องดนตรีของพระเจ้าอย่างออร์แกนท่อแล้วอะไรจะเกิดขึ้น น้ำเสียงที่ได้ออกมานั้นให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลกประหลาด เนื่องจากสภาพการก้องกำธรภายในโบสถ์แห่งนั้น ทำให้เสียงแซ็กโซโฟมีขนาดตัวเสียงที่พองใหญ่กว่าปกติอย่างมาก ให้ความรู้สึกที่หม่นหมอง ซึมเซา และลึกซึ้ง แต่แฝงไว้ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการ เสียงแซ็กฯ ที่แผดจ้าขึ้นตอบโต้กับเสียงครางกระหึ่มของออร์แกนท่อนั้นกระจายส่งปลายเสียงให้กังวานแผ่ออกไปเป็นระลอกๆ เสียงโน๊ตต่ำของออร์แกนท่อก็กระเพื่อมส่งความถี่ต่ำให้ไต่ไหลมาตามพื้นห้องเป็นระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่อง ถ้าคุณใช้ลำโพงตั้งพื้นที่ให้เสียงทุ้มเยี่ยมๆ จะได้อารมณ์มาก แม้เพลงส่วนใหญ่จะอ้อยสร้อยแต่ทรงพลัง
งานชุดนี้บันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อปี 1976 โน่นแน่ะ ต้นสังกัด Proprius ของสวีเดนปั้มแผ่นออกมาขายไปหลายรอบแล้ว ทั้งในรูปของแผ่นเสียงและแผ่นซีดี แผ่นนี้นับเป็นการรีมาสเตอร์ครั้งล่าสุดของอัลบั้มชุดนี้ด้วยกรรมวิธีใหม่ล่าสุด 24 บิท + 88.2 กิโลเฮิร์ต ของสังกัด First Impression Music และเช่นเดียวกัน ตอนถ่ายข้อมูลลงมาสเตอร์ตัดแผ่นกระทำโดยผ่านระบบ HDCD ด้วย หน้าปกก็ใช้ปกเดิม แต่แตกต่างกันในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เวอร์ชั่นเดิมของ Proprius จะมีอยู่แค่ 10 เพลง แต่ในแผ่นใหม่นี้แถมเข้ามาอีก 5 เพลง จากงานในยุคหลังของศิลปินคนเดียวกัน
เช่นกันครับ เสียงจะดีขึ้นอีกพอสมควรทีเดียวถ้าเล่นผ่านซีดีที่มีดีโคดเดอร์ HDCD ด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ จะชัดเจนขึ้น ปลายเสียงสูงจะละมุนละไมมากขึ้นไปอีก ที่รู้สึกได้ชัดก็คือบรรยากาศจะเปิดโล่งมากขึ้น
แนะนำเป็นอันขาดสำหรับนักเล่นเครื่องเสียงทุกท่านที่ชอบเสียงแบบไฮเอ็นด์ และนักฟังเพลงที่ชอบหรืออยากได้เพลงที่ให้อารมณ์ลุ่มลึกที่แตกต่างไปจากเพลงตลาดทั่วๆ ไป /
