อุปกรณ์เสริมของ Audiolab ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ส่งผลกับอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ใช้ AC Transformer (หม้อแปลงไฟกระแสสลับ) ในภาคเพาเวอร์ซัพพลายโดยตรง นั่นก็หมายความว่า อุปกรณ์เครื่องเสียงที่ใช้เพาเวอร์ซัพพลายแบบสวิชชิ่งจะไม่ได้รับมรรคผลอันใดจากอุปกรณ์เสริมตัวนี้
ทำไมต้องมี DC Block ตัวนี้.?
ทรานฟอร์เมอร์ (Transformer) ที่ใช้อยู่ในภาคเพาเวอร์ซัพพลายของอุปกรณ์เครื่องเสียง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีหน้าที่ในการ “แปลง” (ที่มาของคำว่า transform) กระแสไฟฟ้าแบบสลับ (alternating current = AC) ที่มีแรงดัน 220V (โดยประมาณ) ที่รับเข้ามาจากปลั๊กไฟบนผนังห้อง ให้มีขนาดแรงดัน (voltage) และปริมาณของกระแส (current) ออกไปตามความต้องการของวงจรไฟฟ้าที่เชื่อมต่ออยู่ที่เอ๊าต์พุตของทรานฟอร์เมอร์ ซึ่งเครื่องมือที่ transformer ใช้ในการเปลี่ยนแปลงแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าก็คือ “การเหนี่ยวนำ” (induction) ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนแกนโลหะของตัวหม้อแปลงทำปฏิกิริยากับขดลวดที่พันอยู่รอบๆ แกนโลหะนั่นเอง
หม้อแปลง (transformer) มีอยู่ 3 รูปแบบ
1. Step Up Transformer = แปลง (voltage+current) จากสูง – ไป – ต่ำ
2. Step Down Transformer = แปลง (voltage+current) จากต่ำ – ไป – สูง
3. One-to-One Transformer = ปล่อยผ่าน (voltage+current) จากอินพุต – ไป – เอ๊าต์พุต โดยไม่เปลี่ยนแปลง
ตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการ “เพิ่ม” (Step Up) หรือ “ลด” (Step Down) กระแส (current) และแรงดัน (voltage) ของไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่ไหลผ่านทรานฟอร์เมอร์อยู่ที่ “ความแตกต่างของจำนวนรอบ” (ratio of loops หรือ turns ratio) ของ “ขดลวดตัวนำ” ที่พันอยู่รอบแกนโลหะฝั่งขาเข้า (primary) เปรียบเทียบกับฝั่งขาออก (output) คือถ้าขดลวดทางฝั่งขาเข้า “primary” มีจำนวนขด “มากกว่า” ฝั่งขาออก (secondary) จะทำให้โวลเตจฝั่งขาออกมีแรงดัน “น้อยกว่า” ฝั่งขาเข้า ก็คือลักษณะของ step down transformer และในทางกลับกัน ถ้าขดลวดทางฝั่งขาเข้า “primary” มีจำนวนขด “น้อยกว่า” ฝั่งขาออก (secondary) จะทำให้โวลเตจฝั่งขาออกมีแรงดัน “มากกว่า” ฝั่งขาเข้า ก็คือลักษณะของ step up transformer นั่นเอง

แสดงการทำงานของหม้อแปลงทรานฟอร์เมอร์แบบ step down (* ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์ energyeducation.ca)
ทรานฟอร์เมอร์จะทำการแปลงและปล่อยให้ “เฉพาะ” กระแสไฟ AC ผ่านตัวมันไปเท่านั้น จะไม่ยอมให้กระแสไฟตรง (DC) ผ่านไป ดังนั้น ถ้าไฟเอซีจากปลั๊กไฟบนผนังห้องมีกระแสไฟ DC ปะปนเข้ามากับไฟ AC กระแสไฟ DC จะถูกกักไว้ที่ “อินพุต” ของทรานฟอร์เมอร์ซึ่งมีลักษณะเป็นขดลวดตัวนำ (ขดลวดปฐมภูมิ) และเมื่อกระแสไฟ DC ที่มากับไฟ AC ถูกกักอยู่ที่ขดลวดปฐมภูมิมากๆ เข้า ขดลวดก็จะเกิดการอิ่มตัว (saturated) ทำให้ประสิทธิภาพในการแปลงไฟเอซีลดลง ส่งผลต่อเนื่องไปถึงกำลังของภาคจ่ายไฟที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ และอาจจะกลายเป็นเสียงฮัมหรือหึ่งขึ้นมารบกวนได้

ตัว DC Block ของ Audiolab ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่ตรงตามชื่อของมัน คือ “บล็อค” หรือดักจับกระแสไฟ DC ที่ปนเปื้อนมากับกระแสไฟ AC เอาไว้ก่อนที่จะหลุดเข้าไปถึงทรานฟอร์เมอร์ จึงทำให้ปัญหาฮัมและหึ่งลดลงไปอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้ทรานฟอร์เมอร์ทำงานตามหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
เล็ก.. กระทัดรัด!

DC Block มาในรูปของ “กล่องดำ” ที่มีขนาดกระทัดรัด ทรงสี่เหลี่ยม หน้ากว้างแค่สิบเอ็ดเซ็นต์ฯ นิดๆ ลึกสิบสี่เซ็นต์ฯ และสูงประมาณหกเซ็นต์ฯ ลักษณะของกล่องทำด้วยแผ่นโลหะสองแผ่นที่พับเป็นรูปตัวยูประกบกัน โดยแผ่นที่ติดตั้งแผงวงจรเป็นรูปยูหงาย ในขณะที่ฝากล่องเป็นรูปยูคว่ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวเรียบหมด ไม่มีปุ่ม, ไฟ หรือสัญลักษณ์ใดๆ ยกเว้นมีตัวหนังสือชื่อยี่ห้อ audiolab สีขาวที่พิมพ์อยู่บนแผ่นหลังของตัวกล่อง กับเต้ารับ IEC แบบสามขาตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัวที่ติดตั้งอยู่บนแผงหลัง… ทั้งหมดมีอยู่แค่นั้น

ถ้าดูจากรูปถ่ายในหน้าโฆษณาหรือจากเว็บไซต์อาจจะคะเนขนาดของมันออกมาได้ไม่ตรงกับความเป็นจริง หากไม่แน่ใจ ให้นึกถึงขนาดของแผ่นซีดีซึ่งใกล้เคียงกัน
อินพุต & เอ๊าต์พุต

แผงหลังของตัวเครื่อง DC Block มีเต้ารับ IEC แบบสามขาแยกกราวนด์ติดตั้งอยู่ 2 ตัว ตัวที่อยู่ฝั่ง INPUT เป็นเต้ารับตัวผู้ C14 ในขณะที่ฝั่ง OUTPUT เป็นเต้ารับตัวเมีย C13 จะสังเกตว่า กระแสไฟที่ส่งออกไปทางเอ๊าต์พุตของอุปกรณ์ตัวนี้จะมีสเปคฯ “เหมือนกับ” กระแสไฟทางด้านขาเข้าทุกประการ นั่นคือ แรงดัน 100-240V ความถี่ 50/60Hz กระแส 4A แสดงว่าอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงสเปคฯ ของไฟฟ้าที่มันเอาตัวเข้าไปคั่น
ที่ใต้เต้ารับตัวผู้ฝั่งขาเข้าจะมีที่เก็บฟิวส์สำรองอยู่หนึ่งตัว ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้ใช้ฟิวส์แบบ “low breaking capacity” คือบอดี้ของฟิวส์ทำด้วยแก้ว แตกง่าย กระแสผ่านได้สูงสุด 4 แอมป์
วิธีติดตั้งใช้งาน
DC Block ตัวนี้มีหน้าที่กักไฟ DC ที่มาจากปลั๊กผนังไม่ให้เล็ดลอดไปถึงตัวเครื่องเสียง ดังนั้น มันจึงต้องเข้าไปคั่นอยู่ระหว่างปลั๊กผนังกับตัวเครื่องเสียงที่จะใช้งานกับอุปกรณ์ DC Block ตัวนี้

ภายในกล่องจะมีสายไฟเอซีที่ติดหัวขั้วต่อมาให้สองแบบไม่เหมือนกัน นั่นคือสายไฟเอซีอะแด้ปเตอร์ C14 > C13 ซึ่งทางผู้ผลิตให้มาสำหรับใช้เชื่อมต่อระหว่างเอ๊าต์พุตของ DC Block กับอินพุตของอุปกรณ์เครื่องเสียงของเราที่ต้องการใช้งานร่วมกับ DC Block ตัวนี้ ก่อนเริ่มใช้งาน ให้เชื่อมต่อสายไฟอะแด๊ปเตอร์ตัวนี้เป็นจุดแรก (1) จากนั้นจึงค่อยใช้สายไฟ IEC 3 ขาแบบธรรมดาเชื่อมต่อระหว่างอินพุตของตัว DC Block เข้ากับเต้ารับบนปลั๊กผนัง (2) เป็นอันเสร็จพิธี พร้อมใช้งาน
*** ข้อควรระวัง
มีข้อควรระวังในการใช้งาน DC Block อยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก – คือก่อนจะทำการเชื่อมต่อสายไฟจากปลั๊กผนังเข้ามาที่ตัว DC Block แนะนำให้ปิดอุปกรณ์เครื่องเสียงทั้งหมดก่อน เนื่องจากตัว DC Block ไม่มีสวิทช์เปิด/ปิด เมื่อเชื่อมต่อสายไฟทั้งสองเส้นเสร็จปั๊บ กระแสไฟก็จะผ่านจากตัว DC Block ไปเข้าที่อุปกรณ์เครื่องเสียงทันที การปิดเครื่องไว้ก่อนจึงช่วยป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้
เรื่องที่สอง – กรณีนำ DC Block ไปใช้กับเพาเวอร์แอมป์หรืออินติเกรตแอมป์ แนะนำให้ตรวจเช็คสเปคฯ “กำลังขับ” ของแอมป์ที่จะนำมาใช้กับ DC Block ซะก่อน ซึ่งทางผู้ผลิตคือ Audiolab ให้ตัวเลขสเปคฯ กำลังขับของแอมป์ที่สามารถใช้กับ DC Block ได้ (Power Amp Compatibility) ไว้ที่ <150Wx2 หรือ <300Wx1 หมายความว่า ถ้าเป็นเพาเวอร์แอมป์ stereo 2 ch ก็คือ น้อยกว่า 150W ส่วนเพาเวอร์แอมป์โมโนบล็อค ก็ ไม่ควรถึงข้างละ 300W และเนื่องจาก DC Blcok ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีลักษณะการบริโภคกระแสไฟแบบ variable power requirements คือกินกระแสแบบผันแปรไปเรื่อยๆ โดยมีเพดานสูงสุดของความสามารถในการจ่ายกระแส (หรือ peak load) ได้ไม่เกิน 600VA มันจึงไม่ใช่อุปกรณ์จะนำไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่มีอัตราบริโภคไฟฟ้าแบบคงที่ อย่างพวกฮีทเตอร์ หรือพัดลม
ทดสอบประสิทธิภาพของ DC Block
วัตถุประสงค์ของ DC Block ก็คือดักจับไฟ DC ออกมาจากกระแสไฟ AC เพื่อทำให้ไฟ AC มีความบริสุทธิ์มากขึ้นก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปที่หม้อแปลง (transformer) ของเครื่อง ซึ่งจะส่งผลกับหม้อแปลงแบบ toroidal หรือหม้อแปลง EI เท่านั้น เครื่องเสียงประเภทที่ใช้ภาคจ่ายไฟแบบสวิทชิ่งจะไม่ได้ผล
ถ้าอ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอาจจะพบว่าเขาอ้างถึงเพาเวอร์แอมป์เป็นหลัก ทำให้รู้สึกว่า DC Block ตัวนี้ใช้ได้เฉพาะกับเพาเวอร์แอมป์รึเปล่า.? จริงๆ แล้วมันส่งผลดีกับเครื่องเสียงทุกตัวที่ใช้หม้อแปลงแบบ toroidal หรือหม้อแปลง EI ในภาคเพาเวอร์ซัพพลาย แต่ที่เขาเน้นเพาเวอร์แอมป์เป็นหลักก็เพราะเพาเวอร์แอมป์หรืออินติเกรตแอมป์เป็นอุปกรณ์ด่านท้ายสุดของซิสเต็มก่อนจะถึงลำโพง ดังนั้น การใช้งาน DC Block กับเพาเวอร์แอมป์หรืออินติเกรตแอมป์จึงส่งผลชัดเจนมากที่สุด และอีกเหตุผลก็คือหม้อแปลงที่ใช้ในเพาเวอร์แอมป์หรืออินติเกรตแอมป์มักจะมี “ขนาดใหญ่กว่า” ที่ใช้ในอุปกรณ์เครื่องเสียงประเภทอื่นๆ อย่างพวก source ต่างๆ ด้วย ซึ่งหม้อแปลงที่ใหญ่กว่าย่อมส่งผลได้ชัดเจนกว่า


ผมเริ่มต้นทดลองใช้ DC Block กับเพาเวอร์แอมป์ของ Quad รุ่น Artera Stereo ที่ให้กำลังขับ 140W ต่อข้างที่ 8 โอห์ม พบว่าเมื่อนำ DC Block เข้าไปคั่นระหว่างปลั๊กบนผนังกับตัวเพาเวอร์แอมป์ มันให้เสียงที่ดีกว่าต่อสายไฟเอซีจากปลั๊กผนังตรงเข้าไปที่แอมป์อย่างชัดเจน สัมผัสแรกที่รับรู้ได้ชัดคือ “รายละเอียด” ของเสียงที่ออกมา “เต็ม” มากขึ้น.! คือในแต่ละเสียงที่ได้ยินอยู่เดิมมันมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นหลังจากเอา DC Block เข้าไปใช้ในระบบ เหมือนเข้าไปเพิ่มส่วนประกอบของเสียงทางด้านบอดี้และฮาร์มอนิกของแต่ละเสียงให้ออกมาครบมากขึ้น ส่งผลให้บอดี้ของเสียงมีลักษณะที่แผ่ใหญ่และอิ่มหนามากขึ้น เห็นได้ชัดว่าความถี่ในย่านกลางต่ำลงไปถึงทุ้มมีความหนาแน่นของมวลมากขึ้น
นอกจากนั้น ผมยังได้ยินลักษณะการเคลื่อนไหวของเสียงที่มีความลื่นไหลมากขึ้น และรู้สึกได้ว่าบรรยากาศโดยรอบเวทีเสียงมีความโล่งสะอาดมากขึ้นด้วย เมื่อกลับไปอ่านข้อมูลในเว็บไซต์ละเอียดๆ อีกทีจึงพบว่า นอกจากจะดักจับไฟ DC ออกมาจากไฟ AC แล้ว เจ้า DC Block ตัวนี้ยังมีวงจรกรองสัญญาณรบกวน (noise) ที่แฝงตัวมากับไฟ AC อยู่ด้วย นั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเสียงโดยรวมมันสะอาดมากขึ้น รับรู้ถึงการมีอยู่ของมวลบรรยากาศได้ชัดขึ้น

ตัวเพาเวอร์แอมป์ Quad Artera Stereo ต่อเชื่อมอยู่กับตัว Artera Lotus Play ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้ง Streamer และ Preamp ในตัว ผมทดลองย้ายตัว DC Block จากเพาเวอร์แอมป์มาลองใช้กับตัว Artera Lotus Play เพื่อดูว่าใช้ DC Block กับอุปกรณ์ต้นทางที่ไม่ใช่อุปกรณ์ปลายทางอย่างเพาเวอร์แอมป์จะได้ผลลัพธ์ออกมาแบบไหน.? ผลปรากฏว่า เสียงโดยรวมที่ออกมาก็ไปทางเดียวกับตอนใช้กับเวอร์แอมป์ แต่ไม่ชัดเจนเท่า คือเสียงโดยรวมมันมีลักษณะเปิดโล่งมากขึ้น กระจ่างขึ้น ไดนามิกสวิงได้กว้างขึ้น แต่ทางด้าน “ความใส” ของพื้นเสียงไม่ได้ชัดเจนเหมือนตอนใช้กับเพาเวอร์แอมป์
เพราะผมมี DC Block อยู่แค่ตัวเดียว ตอนย้าย DC Block มาใช้กับ Artera Lotus Play ที่ตัวเพาเวอร์แอมป์ Artera Stereo จึงต้องเสียบสายไฟเอซีจากปลั๊กผนังมาที่ตัวเพาเวอร์แอมป์โดยตรง ซึ่งผลที่ได้ยินก็พอจะประเมินได้ว่า ถ้ามี DC Block แค่ตัวเดียว แนะนำให้ลองใช้กับแอมปลิฟายก่อน และมีความเป็นไปได้ว่า ถ้าใช้ DC Block กับอุปกรณ์เครื่องเสียง “ทุกตัว” ที่ภาคเพาเวอร์ซัพพลายใช้หม้อแปลงเทอร์รอยด์ หรือแกนอีไอ ก็น่าจะทำให้ได้เสียงที่ดีขึ้นไปอีก
สายไฟเอซีมีผล.?
เชื่อว่าต้องมีคนสงสัยเหมือนผมแน่ๆ ว่า คุณภาพของสายไฟเอซีที่นำมาใช้ร่วมกับตัว DC Block จะมีผลกับเสียงที่ได้จากตัว DC Block หรือไม่.? ถ้ามี.. จะมากแค่ไหน.?

ของแบบนี้ต้องทดลองถึงจะรู้ ซึ่งสายไฟที่เป็นอะแด๊ปเตอร์ C14 > C13 ซึ่งใช้เชื่อมต่อระหว่างเอ๊าต์พุตของ DC Block กับอินพุตของอุปกรณ์เครื่องเสียงนั้นผมไม่ได้ทดลองเปลี่ยน เพราะผมไม่มีสายอะแด๊ปเตอร์แบบนี้อยู่เลย ส่วนสายไฟเอซีที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างปลั๊กผนังกับอินพุตของ DC Block ซึ่งทางผู้ผลิตแถมมาให้เป็นสายไฟ IEC ธรรมดา ผมจึงทดลองใช้สายไฟเอซีสามขาเส้นสีดำๆ ที่แถมมากับอุปกรณ์เครื่องเสียงทั่วไป ฟังกับ DC Block เทียบกับสายไฟเอซีของแบรนด์ไฮเอ็นด์ฯ สองเส้นคือของ Purist Audio Design รุ่น Aqueous Aureus กับของ Clef Audio รุ่น ThePowerCable II (REVIEW)
ผลคือ สายไฟที่ใช้เชื่อมต่อกับ DC Block ช่วงที่ต่อจากปลั๊กผนังมาที่อินพุตของ DC Block มีผลต่อเสียงพอสมควรเลย คือดีกว่าสายไฟแถมทั้งในแง่ของน้ำหนักเสียง และความเนียนสะอาด ซึ่งผมพบว่า สายไฟเอซีที่เอามาต่อช่วงนี้จะมีบุคลิกเดิมของมันเข้ามาผสมอยู่ในน้ำเสียงด้วย… น่าเสียดายที่ไม่ได้ลองเปลี่ยนสายไฟอะแด๊ปเตอร์ C14 > C13 ด้วย ถ้ามีแบรนด์ไฮเอ็นด์ฯ ทำสายไฟอะแด็ปเตอร์แบบนี้ออกมาด้วยก็น่าจะดี น่าจะช่วยให้ได้เสียงที่ดีขึ้นและช่วยให้สามารถไฟน์จูนซิสเต็มด้วยการแม็ทชิ่งได้ละเอียดมากขึ้นด้วย
สรุป
DC Block เป็นแอคเซสซอรี่ที่น่าทึ่ง.! มันให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจในหลายๆ ด้านออกมาพร้อมกัน ทั้งน้ำเสียงที่สะอาด เปิดโล่ง และคลื่คลาย สิ่งที่มันทำกับซิสเต็มเหมือนการ “จิ้มลงไปถูกจุด” เป็นการปลดพันธนาการที่ผูกรัดประสิทธิภาพของซิสเต็มออกไป ทำให้ศักยภาพของซิสเต็มถูกปลดปล่อยออกมาได้อย่างอิสระเต็มที่ ไม่มีอาการอั้น ไม่รั้ง ไม่ดึง และไม่มีอาการคลุมเครือใดๆ เป็นการลงทุนที่ให้ผลคุ้มค่ามากที่สุดชิ้นหนึ่งในระบบ..!!! /
********************
ราคา : 4,900 บาท / ตัว (ราคาโปรโมชั่นพิเศษจากราคาเต็ม 6,250 บาท)
********************
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บ. HiFi Tower
โทร. 02-881-7273-5
facebook: @hifitowerShop
LineID: @hifitower



