รีวิว KEF รุ่น R3 Meta ลำโพง 3 ทางวางบนขาตั้ง

ผมเพิ่งทดสอบลำโพง KEF รุ่น Reference 1 Meta ไปเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2523 ที่ผ่านมานี้เอง (REVIEW) วันนี้มีโอกาสได้ทำการทดสอบรุ่น R3 Meta ซึ่งเป็นลำโพงสามทางวางขาตั้งที่มีรูปทรงคล้ายกับรุ่น Reference 1 Meta ที่ผมทดสอบไป ทว่า ราคาต่ำกว่า Reference 1 Meta มาก แค่ประมาณ 1 ใน 5 ของ Reference 1 Meta เท่านั้นเอง!)

KEF R Series เริ่มต้นเจนเนอเรชั่นแรกมาตั้งแต่ ปี 2011 ถูกตั้งเป้าหมายให้เป็นซีรี่ย์รองที่คอยรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก Reference Series มาใช้จึงทำให้ R3 Meta สามารถตั้งราคาให้ต่ำลงมาจากรุ่น Reference 1 Meta ได้มาก เพราะต้นทุน R&D ไปตกอยู่กับซีรี่ย์ Reference นั่นเอง

R3 Meta ทรงสวย.. กำลังดี.!!

R3 Meta มาในพิกัดของลำโพงวางขาตั้งที่มีขนาดตัวตู้อยู่ในระดับปานกลาง ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก คู่ที่ผมได้รับมาทดสอบครั้งนี้เป็นสีฟ้า indigo blue สวยมาก.! สัดส่วนของตู้มาในทรงหน้าแคบ ในขณะที่ความกว้างกับความสูงใกล้เคียงกัน ตัวตู้ทำด้วยไม้ MDF ที่มีการดามโครงภายในเพื่อลดปัญหาเรโซแนนซ์ของผนังตู้ไม่ให้เกิดขึ้นไปรบกวนการทำงานของไดเวอร์ด้วย

R3 Meta เป็นลำโพงตู้เปิดที่เจาะท่อระบายอากาศไว้ที่แผงหลังของตัวตู้ ซึ่งสังเกตว่ารุ่น R3 Meta กับรุ่น Reference 1 Meta วางตำแหน่งของท่อระบายอากาศไว้ต่างกัน ของรุ่น R3 Meta จะวางท่อระบายอากาศไว้ในตำแหน่งที่เฉียงออกทางด้านข้างเล็กน้อย (เฉียงออกไปทางขวา ถ้าหันหน้ามองเข้าไปที่ด้านหลังของตัวลำโพง) ในขณะที่รุ่น Reference 1 Meta วางท่อระบายอากาศไว้ในแนวกึ่งกลางของแผงหลัง

ขั้วต่อสายลำโพง ว้าว..!

มองเผินๆ แอบร้อง เอ๊ะ.. ลำโพงคู่นี้ให้ขั้วต่อสายลำโพงแยกมา 3 ชุดเลยเหรอ.? แต่พอเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ อ้อ.. ไม่ใช่.! จริงๆ แล้วเขาให้ขั้วต่อสายลำโพงมาแค่ 2 ชุด แยกชุดบนสำหรับไดเวอร์ Uni-Q กับชุดล่างสำหรับขับวูฟเฟอร์ ส่วนไอ้ปุ่มสองปุ่มที่อยู่ตรงกลางระหว่างขั้วต่อทั้งสองชุดนั้นเป็นปุ่มหมุนปรับกลไกสำหรับใช้ในการโยงระหว่างขั้วต่อสายลำโพงทั้งสองชุดให้เชื่อมกันหรือแยกกัน ซึ่งถ้าจะเรียกให้เท่ๆ จะเรียกว่า ระบบจั๊มเปอร์แบบไฮโซฯก็พอได้ คือถ้าเป็นลำโพงที่แยกขั้วต่อสองชุดแบบทั่วไป เขาจะให้จั๊มเปอร์ที่เป็นแท่งโลหะชุบทองมาให้เสียบโยงระหว่างขั้วต่อทั้งสองชุด แต่วิศวกรของ KEF เขามีหัวครีเอทีฟ เลยคิดทำจั๊มเปอร์ไฮโซแบบนี้ออกมา แน่ๆ ว่ามีข้อดีอย่างหนึ่ง คือไม่ต้องกลัวจั๊มเปอร์หายตลอดกาล.!

เวลาใช้งานก็ไม่ยาก.. ถ้าต้องการเชื่อมโยงขั้วต่อสายลำโพงทั้งสองชุดเข้าด้วยกัน กรณีที่คุณใช้สายลำโพงแบบซิงเกิ้ลไวร์ฯ ก็ให้หมุนปุ่มทั้งสองปุ่มนี้ไปตามทิศทางที่ลูกศรกำกับไว้ ให้หมุนพอตึงมือ และถ้าคุณใช้สายลำโพงแบบไบไวร์ฯ ก็ให้หมุนปุ่มทั้งสองปุ่มนี้ไปด้านตรงข้ามจนรู้สึกว่าหลวมมือ ซึ่งขั้วต่อทั้งสองจะไม่เชื่อมถึงกัน

ไฮไล้ท์อยู่ที่ ไดเวอร์” …!!!

R3 Meta เป็นลำโพง 3 ทาง คือใช้ไดเวอร์จำนวน 3 ตัว ช่วยกันสร้างความถี่เสียงตั้งแต่ 58Hz – 28kHz โดยที่ไดเวอร์แต่ละตัวจะรับผิดชอบในการสร้างความถี่เสียงออกมา ภายใต้ขอบเขตที่ไดเวอร์แต่ละตัวถูกกำหนดไว้โดยวงจรเน็ทเวิร์คที่อยู่ภายในตัวตู้ ซึ่งจุดตัดแบ่งความถี่ที่วงจรเน็ทเวิร์คของลำโพงคู่นี้กำหนดไว้มีอยู่ 2 จุด คือ 420Hz กับ 2.3kHz

นั่นก็หมายความว่า ความถี่เสียงตั้งแต่ 420Hz ลงไปจนถึง 58Hz เป็นภาระหน้าที่ของวูฟเฟอร์ขนาด 6.5 นิ้ว ในขณะที่ความถี่ระหว่าง 420Hz ขึ้นไปถึง 2300Hz เป็นหน้าที่ของตัวมิดเร้นจ์ขนาด 5 นิ้ว ในขณะที่ความถี่ตั้งแต่ 2300Hz ขึ้นไปจนถึง 28000Hz ไปตกอยู่ในภาระหน้าที่ของทวีตเตอร์ขนาด 1 นิ้ว ที่ฝังอยู่ตรงใจกลางของไดเวอร์มิดเร้นจ์ในการสร้างขึ้นมา

Uni-Q คือพระเอก.!

การเอาทวีตเตอร์ไปติดตั้งไว้ตรงใจกลางของมิดเร้นจ์เพื่อให้มิดเร้นจ์และทวีตเตอร์ทำงานร่วมกันในลักษณะที่เรียกว่า ‘single point sourceแบบนี้ เป็นเทคนิคของการจัดการเรื่อง phase ของความถี่ย่านกลางขึ้นไปถึงแหลมให้เดินทางจากตัวลำโพงออกไปในลักษณะที่ in-phase ซึ่งกันและกันตลอดเวลา ซึ่งเป็นเทคนิคที่คิดค้นและถูกใช้เป็น ศูนย์กลางในการออกแบบลำโพงของ KEF มาตั้งแต่ยุคแรกๆ จนเป็นที่มาของไดเวอร์กลางแหลมที่มีชื่อเรียกว่า Uni-Q นี่เอง

ภาพบนคือลักษณะโครงสร้างของไดเวอร์ Uni-Q ที่ผ่านการพัฒนาปรับรุงมาจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 12 ในปัจจุบัน ซึ่งลำโพง KEF ในซีรี่ย์ R ทุกรุ่นจะใช้ไดเวอร์ Uni-Q เวอร์ชั่นนี้

ภาพตัดขวางภาพบนนั้นแสดงให้เห็นถึงลักษณะการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ที่มีมาก เกิน 20 ชั้น ลงไปเป็นไดเวอร์ Uni-Q ซึ่งไฮไล้ท์สำคัญอย่างหนึ่งของเจนเนอเรชั่นที่ 12 ก็คือมีการใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า MAT (Metamaterial Absorption Technology) เข้ามาแก้ปัญหาเรโซแนนซ์ที่เกิดขึ้นจากคลื่นเสียงที่แผ่ออกทางด้านหลังของโดมทวีตเตอร์ด้วยการสลายพลังงานของคลื่นเสียงที่ว่านั้นลงไปได้มากถึง 99% นับว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่ง ดูลักษณะของวัสดุแล้วไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีผลมาก แต่หลังจากได้ฟังเสียงเทียบกับไดเวอร์ Uni-Q ยุคก่อนๆ ที่ยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยี MAT ตัวนี้แล้วต้องยอมรับในผลทางเสียงของมันจริงๆ .!

วูฟเฟอร์เพื่อความสมบูรณ์ของสเปคตรัม

เพื่อไม่ให้ไดเวอร์มิดเร้นจ์ต้องรับภาระในการสร้างความถี่เสียงที่เกินความสามารถ จึงเป็นที่มาของวูฟเฟอร์ไดนามิกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่ใต้ไดเวอร์ Uni-Q เพื่อรับภาระในการสร้างความถี่ตั้งแต่ 420Hz ลงไปจนถึง 58Hz ออกมาเสริมกับความถี่ในย่านลางและแหลมที่ไดเวอร์ Uni-Q สร้างขึ้นมา

จุดเด่นของวูฟเฟอร์ตัวนี้อยู่ที่ไดอะแฟรมที่ตีโค้งเข้าด้านใน (inverted dome = ศรชี้) ซึ่งความพิเศษของมันอยู่ที่วัสดุที่ใช้ทำ คือแผ่นไดอะแฟรมที่เห็นนั้นทำด้วยแผ่นวัสดุ 2 ชนิดที่ถูกทำให้ผนึกติดกันเป็นสองชั้น โดยที่ชั้นบนที่มองเห็นจากภายนอกเป็นแผ่นอะลูมิเนียมที่บางมากๆ แปะทับอยู่บนแผ่นกระดาษที่ขึ้นรูปเป็นโดมโค้งอย่างที่เห็น ซึ่งการเอาอะลูมิเนียมบางๆ ไปซ้อนทับลงบนกรวยกระดาษก็เพื่อสร้างฮาร์มอนิกของอิมแพ็คหัวเสียงให้มีบุคลิกไปทางเดียวกับไดเวอร์มิดเร้นจ์กับทวีตเตอร์นั่นเอง กับอีกวัตถุประสงค์ก็คือต้องการอาศัยความแกร่งของอะลูมิเนียมเข้ามาเสริมไปกับกรวยกระดาษเพื่อป้องกันอาการ break-up ของไดอะแฟรมเวลาเปิดดังๆ หรือเจอเสียงทุ้มหนักๆ นั่นเอง

ตัววูฟเฟอร์ + ปริมาตรอากาศในตัวตู้ + ท่อระบายอากาศที่แผงด้านหลังของตัวตู้ ทั้งสามส่วนนี้จะร่วมมือกันทำให้ คลื่นความถี่ต่ำที่เกิดขึ้นจากการขยับตัวของไดอะแฟรมของวูฟเฟอร์มีลักษณะของการ คลายตัวที่ราบเรียบ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบท่อระบายอากาศด้วยเทคนิคพิเศษที่พวกเขาใช้ชื่อเรียกว่า ‘Flexible Port Technologyด้วยการออกแบบวัสดุที่ทำให้ท่อมีลักษณะรูปทรงที่ค่อยๆ ผายออกจากด้านในที่รูระบายเล็กกว่าส่วนที่เป็นปากท่อด้านนอก ทำให้ไม่เกิดเสียงลมที่อัดกันอยู่ตรงปากท่อ ปลายเสียงทุ้มของลำโพงคู่นี้จึงมีลักษณะที่ลาดลงอย่างนุ่มนวล ไม่ฟุ้งกระจาย ไม่ห้วน และไม่มีเสียงรบกวน ซึ่งระบบท่อระบายอากาศนี้สามารถเพิ่มขยายความถี่ที่ต่ำกว่า 58Hz ที่วูฟเฟอร์สร้างออกมาให้ลาดลงไปได้จนถึง 30Hz ด้วยอัตราลาดลงของความดังเท่ากับ -6dB

แนวทางแม็ทชิ่ง

ตัวเลข ความไว” (Sensitivity = แถบสีเขียว) กับตัวเลข ความต้านทานปกติ” (Nominal Impedance = แถบสีฟ้า) ของลำโพงคู่นี้บอกให้เรารู้ว่า R3 Meta คู่นี้เป็นลำโพงที่ต้องการ พลังจากแอมปลิฟายมากหน่อยในการขับดันให้ได้เสียงออกมาเต็มที่ตามที่มันถูกออกแบบมา

ส่วนตัวเลขกำลังขับของแอมป์ที่ผู้ผลิตลำโพงคู่นี้บอกเป็นนัยๆ ให้เรารู้ว่าลำโพงคู่นี้ต้องการมากน้อยแค่ไหนนั้น เขาเกริ่นมาเป็นช่วงคือตั้งแต่ 15 – 180W (Amplifier Requirements = แถบสีแดง) เวลาหาแอมป์มาแม็ทฯ กับลำโพงคู่นี้ ถ้าพื้นที่ใช้ฟังมีขนาดใหญ่ และคุณต้องการให้ได้เสียงที่สวิงไดนามิกเร้นจ์ออกมาได้เต็มสเกลจริงๆ แนะนำให้ดูสเปคฯ ของแอมป์ที่ระบุกำลังขับอยู่ระหว่าง 135 – 180W เมื่ออ้างอิงกับโหลด 4 โอห์ม ไว้ก่อน ซึ่งถ้าเป็นแอมป์ระดับมิดเอ็นด์ส่วนใหญ่จะระบุกำลังขับที่อ้างอิงกับโหลด 8 โอห์ม และไม่ค่อยระบุกำลังขับที่อ้างอิงกับโหลด 4 โอห์ม เอาไว้ เพราะถ้าแอมป์ตัวนั้นไม่ได้ออกแบบให้มีกำลังสำรองเต็ม 100% ที่โหลด 8 โอห์ม เมื่อคำนวนกำลังขับลงไปที่โหลด 4 โอห์ม ตัวเลขจะออกมาไม่ค่อยสวย คือเบิ้ลได้ไม่ถึงสองเท่าเหมือนแอมป์ระดับไฮเอ็นด์

ทดลองใช้งานในห้องรับแขก

ช่วงเบิร์นฯ R3 Meta ผมทดลองเอาไปใช้ดูหนัง+ฟังเพลงในห้องรับแขก โดยจับคู่กับรีซีฟเวอร์ของ Marantz รุ่น Cinema 70 ซึ่งให้กำลังขับอยู่ที่ 50W ต่อข้างที่ 8 โอห์ม อาศัยสัญญาณดิจิตัลจากทีวีเข้าที่อินพุต Optical ของ Cinema 70 ปรับตั้งเอ๊าต์พุตของ Cinema 70 ให้ออกมาเป็นระบบเสียง Stereo 2.0 Ch (ไม่มีซับวูฟเฟอร์) และปรับใช้โหมด Bi-amp ดึงสัญญาณเสียงจากแชนเนลเซอร์ราวนด์หลังมาใช้ร่วมกับแชนเนล Front R กับ Front L เสียงออกมาดีกว่าเสียงของทีวีมากมาย ความถี่มีออกมาครบทั้งทุ้มกลางแหลมในปริมาณที่มากพอสำหรับพื้นที่ประมาณเกือบยี่สิบตารางเมตร เสียงอิ่มมีมวล

และที่น่าแปลกก็คือตอนดูหนังซีรี่ย์ ‘One Pieceจาก Netflix มิติเสียงออกมาดีกว่าดูผ่านลำโพงของทีวีหลายเท่า มีการแยกเสียงซ้ายขวาและแสดงการเคลื่อนที่ของเสียงไปมาที่ชัดเจน น่าแปลกใจ ทั้งๆ ที่ปรับตั้งระบบเสียงของ Cinema 70 ไว้ที่ระบบเสียง Stereo 2.0 Ch แท้ๆ ส่วนหนึ่งเข้าใจว่าเป็นเพราะดีไซน์ไดเวอร์ Uni-Q ด้วยส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เฟสของสัญญาณกลางแหลมมีความแม่นยำ มิติเสียงจึงออกมาชัด.!

ช่วงที่ใช้งานในห้องรับแขก ผมได้ทดลองฟังเพลงจากการสตรีมไฟล์เพลงจาก NAS ไปที่ Cinema 70 ด้วย โดยใช้แอพฯ HEOS พบว่า เมื่อจับกับแอมป์ที่มีกำลังขับค่อนข้างน้อย เสียงของ R3 Meta จะติดนุ่มนิดๆ เสียงกลางจะมีปริมาณมากกว่าเสียงแหลม แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นลักษณะเสียงที่น่าฟัง ความเด่นของ เสียงกลางช่วยทำให้จุดอ่อนทางด้านไดนามิกเร้นจ์ที่สวิงได้ไม่สุดไม่ได้สร้างปัญหาให้กับคนที่ชอบฟังเพลงทั่วๆ ไปแต่อย่างใด

เซ็ตอัพสำหรับฟังเพลงในห้องฟัง

ช่วงที่ทดลองเซ็ตอัพตำแหน่งในห้องฟัง ผมเริ่มด้วยการใช้ขาตั้งของ Atacama ที่ผมใช้ประจำ ซึ่งมีความสูงอยู่ที่ 24 นิ้ว ทดลองฟังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ทำการประกอบขาตั้งของ KEF รุ่น S3 ที่ทำสี indigo blue เข้ากันกับสีของตัวตู้ ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของโครงสร้างทำด้วยอะลูมิเนียมทั้งหมด

ขาตั้งรุ่น R3 คู่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้วาง R3 Meta โดยเฉพาะ แพลทบนของขาตั้งมีรูน็อตและทางผู้ผลิตให้น็อตเกลียวสำหรับขันยึดเข้ากับด้านล่างของตัวตู้ R3 Meta ด้วย

ความสูงของขาตั้งอยู่ที่ 21.4 นิ้ว เมื่อติดตั้งลำโพงเข้ากับขาตั้งตัวนี้แล้ว จะได้ความสูงของตัวทวีตเตอร์เมื่อวัดลงไปถึงพื้นอยู่ที่ 32.5 นิ้ว (82.5 ..) ซึ่งจะต่ำกว่าระดับหูขณะนั่งอยู่บนโซฟามาตรฐานทั่วไปเล็กน้อย แต่เป็นระดับความสูงของไดเวอร์ที่ผู้ผลิตแนะนำ เมื่อผมทดลองฟังเทียบกับตอนวางบนขาตั้ง Atacama ที่มีความสูง 24 นิ้ว ปรากฏว่า วางบนขาตั้งของ KEF คู่นี้ให้เสียงโดยรวมออกมาดีกว่า ที่ชัดเจนมากๆ ก็คือ โทนัลบาลานซ์ที่ แน่นกว่าเพราะได้ย่านความถี่ด้านต่ำเพิ่มขึ้นมามากกว่า มีผลตามมาถึงคุณสมบัติทางด้าน มิติของเสียงที่นิ่งกว่า และได้ มวลของชิ้นดนตรีที่อวบหนากว่าด้วย

ขณะเซ็ตอัพและไฟน์จูนก่อนสรุปฟังเสียง ผมพบว่า การเชื่อมต่อสายลำโพงเข้ากับลำโพง R3 Meta ส่งผลกับเสียงมากพอสมควร เนื่องจาก R3 Meta ให้ขั้วต่อสายลำโพงมาเป็นแบบไบไวร์ฯ หลังจากผมใช้สายลำโพงแบบซิงเกิ้ลไวร์ทดลองเชื่อมต่อกับขั้วต่อทุกรูปแบบ ทั้งต่อเฉพาะคู่บน, ต่อเฉพาะคู่ล่าง และต่อไขว้ทั้งสองด้าน ทดลองฟังดูทุกรูปแบบแล้ว ผมชอบเสียงของการเชื่อมต่อที่ขั้วต่อคู่บนมากที่สุด ใครมีโอกาสได้ใช้ลำโพง KEF R3 Meta คู่นี้และใช้สายลำโพงแบบซิงเกิ้ล แนะนำให้ทดลองสลับการเชื่อมต่อแล้วฟังดู แต่ละแบบเสียงต่างกันชัดเจน..

เสียงของ R3 Meta

ตอนวางบนขาตั้ง Atacama ที่ความสูง 24 นิ้ว ผมพบว่า ระยะลงตัวที่ให้โฟกัสของเสียงที่คมชัดที่สุดอยู่ที่ระยะห่างซ้ายขวา = 170 .. และระยะชิดผนังหลังที่ให้โทนเสียงสมดุลมากที่สุด = 205 .. แต่ตอนเปลี่ยนขาตั้งลำโพงเป็นของ KEF เอง ที่ความสูง 21.4 นิ้ว ต่ำกว่าขาตั้ง Atacama ทำให้ได้สมดุลเสียงที่ต่างออกไปเยอะ หลังเซ็ตอัพระยะแล้วพบว่า ได้ระยะโฟกัสลงตัวใกล้ๆ กับระยะห่างซ้ายขวาที่ 180 ซ.ม. พอดี ส่วนระยะห่างหลังที่ให้โทนัลบาลานซ์ที่ลงตัวก็อยู่ใกล้กับระยะความลึกของห้องหารด้วย 3 คือ 220 .. พอดีๆ

ช่วงท้ายสำหรับการทดสอบฟังเพลงแบบ เอาจริงเอาจังผมยก R3 Meta เข้าห้องฟังแล้วทดลองเซ็ตอัพกับแอมปลิฟายที่มีอยู่ในห้องขณะนั้น เริ่มด้วยอินติเกรตแอมป์ระดับมหาชนของช่วงนี้ นั่นคือ LEAK Stereo 230 ซึ่งเป็นอินติเกรตแอมป์โซลิดสเตทที่ดีไซน์วงจรขยายด้วย Class AB ให้กำลังขับอยู่ที่ 75W ที่ 8 โอห์ม และ 115W ที่ 4 โอห์ม จะเห็นว่าถ้าวัดที่โหลด 4 โอห์ม Stereo 230 จะให้กำลังขับ ต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ R3 Meta แนะนำไว้อยู่ที่ 65W

อัลบั้ม : Ballad With LUV (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Salena Jones
สังกัด : JVC

แต่จากการทดลองฟังพบว่า Stereo 230 ขับ R3 Meta ออกมาได้เต็มห้องแบบสบายๆ เสียงโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ กลางแหลมดีมาก ออกมาน่าฟัง คนที่ชอบเสียงที่มีมวลใหญ่ เนื้อหนา โดยเฉพาะเพลงร้องของนักร้องที่มีโทนเสียงหนาๆ อย่าง Salena Jonesในอัลบั้มชุด Ballad With LUV จะต้องชอบเสียงของ Stereo 230 + R3 Meta คู่นี้อย่างแน่นอน.!

อัลบั้ม : Feels So Good (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Chuck Mangione
สังกัด : A&M

แอมป์ตัวที่สองที่ผมยกมาทดลองแม็ทชิ่งกับ R3 Meta คู่นี้คืออินติเกรตแอมป์ Class AB ของ Audiolab รุ่น 9000A ซึ่งให้กำลังขับอยู่ที่ 100W ที่โหลด 8 โอห์ม และอัพฯ ขึ้นไปได้เป็น 160W ที่โหลด 4 โอห์ม ห่างจากระดับกำลังขับสูงสุดที่ R3 Meta แนะนำไว้แค่เพียง 20W เท่านั้น ในแง่สมรรถนะ ต้องถือว่า 9000A อยู่ในระดับสูงกว่า Stereo 230 อยู่พอสมควร ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาจากการทดลองขับลำโพงคู่เดียวกันคือ R3 Meta จะเห็นได้ชัดว่า 9000A สามารถ ดันเสียงทุกเสียงในเพลงไตเติ้ลแทรค ‘Feels So Goodของ Chuck Mangione ให้ หลุดจากตู้ของ R3 Meta ออกไปลอยอยู่ในอากาศได้อย่างหมดจดมากกว่า และสามารถ ตรึงให้เสียงดนตรีเหล่านั้นแสดงตัวอยู่ในอากาศได้อย่างมั่นคงมากกว่า ไม่มีอาการวูบวาบง่ายๆ แม้ว่าจะเปิดเสียงดังมากๆ ในช่วงที่มีเครื่องดนตรีหลายชิ้นเล่นพร้อมกันก็ตาม สรุปแล้ว 9000A ขับ R3 Meta ออกมาได้น่าพอใจมากขึ้นไปอีกระดับ ใครที่ชอบมิติหลุดตู้ และฟังเพลงดังแบบเน้นไดนามิกสวิงกว้างๆ น่าจะชอบเสียงของ 9000A + R3 Meta คู่นี้

ตบท้ายด้วย McIntosh MAC7200 ที่ให้กำลังขับ 200W ต่อข้างคงที่ ทุกระดับอิมพีแดนซ์ตั้งแต่ 8, 4 และ 2 โอห์ม เพื่อทดลองว่า ลำโพง R3 Meta คู่นี้จะสามารถไปกับแอมป์ที่มีกำลังขับ สูงกว่าตัวเลขกำลังขับสูงสุดที่ R3 Meta แนะนำไว้ได้มั้ย.? หลังจากทดลองฟังมาหลายเพลง ผมก็ได้ข้อสรุปว่า R3 Meta รับมือ MAC7200 ได้สบาย ณ ระดับความดังเต็มห้องแบบเดียวกับตอนขับด้วย 9000A และ Stereo 230 ผมพบว่า MAC7200 + R3 Meta ให้เสียงโดยรวมที่มี ความควบคุมมากกว่า มันถนัดมากกับเพลงที่มีเลเยอร์ดนตรีที่ซับซ้อน ซึ่งมันสามารถคลี่คลายทุกเสียงออกมาจากกันแล้วผลักเสียงเหล่านั้นให้แผ่กระจายออกไปเต็มห้อง รายละเอียดถูกรีดออกมาได้อย่างหมดจด เนื้อเสียงเนียนละเอียด..

อัลบั้ม : Cantate Domino (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Marianne Mellnas, Alf Linder, Oscar’s Motet Choir, Torsten Nilsson
สังกัด : Proprius / AudioNautes Recordings

กำลังขับที่ มากเกินพอของ MAC7200 ทำให้ช่วงสวิงไดนามิกของ R3 Meta เป็นไปได้อย่างมั่นคง ความดังของเพลงที่ไต่ระดับจากเบาขึ้นไปดังถูกดันขึ้นไปอย่างมีลำดับขั้นที่ราบลื่น ไร้รอยต่อ ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลถึงอารมณ์ของเพลงที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนมากเป็นพิเศษ และสิ่งที่น่าประทับใจมากสำหรับการจับคู่ระหว่าง MAC7200 + R3 Meta คู่นี้ก็คือการได้มาซึ่งสิ่งที่เรียกว่า มวลบรรยากาศที่ห่อหุ้มเสียงดนตรีทั้งหลายเอาไว้ ทำให้สามารถเข้าถึงอรรถรสของเพลงที่ฟังยากๆ อย่างเช่นเพลงสวดในโบสถ์ชุด Cantate Domino รวมถึงเพลงคลาสสิกส่วนใหญ่ได้ง่ายขึ้นและลึกซึ้งมากขึ้น..

อัลบั้ม : Carmen-Fantasie (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Anne-Sophie Mutter
สังกัด : Deutsche Grammophon (xrcd)

มีอีกอย่างที่ผมพบจากการใช้ MAC7200 ขับ R3 Meta คือผมรู้สึกได้ถึงลักษณะการบรรเลงของศิลปินที่มีการ เน้นหนักผ่อนเบาในแต่ละโน๊ตที่ชัดเจน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนทดลองฟังเสียงไวโอลินของ Anne-Sophie Mutter ในอัลบั้มชุด Carmen-Fantasie ที่ทำให้ผมถูกตรึงอยู่กับที่แบบลืมหายใจ.!!!

ความจริงแล้ว ตัวเลข 200W ต่อข้างที่ 4 โอห์ม ของ MAC7200 ก็มากกว่าตัวเลขกำลังขับสูงสุดที่ R3 Meta แนะนำไว้แค่เพียง 20W เท่านั้น และความจริงอีกข้อก็คือ ในชีวิตจริง ขณะฟังเพลง เราไม่เคยมีโอกาสที่จะเร่งวอลลุ่มของแอมป์ไปจนสุดเลย นั่นก็เท่ากับว่า เรา ไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้กำลังขับที่สูงถึงขีดสุดเต็ม 200W เท่าที่แอมป์มีอยู่นั่นเอง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตรายใดๆ

สรุป

ถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน แต่ R3 Meta เล่นง่าย ขับง่ายกว่า และให้เสียงที่ฟังง่ายกว่า Reference 1 Meta มาก (Reference 1 Meta ความไวต่ำกว่าคือแค่ 85dB เท่านั้น!) โทนเสียงออกมาสมดุลดี กลางเด่นมาก เปิดตัวออกมาง่ายแม้ขับกับแอมป์ที่มีราคาใกล้เคียงกันอย่าง LEAK Stereo 230 หรือ Audiolab 9000A ก็ให้เสียงออกมาน่าพอใจมากกับเพลงแทบทุกแนว

แม้ว่าใช้งาน R3 Meta บนขาตั้งทั่วไปที่มีความสูง 24 นิ้ว เสียงที่ออกมาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แต่ถ้าต้องการความสมบูรณ์แบบของเสียงที่ลงตัวมากกว่าในทุกด้าน แนะนำให้ใช้งานร่วมกับขาตั้งรุ่น R3 Stand ของ KEF เองที่ทำมาคู่กัน

R3 Meta เป็นลำโพงพาสซีฟ สเตริโออีกคู่หนึ่งที่ต้องติดตรา HIGHLY RECOMMENDED..!!! สำหรับลำโพงในระดับราคา ไม่เกินคู่ละ 90,000 บาท ให้ด้วยความเต็มใจ..!!! /

**********************
ราคา : 85,900 บาท / คู่
**********************
สนใจสั่งซื้อได้ที่
ร้าน Piyanas ทุกสาขา
ร้าน HD HiFi ทุกสาขา
ร้าน Theater House
ร้าน Audiomate BKK
ร้าน Jaben
และร้านเครื่องเสียงชั้นนำทั่วประเทศ
**********************
ต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ติดต่อ
บริษัท วีแกดซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
โทร. 02-692-5216
LINE OA: @Vgadz

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า