รีวิว KEF รุ่น LSX II LT

หลังจากเฝ้าติดตามข่าวการเปิดตัวของลำโพง KEF รุ่นใหม่คู่นี้มานานเกือบสองเดือน ตอนนี้ได้ตัวเป็นๆ มาอยู่ในมือแล้ว บอกเลยว่าโล่งใจและประทับใจมาก.! เพราะตอนแรกที่ข่าวออกมาว่าทาง KEF จะทำรุ่นนี้ออกมาเพื่อช่วย ปลดล็อคให้กับ FC ของ KEF ที่ไปได้ยินเสียงของรุ่น LSX II แล้วเกิดความอยากได้ แต่ติดขัดที่งบไม่ถึง

ตอนแรกก็ยอมรับว่าแอบรู้สึกหวั่นใจอยู่เหมือนกัน เพราะรับทราบข้อมูลจากข่าวว่า KEF จะหยิบรุ่น LSX II มาลดบางอย่างลงเพื่อปรับต้นทุนให้ออกมาเป็นรุ่น LSX II LT ที่มีราคาต่ำกว่า LSX II ลงมาอีกขั้น คือกังวลว่าส่วนที่ KEF จะทำการปรับลดลงนั้นมันจะไปกระทบกับคุณภาพเสียงมั้ย.? จะทำให้คุณภาพเสียงลดลงหรือเปล่า.? ซึ่งผมคิดว่า ถ้าได้คุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับ LSX II มากที่สุด ในระดับที่ต่ำกว่า LSX II แบบเป็นเนื้อเป็นหนัง แบบนี้จะเวิร์คมาก ผมเลยใจจดใจจ่อเฝ้ารอดูและรอฟังตัวจริงของ LSX II LT ด้วยความระทึก..!!!

(* LT มาจากคำว่า Lite หมายถึงบางเบากว่า ย่อมเยากว่า LSX II LT ก็หมายถึง LSX II ที่ลดทอนอะไรลงไปเล็กน้อย.. ประมาณนี้!)

เหมือนกันมากกว่า 90% !!

คู่บนคือ LSX II ส่วนคู่ล่างคือ LSX II LT

แต่พอมาเห็นตัวจริง ได้จับต้องลูบๆ คลำๆ แล้วต้องบอกเลยว่าโล่งใจ..! อย่างแรกคือรูปร่างหน้าตาไม่ได้แย่ลงอย่างที่แอบกังวล เพราะลุคภายนอกของ LSX II LT ก็ยังมาในบุคลิกเดียวกับรุ่น LSX II คือทางผู้ผลิตแค่ปรับลดคอสเมติคบางจุดออกไปเท่านั้น อย่างเช่นผนังด้านข้างตัวตู้ของรุ่นนี้ไม่ได้หุ้มผ้าเหมือนรุ่น LSX II แต่จุดนั้นผมไม่ซีเรียสเลย ยอมรับได้ เพราะทั้งตัวตู้และไดเวอร์ที่ใช้ก็เหมือนกันเป๊ะ ความปราณีตของเนื้องานของตัวตู้ก็ยังให้คะแนนเต็มได้อยู่ มองเผินๆ ไม่ต่างกันมาก จริงๆ แล้ว บอกตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกว่าถูกทำให้ด้อยลงไปกว่ารุ่น LSX II เลย เพราะมองผิวเผินแล้วแทบจะไม่ต่างกัน และสิ่งที่ทำให้รู้สึกใจฟูมากที่สุดก็คือ คุณภาพเสียงหลังจากได้ลองฟังแล้วแฮ้ปปี้มาก.! เสียงเป็นอย่างไร เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง เราไปส่องดูองค์ประกอบอื่นๆ กันก่อน

ตัวตู้ของ LSX II LT ก็เป็นแบบเดียวกับรุ่น LSX II ทั้งรูปทรงและสัดส่วน รวมถึงวัสดุที่ใช้ทำตัวตู้ซึ่งมีลักษณะเป็นพีวีซีแข็งประเภทหนึ่งที่มีความทนทานกับสภาพอากาศและเคมี ผนังตู้แต่ละด้านที่อยู่ภายนอกถูกหล่อขึ้นรูปมาโดยคำนึงถึงคุณสมบัติทางด้านอะคูสติกเป็นพิเศษ อย่างเช่นแผงหน้าทำให้มีลักษณะโค้งมน ไม่แบนราบ ซึ่งจะมีผลช่วยเปลี่ยนมุมสะท้อนกลับ (diffraction) ของคลื่นเสียงที่ตกกระทบลงบนแผงหน้าตู้ไม่ให้ย้อนกลับมารบกวนคลื่นเสียงส่วนที่แผ่กระจายออกจากไดเวอร์ ในขณะที่ผนังตู้ด้านข้างและด้านบนก็ถูกทำให้มีขนาดที่ไม่เท่ากัน คือจากด้านหน้าจะค่อยๆ ลู่ตีบลงไปทางด้านหลังเล็กน้อย เพื่อลดการสะท้อนภายในตัวตู้บนผนังที่ขนานกันซึ่งเป็นต้นเหตุของ resonant หรือคลื่นสั่นค้างภายในตัวตู้ที่ไปรบกวนการขยับตัวของไดอะแฟรมของไดเวอร์ นอกจากนั้น ภายในตัวตู้ยังมีการแด้มป์เพื่อลดการสั่นด้วย ลองใช้นิ้วเคาะลงไปที่ผนังด้านข้างของตัวตู้จะพบว่าเสียงออกมาทึบๆ ไม่ก้อง แสดงว่าแด้มป์ป้องกันเรโซแนนซ์ไว้ได้เด็ดขาดจริงๆ

บนแผงหน้าของตัวตู้มีแค่ไดเวอร์ Uni-Q ขนาด 4.5 นิ้ว อยู่ตัวเดียว ติดตั้งอยู่บนพื้นที่ส่วนกลางของแผงหน้าเกือบเต็มพื้นที่ ถัดลงมาด้านล่างของไดเวอร์จะมีไฟ LED ติดตั้งอยู่หนึ่งดวง ไว้แสดงสถานะการทำงานของตัวเครื่อง ส่วนเหนือตัวไดเวอร์ขึ้นไปด้านบนจะมีโลโก้แบรนด์ KEF พิมพ์ผนึกอยู่แค่บางๆ ทั้งหมดมีอยู่แค่นั้น

ไดเวอร์ Uni-Q เจนเนอเรชั่นที่ 11

(* ดูรายละเอียดของไดเวอร์ Uni-Q และพัฒนาการแต่ละเจนเนอเรชั่นได้ที่ “เรื่องราวของ Uni-Q ไดเวอร์มหัศจรรย์ของ KEF)

ไฮไล้ท์ของลำโพงคู่นี้คือไดเวอร์ Uni-Q นี่แหละ ซึ่งถือว่าเป็น signature ของแบรนด์ KEF เพราะมันมีความพิเศษแตกต่างไปจากไดเวอร์ประเภทอื่นที่ใช้อยู่ในลำโพงส่วนใหญ่ที่พบเห็นกันอยู่ในท้องตลาด ในแง่ของการจัดวางตัวทวีตเตอร์ทรงโดมอะลูมิเนียมขนาด 0.75 นิ้ว เข้าไปฝังอยู่ในใจกลางของตัวมิด/วูฟเฟอร์ทรงกรวยอะลูมิเนียม อัลลอยด์ (แม็กนีเซียม + อะลูมิเนียม) ขนาด 4.5 นิ้ว ซึ่งเป็นการจัดไดเวอร์ให้มีลักษณะการประจายเสียงแบบ point source มีข้อดีคือทำให้เสียงแหลมกับเสียงกลางและเสียงทุ้มเดินทางออกมาจากจุดเดียวกัน จึงเดินทางมาถึงหูของผู้ฟัง “พร้อมกัน” ซึ่งเป็นผลดีกับคุณสมบัติทางเฟสของสัญญาณตลอดทั้งย่านที่มีความแม่นยำสูง ส่งผลต่อเนื่องไปถึงคุณสมบัติทางด้านมิติเสียงที่แสดงตำแหน่งของเสียงออกมาได้คมชัด รายละเอียดครบ เวอร์ชั่นของไดเวอร์ Uni-Q ที่ใช้ในรุ่น LSX II LT เป็น Uni-Q เจนเนอเรชั่นที่ 11 ซึ่งโครงสร้างหลักๆ เหมือนกับเจนเนอเรชั่น 12 ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นล่าสุดทุกอย่าง ต่างกันแค่เจนเนอเรชั่น 12 มีเทคโนโลยี Meta เท่านั้นเอง

ไดเวอร์ Uni-Q เจนเนอเรชั่น 11 ที่มากับ LSX II LT (ซ้าย) เปรียบเทียบกับตัวที่มากับ LSX II (ขวา) จะเห็นว่าในส่วนของลักษณะภายนอกที่มองเห็นด้วยตาแต่ละจุดของไดเวอร์ทั้งสองตัวนี้ “เหมือนกัน” แทบทุกอย่าง ส่วนที่ต่างกันจริงๆ ก็มีแค่สีสันเท่านั้น ซึ่งจากข้อมูลของผู้ผลิตก็ระบุชัดว่า ไดเวอร์ Uni-Q ที่ใช้อยู่ในรุ่น LSX II LT ก็เป็นเจนเนอเรชั่น 11 เหมือนกับที่ใช้ในตัว LSX II จึงสรุปได้ว่าเหมือนกัน 100% จริงๆ

ขั้วต่อต่างๆ

ข้างที่เป็น Primary Speaker

ข้างที่เป็น Secondary Speaker

1. & 11.ท่อระบายเบส
2. ปุ่มรีเซ็ต
3. ปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth
4. ช่องอินพุต Optical
5. ช่องอินพุต USB-C
6. ช่องสัญญาณเอ๊าต์พุตสำหรับ Subwoofer
7. ช่องเชื่อมต่อสำหรับขั้วต่อ HDMI
8. & 12. ช่องเชื่อมต่อสาย USB-C สำหรับ Interspeaker
9. ช่องเสียบสาย Ethernet
10. เต้ารับสำหรับสายไฟเอซี

เพราะเป็นรุ่นที่ “ลดรูป” ลงมาจากรุ่น LSX II จึงไม่แปลกที่จะต้องนำ LSX II LT มาเทียบกับ LSX II เพื่อให้เห็นภาพชัด ซึ่งหากจับลำโพงข้างที่เป็นเมนหลัก (Primary) ของทั้งสองรุ่นมาตั้งประชันกัน แล้วไล่เช็คตำแหน่งของขั้วต่อทีละจุด คุณก็จะเห็นได้ชัดว่า รุ่น LSX II LT ตัดอะไรออกไปบ้าง.? จากภาพข้างบนจะเห็นว่าจุดที่ LSX II LT ต่างจากรุ่น LSX II มีอยู่ทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน

อย่างแรกเลย ในกรอบสีเหลืองของรุ่น LSX II นั่นคือปุ่มกดเพื่อสั่งเชื่อมต่อระหว่างข้างที่เป็นตัวเมนหลัก หรือ primary กับข้างที่เป็นตัวรอง คือ secondary โดยวิธีไร้สายด้วยคลื่น Wi-Fi ซึ่งในเวอร์ชั่น LT (ตัวขวาในภาพข้างบน) ไม่มี ส่วนในกรอบสีเขียวนั้นคือรูเสียบแจ๊คมินิ 3.5mm สำหรับรองรับสัญญาณอินพุตที่อยู่ในรูปของสัญญาณอะนาลอก ซึ่งเวอร์ชั่น LT ก็ไม่มีอินพุตอะนาลอกนี้ จุดที่สามคือการเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารและรับ/ส่งสัญญาณระหว่างลำโพงทั้งสองข้าง (เรียกว่า interspeaker) แบบใช้สาย ซึ่งในเวอร์ชั่น LSX II ใช้การเชื่อมต่อด้วยสาย LAN ผ่านขั้วต่อ RJ45 (กรอบสีแดง) ในขณะที่เวอร์ชั่น LT เปลี่ยนมาเชื่อมต่อผ่านทางขั้วต่อ USB-C แทน (มีสาย USB-C แถมมาในกล่อง)

การเปลี่ยนแปลงสายเชื่อมต่อระหว่างลำโพงทั้งสองข้างของเวอร์ชั่น LT ในครั้งนี้ส่งผลให้สามารถ “ตัด” การเชื่อมต่อสายไฟเอซีที่ลำโพงตัวรอง (secondary) ออกไปได้ เนื่องจากมาตรฐาน USB-C มีความสามารถรองรับการส่งผ่านกระแสไฟเลี้ยงจากลำโพงตัวเมนหลักไปให้กับลำโพงตัวรองได้มากพอ ตามสเปคฯ คือ 30V / 3A ตามความต้องการของวงจรขยาย Class D ที่อยู่ในลำโพงตัวรอง ประเด็นที่ตัดสายไฟเอซีออกไปหนึ่งเส้นอันนี้ช่วยลดความรุงรังลงไปได้มาก อันนี้เหนือกว่ารุ่น LSX II

ความสามารถในการรองรับสัญญาณของแต่ละอินพุต
กับการเชื่อมต่อใช้งาน

(1) อินพุต Bluetooth

LSX II LT รองรับการเล่นไฟล์เพลงผ่านเข้าทางคลื่นไร้สาย Bluetooth (1) สำหรับคนที่ใช้ Android ด้วยมาตรฐานบลูทูธเวอร์ชั่น 5.0 ซึ่งใช้อัตราส่งผ่านข้อมูลได้เร็วถึง 50 MB/s และให้ระยะหวังผลได้ไกล ส่วนคนที่ใช้ iOS ก็สามารถส่งสัญญาณเสียงผ่านทางคลื่น AirPlay2 แทนได้ เพราะ LSX II LT ใช้เทคโนโลยี W2 wireless platform สำหรับการสตรีมไฟล์เพลงเหมือนกับรุ่น LSX II จึงมีความสามารถที่กว้างขวางมากสำหรับการสตรีมโดยเฉพาะ

(2) อินพุต Network

อินพุต Network นี้เองที่ทำให้ LSX II LT ตัวนี้ก้าวข้ามลำโพงไร้สาย Bluetooth ทั่วไปขึ้นมาสู่ความเป็นระบบลำโพงไฮเอ็นด์.! เพราะอินพุตนี้อาศัยการส่งไฟล์เพลงผ่านทางสาย LAN (Ethernet) ซึ่งทำให้อินพุตนี้สามารถรองรับการส่งไฟล์เพลงที่มีความละเอียดของสัญญาณได้ตั้งแต่ระดับ MP3/AAC ขึ้นไปจนถึงขีดสูงสุดที่ระดับ 24/384 ซึ่งสามารถสตรีมไฟล์เพลงได้ทั้งจากผู้ให้บริการบนอินเตอร์เน็ต และสตรีมไฟล์เพลงของเราเองที่เก็บอยู่ใน NAS ที่เชื่อมต่ออยู่กับเน็ทเวิร์ควงเดียวกันกับลำโพงคู่นี้ได้ด้วย

(3) อินพุต Optical

ถึงแม้ว่าจะตัดอินพุต Analog ออกไป แต่ทว่า LSX II LT ก็ไม่ได้ทอดทิ้งคนที่ใช้เครื่องเล่นแผ่นซีดี หรือเครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบพกพา (DAP) ไปซะเลยทีเดียว เพราะเขายังติดตั้งช่องอินพุต Optical มาให้ใช้ ซึ่งสามารถรองรับสัญญาณ PCM ได้สูงสุดถึงระดับ 24/96 นอกจากนั้น คนที่ใช้ทีวีรุ่นเก่าที่ไม่มีช่อง HDMI ก็สามารถเชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากทีวีมาอัพเกรดคุณภาพเสียงผ่าน LSX II LT ทางอินพุต Optical ได้เหมือนกัน

(4) อินพุต USB

สำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางในการเล่นไฟล์เพลง, เล่นเกมส์, ท่องเน็ตดู YouTube คุณสามารถส่งผ่านสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์ของคุณมาที่ LSX II LT ผ่านทางช่องอินพุต USB ช่องนี้ได้ ซึ่งผู้ผลิตกำหนดให้รองรับสัญญาณฟอร์แม็ต PCM ที่มีความละเอียดของสัญญาณได้สูงสุดถึงระดับ 24/96 เท่ากับช่องอินพุต Optical

(5) อินพุต HDMI

อินพุตนี้ตั้งใจให้ใช้เชื่อมต่อกับทีวีโดยเฉพาะ หรือจะเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น Blu-ray ที่มีช่องเอ๊าต์พุต HDMI แยกสำหรับสัญญาณเสียงอย่างเดียวก็ได้ สัญญาณเสียงที่ถูกกำหนดให้ส่งผ่านทางอินพุตนี้ได้ก็คือสัญญาณฟอร์แม็ต PCM (ต้องปรับเอ๊าต์พุตของทีวีให้ส่งออกสัญญาณดิจิตัลเป็นฟอร์แม็ต PCM ด้วย) ส่วนความละเอียดสูงสุดของสัญญาณก็อยู่ที่ระดับ 16/48

รองรับผู้ให้บริการเยอะมาก.!

เห็นรายชื่อ streaming services หรือผู้ให้บริการสตรีมไฟล์เพลงที่ LSX II LT รองรับได้แล้วก็ต้องขอแสดงความยินดีกับนักฟังเพลงจริงๆ เพราะลำโพงคู่นี้รองรับได้เยอะมาก เห็นรายชื่อทั้งหมดแล้วเข้าใจเลยว่าทาง KEF ตั้งใจให้ LSX II LT เป็นระบบลำโพงที่ “เอาดี” ทางด้านสตรีมมิ่งจริงๆ เพราะดูจากรายชื่อผู้ให้บริการทางด้านสตรีมไฟล์เพลงเจ้าหลักๆ แล้ว พบว่าลำโพง LSX II LT คู่นี้กวาดมาหมดทั้งเจ้าใหญ่-เจ้าเล็กพาเหรดกันมาให้บริการครบทุกเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Spotify Connect, TIDAL Connect, Amazon Music, Qobuz, Deezer, QQ Music (ของ QPlay) นอกจากนั้น คุณยังสามารถเลือกฟังเพลงจาก internet radio ที่สตรีมมาฟังได้จากสถานีส่งทั่วโลกจำนวนมหาศาล รวมถึง Podcast ด้วย

นอกจากนั้น อินพุต Network ของ LSX II LT ยังใช้รองรับสัญญาณเสียงของไฟล์เพลงของคุณที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสที่เชื่อมต่ออยู่ในวงเน็ทเวิร์คเดียวกับตัว LSX II LT ได้ด้วย โดยเล่นผ่านแอพลิเคชั่น KEF Connect (เป็นแอพฯ ฟรี ที่มีทั้งเวอร์ชั่น iOS และ Android ให้เลือกใช้) ส่วนสเปคฯ ของสัญญาณเสียงที่รองรับได้ก็มีหลากหลายฟอร์แม็ต ทั้งที่เป็นฟอร์แม็ตแบบ Lossy Compression อย่าง MP3, AAC และ WMA และฟอร์แม็ตแบบ Lossless Compression อย่าง ALAC, FLAC และ DSF ไปจนถึงฟอร์แม็ตแบบ Uncompress อย่าง WAV และ AIFF ซึ่งถือว่าเป็นอ๊อปชั่นพิเศษสำหรับคนที่ต้องการฟังเพลงในลักษณะที่เน้น “คุณภาพเสียง” สูงสุดจริงๆ ซึ่งลำโพงคู่นี้ก็สามารถรองรับได้

สมรรถนะ

ตัวไดเวอร์ Uni-Q ที่ใช้ในลำโพงรุ่น LSX II LT เป็นตัวขับเสียงที่ประกอบกันขึ้นมาจากไดเวอร์ 2 ตัว ได้แก่ตัวมิด/วูฟเฟอร์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 4.5 นิ้ว ถูกจัดให้มีหน้าที่ในการสร้างความถี่ในย่านมิดเร้นจ์ (เสียงกลาง) และเสียงทุ้ม รูปลักษณะของไดเวอร์เป็นแบบทรงกรวยไดนามิก แผ่นไดอะแฟรมทำด้วยโลหะอัลลอยด์ที่มาจากส่วนผสมของแม็กเนเซียมกับอะลูมิเนียม ส่วนไดเวอร์เสียงแหลมหรือทวีตเตอร์ที่ฝังอยู่ตรงกลางของตัวมิด/วูฟเฟอร์ มีลักษณะรูปลักษณ์เป็นโดมโค้งครึ่งวงกลมที่นูนออกมาทางด้านหน้า ตัวโดมทำมาจากอะลูมิเนียม ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางอยู่ที่ 0.75 นิ้ว

ช่วงของความถี่ที่ลำโพงคู่นี้ถูกกำหนดให้ตอบสนองออกมาจะครอบคลุมอยู่ระหว่าง 54Hz ขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดที่ 28kHz (*ขึ้นอยู่กับปรับตั้ง EQ ด้วย) แต่เนื่องจากตัวตู้ของลำโพงคู่นี้เป็นแบบตู้เปิด มีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านหลัง ทำให้ความถี่จากไดเวอร์ถูกขยายให้กว้างขึ้น โดยทางด้านต่ำสามารถขยายลงไปถึงความถี่ 49Hz โดยมีอัตราลาดลงของความดังตั้งแต่ 54Hz ลงไปถึง 49Hz อยู่ที่ -6dB ต่ออ็อกเตรป ส่วนทางด้านความถี่สูงก็สามารถขยายขึ้นไปได้ถึง 47kHz ด้วยอัตราลาดลงของความดังเท่ากันคือ -6dB (*วัดที่ระดับความดัง 85dB ด้วยระยะห่างระหว่างไมโครโฟนกับลำโพงอยู่ที่ 1 เมตร)

แอมปลิฟายที่ฝังอยู่ในตัวลำโพงเป็นเพาเวอร์แอมป์ class D ที่มีกำลังขับรวมกันทั้งสองข้างอยู่ที่ 200W โดยแยกเป็นข้างละ 100W ซึ่งในจำนวน 100W ของแต่ละข้างจะแยกสำหรับขับไดเวอร์มิด/วูฟเฟอร์เท่ากับ 70W และสำหรับขับตัวทวีตเตอร์เท่ากับ 30W โดยเมื่อเปิดทั้งสองข้างพร้อมกันจะสามารถทำความดังได้สูงสุดเท่ากับ 102dB เมื่อใช้ไมโครโฟนวัดที่ระยะห่างจากหน้าลำโพงออกมาเท่ากับ 1 เมตร

ข้อมูลสัญญาณเสียงสำหรับลำโพงข้างที่เป็นตัวรอง (secondary) จะรับมาจากลำโพงข้างที่เป็นลำโพงตัวหลัก (primary) ผ่านทางสายเชื่อมต่อ interspeaker เข้าทางขั้วต่อ USB-C ซึ่งระบบจัดการกับสัญญาณอินพุตแต่ละรูปแบบจะถูกออกแบบให้ทำการ resampled สัญญาณดิจิตัล อินพุตจากทุกอินพุตที่เข้ามาทางอินพุตของข้าง primary ให้อยู่ในรูปของสัญญาณดิจิตัลฟอร์แม็ต PCM ที่มีสเปคฯ เท่ากับ 24/96 เหมือนกันทุกอินพุต แสดงว่า แม้ว่าบางอินพุตจะสามารถ “เล่นไฟล์เพลง” ที่มีสเปคฯ สูงกว่า 24/96 ได้ อย่างเช่นเล่นไฟล์ 24/192 ผ่านอินพุต Ethernet ได้ แต่เมื่อถูกส่งเข้าไปในตัว LSX II LT แล้ว ภาค DSP ในตัว LSX II LT จะทำการรีแซมปลิ้งสัญญาณอินพุตนั้นให้ “ลดลงมา” (down sampling) อยู่ที่ระดับ 24/96 ก่อนส่งเข้าภาค DAC ในตัวลำโพงทั้งสองข้าง เพื่อแปลงเป็นคลื่นเสียงอะนาลอกอกมาจากลำโพงทั้งสองข้าง

ควบคุมผ่านแอพลิเคชั่น KEF Connect

แอพลิเคชั่นที่ชื่อว่า ‘KEF Connect’ เป็นแอพฯ ฟรีที่ KEF ทำออกมาให้ใช้ควบคุมการทำงานและเลือกเล่นไฟล์เพลงผ่าน LSX II LT และลำโพงแอ๊คทีฟไร้สายรุ่นอื่นๆ ของ KEF ซึ่งมีให้เลือกใช้ทั้งเวอร์ชั่น iOS และ Android

หลังจากดาวน์โหลดแอพฯ KEF Connect มาติดตั้งบนอุปกรณ์พกพาที่คุณตั้งใจจะใช้ควบคุมการทำงานของ LSX II LT เสร็จแล้ว ที่หน้า Home ของแอพฯ ตัวนี้จะถูกออกแบบให้เป็นที่รวบรวมแหล่งต้นทางของเพลงที่เปิดโอกาสให้คุณสตรีมมาฟังได้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 แหล่ง ด้วยกัน เริ่มจาก SOUND OF LIFEที่อยู่ด้านบนสุดของหน้าโฮม ในนั้นจะมีเพลงของศิลปินที่ KEF ให้การสนับสนุนให้เลือกฟังฟรี ถัดลงมาที่หัวข้อ MUSIC IN THE CLOUDตรงนั้นจะเป็นแหล่งรวมค่ายที่ให้บริการสตรีมไฟล์เพลงแบบต้องสมัครสมาชิกและต้องเสียค่าบริการ อาทิเช่น Amazon, Deezer, Qobuz, Spotify และ TIDAL ถัดลงมาที่หัวข้อ ‘RADIO AND PODCASTSเป็นที่รวมเพลงจากสถานีวิทยุบนอินเตอร์เน็ตและรายการสนทนาทางออนไลน์ และหัวข้อสุดท้ายที่อยู่ด้านล่างสุดของหน้าโฮมคือ ‘MUSIC ON YOUR NETWORKนั้นเป็นแหล่งที่นำไปสู่ไฟล์เพลงที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสที่รันด้วยโปรแกรมมีเดีย เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้มาตรฐาน UPnP อย่างเช่น MinimServer เป็นต้น

ส่วนหัวข้อ REMOTEที่อยู่ด้านล่างของหัวข้อ SOUND OF LIFEนั้นเป็นช่องอินพุตของ LSX II LT ที่มีไว้ให้ใช้เพื่อรองรับสัญญาณเสียงจากอุปกรณ์ภายนอก ทั้งที่ผ่านทางคลื่นไร้สาย Wi-Fi กับ Bluetooth และผ่านทางสายสัญญาณ HDMI (TV), Optical และ USB

ที่ด้านล่างของหน้าแอพฯ จะมีแถวของสัญลักษณ์อยู่ 5 ตัว เรียงกันอยู่ในแนวนอน ตัวแรกที่เป็นรูปบ้านก็คือหน้า ‘Homeที่พูดถึงไปแล้วข้างต้น ถัดมาคือหน้า ‘Remoteซึ่งเป็นหน้าที่ใช้สำหรับควบคุมสั่งงานการเล่นไฟล์เพลงของอินพุตทั้ง 5 แหล่ง ถ้าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับอินพุตนั้นอนุญาติให้เราสามารถควบคุมการเล่นไฟล์เพลงผ่านทางแอพฯ ตัวนี้ได้ เมื่อเลือกใช้งานอินพุตนั้น ที่หน้านี้จะมีฟังท์ชั่นที่ใช้ควบคุมการเล่นไฟล์เพลงปรากฏขึ้นมาให้ใช้งาน ทำให้เราสามารถควบคุมการเล่นไฟล์เพลงของอุปกรณ์ตัวนั้นผ่านแอพฯ นี้ได้เลยโดยไม่ต้องไปใช้การควบคุมผ่านรีโมทของเครื่องตัวนั้น และที่ด้านล่างของหน้า Remote นี้จะมีฟังท์ชั่นให้ปรับระดับความดังของเสียงปรากฏออกมาให้ใช้ด้วย

ถัดมาก็เป็นหน้าของ ‘Musicซึ่งเป็นที่รวบรวมแหล่งให้บริการสตรีมไฟล์เพลงลักษณะต่างๆ อยู่ที่นี่ทั้งหมด ไม่ว่าจะสตรีมจากผู้ให้บริการเจ้าต่างๆ, ไล้ฟ์สตรีมสดๆ จากสถานีวิทยุบนอิเตอร์เน็ต และสตรีมไฟล์เพลงที่เก็บอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของเราเอง ซึ่งวิธีเลือกก็แค่จิ้มปลายนิ้วลงไปที่ไอค่อนที่เราต้องการสตรีมไฟล์เพลงมาฟังเท่านั้นเอง

ถัดไปเป็นหัวข้อ ‘EQ settingsอันนี้มีความสำคัญมากต่อคุณภาพเสียงที่จะได้ออกมาจากลำโพงคู่นี้ ภายในนั้นมีหัวข้อให้คุณปรับตั้งค่าอยู่หลายตัว ถ้าลองดูภาษาที่ผู้ผลิตใช้สื่อสารกับยูสเซอร์ในแต่ละหัวข้อจะเห็นว่ามันเป็นภาษาทั่วไปเหมือนคุยกันมากกว่าที่จะเป็นภาษาเทคนิค อย่างเช่นหัวข้อแรก ‘Where is your speaker?ลำโพงของคุณอยู่ตรงไหน.? ฟังดูแล้วไม่เหมือนฟังท์ชั่นการปรับตั้งค่า แต่สังเกตว่าคำตอบจะถูกล็อคไว้ให้คุณเลือกแค่ 2 คำตอบ คือ ‘On a stand’ (บนขาตั้ง) กับ ‘On a desk’ (บนโต๊ะ) ซึ่งถ้าเป็นคนที่พอรู้เรื่องเครื่องเสียงมาบ้างจะเข้าใจได้ว่า ระหว่างวางลำโพงบนขาตั้งกับวางบนโต๊ะมันให้เสียงออกมาต่างกัน แน่นอนว่า เสียงที่ออกมาก็จะไม่เป็นไปตาม เป้าหมายที่ผู้ผลิตปรับตั้งเสียงเอาไว้ เพราะผลกระทบจากขาตั้งกับโต๊ะ มันให้ผลทางเสียงที่ต่างกัน เมื่อคุณเลือกคำตอบใดคำตอบหนึ่งกับคำถามนี้ เบื้องหน้าของคำตอบที่คุณเลือกซึ่งดูเหมือนภาษาพูดโต้ตอบกันธรรมดา ทว่า เบื้องหลังของคำตอบทั้งสองนั้นมันคือ ชุดคำสั่งสองชุดที่ต่างกัน ซึ่งถูกเขียนขึ้นมาเพื่อนำเข้าไปปรับตั้งค่าต่างๆ ใน DSP ที่เกี่ยวกับ ความถี่และ ความดังเพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดจากการ วางบนขาตั้งหรือ วางบนโต๊ะให้ได้เสียงออกมาใกล้เคียงกับลักษณะเสียงที่ผู้ผลิตปรับจูนไว้นั่นเอง

ถ้าสังเกตคำถามกับคำตอบในแต่ละหัวข้อจะพบว่า คำตอบในบางหัวข้อนั้นค่อนข้างหลวมๆ กว้างๆ ไม่เจาะจงแบบเป๊ะๆ อย่างเช่น คำถามเกี่ยวกับสภาพอะคูสติกภายในห้องที่คุณเอา LSX II LT คู่นี้เข้าไปใช้งาน ‘How is your room?สังเกตคำตอบจะมีให้เลือก 3 คำตอบ คือ Damped (ค่อนข้างซับเสียง), Moderate (กลางๆ) และ Lively (ค่อนข้างสะท้อนเสียง) ซึ่งคนที่ไม่มีทักษะในการเล่นเครื่องเสียงมาก่อนก็อาจมีความยากในการประเมินสภาพอะคูสติกห้องฟังของตัวเอง เชื่อว่าส่วนใหญ่จะเลือกตอบว่า Moderate ซึ่งบางทีก็ไม่ผิด เพราะมันไม่ง่ายเลยที่จะเดาได้ว่า คำว่า ปานกลาง” (Moderate) ในใจของผู้ผลิตมันอยู่ตรงจุดไหน แต่จากการที่ผมทดลองเลือกทั้งสามรูปแบบแล้วฟังดู พบว่ามันให้ความแตกต่างของเสียงเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มากถึงกับทำให้เสียงโดยรวมแย่ลงไปจนถึงขั้นรับไม่ได้

สรุปแล้ว คำแนะนำในการปรับตั้งค่าแต่ละหัวข้อในเมนู EQ settings นี้คือให้ใช้ตลับเมตรวัดระยะการติดตั้งลำโพงตามจริงแล้วนำไปตอบในคำถามที่มีคำตอบที่ชัดเจน ส่วนคำถามที่ให้คำตอบมาแบบตีขลุมกว้างๆ ก็ให้เลือกแต่ละคำตอบแล้วลองฟังดูว่าคำตอบไหนให้เสียงที่คุณชอบมากที่สุดก็ยึดเอาคำตอบนั้นเป็นบทสรุปได้เลย (*คำตอบที่ค่อนข้างซีเรียสและส่งผลกับเสียงโดยรวมมากหน่อยก็คือ ‘Do you have a subwoofer connected?ซึ่งคุณต้องตอบไปตามจริง)

สุดท้ายคือหัวข้อ Settings ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลเฉพาะของลำโพง LSX II LT คู่ที่คุณกำลังใช้งานอยู่ในระบบเน็ทเวิร์คตอนนั้นๆ ส่วนหัวข้อที่มีให้ปรับตั้งก็มีแค่เปลี่ยนชื่อของลำโพงตามที่คุณต้องการเท่านั้น

เสียงของ LSX II LT

ในการประเมิน “คุณภาพเสียง” ของ LSX II LT คู่นี้ ผมขอแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คุณภาพเสียงที่ได้จากการ “ฟังเพลง” กับส่วนที่สองคือ คุณภาพเสียงที่ได้จากการ “ดูหนัง” และ “รับชมคลิปวิดีโอ” ที่เป็นคอนเสิร์ตและสารคดีต่างๆ จากช่อง YouTube

ส่วนการเซ็ตอัพตอนทดลองฟังเพลงจากการสตรีมและทดลองฟังเสียงจาทีวี ผมนำ LSX II LT ไปเซ็ตอัพไว้ในห้องรับแขก จับคู่กับทีวี Sony OLED Android-TV รุ่น A8F ขนาด 65 นิ้ว โดยวางตัวลำโพงไว้บนขาตั้งของเขาเองรุ่น S1 หลังจากทดลองเซ็ตหาตำแหน่งโดยลองฟังเสียงที่ดีที่สุด ผมพบว่า ที่ระยะห่างซ้าย-ขวาเท่ากับ 165 ซ.ม. ให้เสียงออกมาได้ค่าเฉลี่ยที่น่าพอใจมากที่สุดเมื่ออ้างอิงกับระยะนั่งชมและฟังบนโซฟาที่ห่างจากหน้าจอทีวีออกมาเท่ากับ 270 ซ.ม. (ดูเพิ่มเติมจากภาพด้านบน)

เนื่องจากแต่ละอินพุตของ LSX II LT มีความสามารถในการรองรับสัญญาณดิจิตัลที่มีสเปคฯ ไม่เท่ากัน ซึ่งโดยหลักการแล้ว จะมีผลทำให้คุณภาพเสียงโดยรวมที่ได้ออกมาจากการใช้งานแต่ละอินพุตมีระดับที่ต่างกัน แต่เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงของแต่ละอินพุตที่ “ไม่ต่างกันมาก” ทาง KEF จึงใช้วิธี resampled สัญญาณเสียงของแต่ละอินพุตที่เข้ามาต่างให้อยู่ในสเปคฯ เดียวกันคือ 24/96 ก่อน มีผลให้เสียงที่ได้จากการใช้งานแต่ละอินพุตมีลักษณะโดยรวมที่ไม่ต่างกันมาก ส่วนที่ต่างกันจะไปอยู่ที่ผลของการทำ resampled กล่าวคือ สัญญาณ 24/96 ที่ผ่านขั้นตอน resampled มาจากสัญญาณอินพุตที่มีสเปคฯ “สูงกว่า 24/96” (เช่น resampled จากอินพุต 24/192 ลงมาเป็น 24/96) จะให้คุณภาพเสียงโดยรวมออกมา “ดีกว่า” สัญญาณ 24/96 ที่ผ่านขั้นตอน resampled มาจากสัญญาณอินพุตที่มีสเปคฯ “ต่ำกว่า 24/96” (เช่น resampled จากอินพุต 16/44.1 ขึ้นไปเป็น 24/96)

ทดลองฟังด้วยการสตรีมจาก TIDAL ผ่านเข้าทางอินพุต Wi-Fi ของ LSX II LT

จากการทดลองฟังเสียงของแต่ละอินพุตแล้ว ผลต่างของเสียงจะอยู่ในระดับที่รับรู้ได้สำหรับคนที่ตั้งใจฟังเพื่อค้นหาความแตกต่าง แต่สำหรับการฟังไปที่อรรถสของเพลงก็พบว่า ทุกอินพุตให้คุณภาพเสียงออกมาในระดับที่ทำให้ผมสามารถ “อิน” ไปกับเพลงที่ฟังได้ทุกอินพุต ด้วยเหตุนี้ ผมเข้าใจเลยว่า ทีมออกแบบ LSX II LT ตั้งใจที่จะทำให้ลำโพงคู่นี้ให้ถ่ายทอดเสียงออกมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจสำหรับยูสเซอร์ที่ใช้วิธีการเล่นไฟล์เพลง “แต่ละรูปแบบ” ที่สามารถใช้ฟังผ่านลำโพงคู่นี้ได้นั่นเอง อย่างเช่น ตอนผมทดลองฟังเพลงผ่านการสตรีมไร้สายจาก iPhone 12 ของผมมาที่ LSX II LT ซึ่งเป็นการสตรีมผ่านเทคโนโลยี AirPlay ของแอ็ปเปิ้ล เสียงที่ออกมาก็อยู่ในระดับที่น่าฟัง สามารถเปิดทิ้งไว้เป็นแบ็คกราวนด์มิวสิคฟังเพลินๆ ได้ทั้งวัน แต่เมื่อลองเทียบกับการเล่นแผ่นซีดีบนเครื่องเล่นซีดี Arcam รุ่น CD5 แล้วส่งสัญญาณไปที่ LSX II LT เข้าทางอินพุต Optical พบว่าเสียงที่ได้จากอินพุตอ๊อปติคัลมีคุณภาพสูงกว่าเล็กน้อย ต่างกันที่ความชัดและนิ่งของเสียง แต่ก็ไม่มาก เหมาะกับการนั่งฟังแบบตั้งใจฟังอยู่บนโซฟาในตำแหน่งที่อยู่หน้าลำโพงทั้งสองตัว

ติดตั้งขา P1 Desk Pad สำหรับใช้งานบนโต๊ะ

ลองฟังเพลงด้วยการสตรีมไฟล์เพลงจาก TIDAL บนโน๊ตบุ๊ค MacBook Pro แล้วส่งผ่านมาที่ LSX II LT

ขณะที่กำลังเล่นเพลง ก็สามารถควบคุมสั่งงานผ่านแอพฯ KEF Connect บนสมาร์ทโฟนได้

ช่วงท้ายของการทดสอบฟังเสียง ผมย้ายลำโพงมาเซ็ตอัพบนโต๊ะทำงาน เพื่อใช้งาน LSX II LT ร่วมกับคอมพิวเตอร์ คือใช้ลำโพงคู่นี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนมอนิเตอร์ของคอมฯ นั่นเอง ซึ่งทางบริษัท Vgadz ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายลำโพง KEF ได้จัดส่งขาตั้งรุ่น P1 Desk Pad มาให้ลองด้วย ซึ่งขาตัวนี้ใช้ติดตั้งกับส่วนฐานของตัวลำโพงเพื่อให้สามารถวางบนโต๊ะได้อย่างมั่นคง

นอกจากจะทดลองฟังเพลงด้วยการสตรีมด้วยโน๊ตบุ๊คแล้ว ผมยังได้ทดลองชมคลิปวิดีโอคอนเสิร์ตและสารคดีทาง YouTube บนคอมพิวเตอร์แล้วส่งสัญญาณเสียงไปที่ LSX II LT ด้วย พบว่า LSX II LT ช่วยทำให้คอนเสิร์ตและสารคดีน่าดูมากขึ้น เพราะพอเสียงมีคุณภาพสูงขึ้น เสียงเปิดกว้างมากขึ้นและได้ยินรายละเอียดมากขึ้น มันก็ช่วยเสริมให้การรับชมคอนเสิร์ตได้อรรถรสมากขึ้น

สำหรับทริคในการเซ็ตอัพเพื่อการใช้งานบนโต๊ะทำงานนั้น เนื่องด้วยระยะนั่งจะถูกบังคับอยู่บนเก้าอี้ที่นั่งทำงานที่เหมาะสมกับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งนั่งได้ ผมจึงต้องทำการปรับระยะวางลำโพงทั้งสองข้างให้เข้ากับตำแหน่งที่นั่งทำงาน ซึ่งได้ระยะลงตัวพอดีๆ อยู่ที่ระยะห่างของลำโพงซ้าย-ขวาอยู่ที่ 85 ซ.ม. ส่วนระยะห่างระหว่างลำโพงแต่ละข้างวัดมาถึงตำแหน่งหู ณ จุดนั่งบนเก้าอี้ทำงานอยู่ที่ 110 ซ.ม. เอียงหน้าลำโพงเข้าหาตำแหน่งนั่งฟังประมาณ 15 องศา เป็นตำแหน่งที่ผมพอใจกับเสียงที่ได้ออกมามากที่สุด

ณ จุดนั้น ผมได้ยินครบทุกคุณสมบัติของเสียง ไม่ว่าเป็นมิติเวทีเสียงที่รับรู้ได้ชัดทั้งด้านกว้างและด้านลึก รายละเอียดของเสียงแยกแยะออกมาได้ครบ ไม่มีมั่ว และที่น่าชื่นชมมากก็คือ ไดนามิกของเสียงที่ตอนแรกผมเกรงว่าจะออกมาไม่ดี เพราะลำโพงตั้งอยู่ใกล้ตัว คือเกรงว่าเร่งวอลลุ่มมากเสียงจะล้นรึเปล่า.? ถ้าหรี่วอลลุ่มให้เบาลงก็เกรงว่าไดนามิกจะสวิงได้ไม่กว้าง เสียงจะอั้น ไม่เปิดกระจ่างรึเปล่า.. โทนัลบาลานซ์ก็จะไม่เต็ม เร่งวอลลุ่มเบาไปเสียงทุ้มก็จะไม่ออกมารึเปล่า…??

พอได้ลองเซ็ตอัพ LSX II LT ใช้งานจริงกับคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานแล้ว หลังจากกำหนดตำแหน่งวางลำโพงทั้งสองข้างเสร็จ ผมก็เข้าไปทำการปรับตั้ง EQ settings ในแอพฯ KEF Conncet เพื่อกำหนดการทำงานของ LSX II LT ให้เหมาะสมกับลักษณะการจัดวางในขณะนั้น พอเซ็ตอัพเสร็จ ทุกปัญหาที่กังวลก่อนหน้านั้นก็หายวับไปกับตา.!!! เสียงที่ออกมาทำให้ยิ้มออก และทำให้เสียงของคอมพิวเตอร์ของผมถูยกระดับขึ้นไปอีกหลายขั้น..!!
*** HIGHLY RECOMMENDED.!!! สำหรับคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทุกคน..!!!

สรุป

ถ้าคุณเป็น นักเล่นเครื่องเสียงที่กำลังมองหาลำโพงที่ให้เสียงดีที่สุดตามมาตรฐานที่นักเล่นเครื่องเสียงต้องการ ก็ต้องขอบอกว่า LSX II LT คู่นี้อาจจะไม่ใช่ลำโพงที่มีคุณสมบัติครบทุกประการตามที่คุณมองหา ซึ่งคุณคงต้องจ่ายมากกว่าราคาค่าตัวของ LSX II LT ขึ้นไปอีกหลายเท่าโดยเปลี่ยนไปมองซีรี่ย์ Reference ของ KEF แทน แต่ถ้าคุณเป็น คนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลงผ่านการสตรีมไฟล์เพลงจากแหล่งต่างๆ และชอบเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์ อยากได้ลำโพงที่ตอบสนองความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี ให้เสียงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี (ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด) ภายในงบประมาณที่ไม่สูงมาก ผมฟันธงให้เลยว่า ลำโพง KEF LSX II LT คู่นี้แหละที่ตอบโจทย์ของคุณได้ตรงตามที่คุณอยากได้ทุกประการ..!!!

**********************
ราคา : 42,900 บาท / คู่
**********************
ช่องทางจัดจำหน่าย :
The Gadget by Vgadz สาขา Central World ชั้น 4 โซน IT Gadget และสาขา เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 2 ติดกับร้าน Big Camera
ร้าน Piyanas ทุกสาขา
ร้าน HD HiFi ทุกสาขา
ร้าน Theater House
ร้าน Audiomate BKK
ร้าน LCDTV THAILAND
ร้าน Munkong สาขา พารากอน (Here by Munkong) และ สาขาออดิโอคาเฟ่ สเตเดียมวัน
Mercular Online
และร้านเครื่องเสียงชั้นนำทั่วประเทศ
********************
หากท่านต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ติดต่อที่
บริษัท วีแกดซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
https://www.vgadz.com/kef/
โทร. 02-692-5216
Line OA: @kefthailand https://lin.ee/XUf7NaM

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า