รีวิว SOUL รุ่น Openear 2 หูฟังไร้สาย

คลื่นเสียงเดินทางเข้ามาถึงประสาทรับคลื่นเสียงในหูของเราได้ 2 ทาง ทางแรกด้วยการส่งผ่านพลังงานคลื่นเสียงโดยอาศัยอากาศเป็นตัวนำ (เรียกว่า Air Conduction) กับทางที่สองคือเปลี่ยนเป็นแรงสั่นสะเทือนมากับโครงกระดูกที่อยู่ใกล้กับประสาทหูเป็นตัวเหนี่ยวนำ (เรียกว่า Bone Conduction)

ถ้ามองในแง่ “ประสิทธิภาพเสียง” หูฟังแบบที่ใช้วิธีส่งผ่านพลังงานคลื่นเสียงมากับอากาศจะให้เสียงที่มีคุณภาพสูงกว่าแบบที่ส่งพลังงานกระตุ้นไปที่กระดูก ทั้งในแง่ของความดังและรายละเอียด

หูฟังสำหรับตลาดผู้บริโภคทั่วไปที่มีวางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้มีให้เลือกซื้อทั้งสองเทคโนโลยีนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการเน้น “คุณภาพเสียง” ก็ต้องเลือกใช้หูฟังที่ส่งผ่านคลื่นเสียงมากับอากาศ ซึ่งถ้าเน้นคุณภาพเสียงมากๆ ก็ต้องเป็นหูฟังประเภทที่เสียบไดเวอร์เข้าไปในรูหู (อย่างพวก in-ear ทั้งหลาย) กับหูฟังแบบครอบหู+ตู้ปิด (full size + closed back) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ช่วยป้องกันเสียงจากภายนอกเล็ดลอดเข้าไปรบกวนเสียงของหูฟัง

แต่ถ้าเน้นความปลอดภัย เพราะขณะสวมใส่ต้องมีการเคลื่อนที่ไปด้วย อย่างเช่น ใช้รับสายโทรศัพท์ขณะเดินทางลักษณะเดียวกับ small talk หรือใช้สวมขณะออกกำลังกาย, วิ่ง หรือฝึกซ้อมท่าเต้น ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะไม่เหมาะกับหูฟังที่ใช้ด้วยวิธีแยงเข้าไปในรูหู ถ้านำไปใช้จะก่อให้เกิดอันตรายได้ง่ายเพราะจะทำให้ผู้ใช้ไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง

ปัจจุบันได้มีการคิดหาวิธีทำให้หูฟังแบบปิดหูกับแบบแยงเข้าไปในรูหูสามารถเปิดรับสัญญาณเสียงจากภายนอกให้เข้ามาในหูฟังได้ผ่านการขยายเสียงด้วยไมโครโฟนขนาดจิ๋วที่ฝังอยู่ในบอดี้ของตัวหูฟัง เรียกว่าเทคโนโลยี Ambient Sound แต่ก็ยังไม่เหมาะกับการใช้งานแบบเจาะจงบางประเภท อย่างเช่นใช้ใส่ขณะออกกำลังกาย เพราะหูฟังแบบฟูลไซร์ที่มีเทคโนโลยี Ambient Sound มีน้ำหนักมากเกินไป และไม่กันเหงื่อ ส่วนหูฟัง in-ear แบบสอดเข้าไปในรูหูแม้ว่าจะมีเทคโนโลยี Ambient Sound ก็ไม่เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายอยู่ดี เพราะตัวหูฟังแยงอยู่ในรูหูตลอดเวลาจะทำให้เกิดความรำคาญและอึดอัดขณะออกกำลังกาย อีกทั้งส่วนใหญ่จะไม่กันเหงื่อด้วย

หูฟังที่เหมาะกับการใช้งานขณะออกกำลังกายที่ต้องมีการเคลื่อนที่ร่างกายตลอดเวลา อย่างเช่น วิ่ง, ขี่จักรยาน หรืออยู่ในยิม จะต้องมีคุณสมบัติ 5 ประการ ดังนี้

1. ต้องใช้วิธีกระจายคลื่นเสียงโดยที่ “ไม่ต้อง” แยงไดเวอร์เข้าไปในรูหู เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สวมใส่สามารถได้ยินเสียงแวดล้อมจากภายนอกไปพร้อมกันด้วย (*เพื่อความปลอดภัย)

2. ตัวหูฟังต้องมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้ใช้ (*เพื่อความคล่องตัว)

3. โครงสร้างของตัวหูฟังต้องสวมใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย

4. เชื่อมต่อสัญญาณด้วยวิธีไร้สายด้วยคลื่น Bluetooth เพื่อความสะดวกในการใช้งาน (*เพื่อความคล่องตัว)

5. ต้องมีคุณสมบัติกันน้ำได้ (*เพื่อความทนทาน)

SOUL รุ่น Openear 2
ครบเครื่องสำหรับการออกกำลังกาย

หูฟังของ SOUL รุ่น Openear 2 ตัวนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ขณะออกกำลังกายโดยเฉพาะ มันมีคุณสมบัติครบทั้ง 5 ประการ ข้างต้น

Open-Ear ดีไซน์

ข้อแรกคือ Openear 2 เป็นหูฟังที่ออกแบบมาตามชื่อของมัน นั่นคือเวลาใช้งานไม่ต้องสอดตัวหูฟังเข้าไปในรูหู เนื่องจากบนบอดี้ของตัวหูฟังจะมีช่องเล็กๆ ที่เจาะไว้สำหรับระบายคลื่นเสียง (ศรชี้รูปบน) อยู่ตรงส่วนปลายบนตัวบอดี้ของหูฟังแต่ละข้าง เวลาสวมใส่ก็แค่แปะบอดี้ของตัวหูฟังไว้ข้างๆ รูหู (ภาพล่าง) โดยให้รูที่เจาะไว้ระบายคลื่นเสียงอยู่ตรงกับรูหูและใกล้ที่สุดก็พอ เวลาใช้งาน คลื่นเสียงจากตัวหูฟังจะเดินทางจากรูระบายคลื่นเสียงไปเข้ารูหูโดยอาศัยอากาศเป็นพาหะ และเมื่อตัวบอดี้ของหูฟังไม่ได้เข้าไปบดบังอยู่ในรูหู ก็จะทำให้ผู้ใช้ยังคงได้ยินเสียงอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวไปพร้อมกับเสียงที่ออกมาจากหูฟัง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความปลอดภัยขณะใช้งานตอนวิ่งออกกำลังกาย, ขี่จักรยาน หรือแม้แต่เดินอยู่ข้างถนน

เบามากกก..!!

ตัวหูฟังทั้งสองข้างถูกออกแบบให้ยึดโยงกันด้วยเส้นพลาสติกกลมๆ เส้นเล็กๆ แต่มีความยืดหยุ่นสูง และที่สำคัญคือ ทั้งตัวโครงสร้างและหูฟังทั้งสองข้างมีน้ำหนักรวมกันแค่ 13 กรัม เท่านั้นเอง เบามาก..!!! เวลาใส่แทบจะไม่รู้สึกว่ามีน้ำหนักกดอยู่บนศีรษะเลย.!

One Size Fits Allสวมกระชับเข้ากับทุกขนาดของศีรษะ

ตัวโครงที่เป็นเส้นพลาสติกตรงจุดที่เชื่อมต่อกับบอดี้ของหูฟังถูกออกแบบให้มีลักษณะโค้งรับกับหลังหูที่ใช้คล้องหูฟังทั้งสองข้าง อีกทั้งขนาดของโครงเส้นพลาสติกที่ออกแบบให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก กับลักษณะที่ยืดหยุ่นได้พอสมควร ทำให้ตัวโครงพลาสติกของหูฟังสามารถรัดตรึงเข้ากับศีรษะได้หลายขนาด ขณะสวมใส่จะให้ความรู้สึกกระชับ ไม่หลุดง่าย และไม่ทำให้เกิดความอึดอัดขณะใช้งานเนื่องจากน้ำหนักที่เบามากนั่นเอง

ไร้สายของจริงด้วย Bluetooth v5.0

Openear 2 เป็นหูฟังไร้สายที่ใช้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณผ่านทางคลื่น Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ที่มีความเสถียรสูง และให้ระยะเชื่อมต่อได้ไกล วิธีเชื่อมต่อก็ทำได้ง่ายมาก หลังจากชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้ว เพียงแต่ใช้ปลายนิ้วจิ้มไปที่โลโก้ S บนหูฟังข้างขวาค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จนไฟ LED ดวงเล็กๆ (ศรชี้สีเขียว) สว่างขึ้นเป็นสีฟ้าสลับแดง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าตัวหูฟังพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของคุณผ่านทาง Bluetooth แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือเปิดเข้าไปที่ฟังท์ชั่น Bluetooth บนอุปกรณ์ของคุณแล้วเลือกกดรับการเชื่อมไปที่ชื่อ SOUL OPENEAR 2เป็นอันเสร็จพิธี พร้อมใช้งาน

กันน้ำมาตรฐาน IPX4

เนื่องจากตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้ใช้ขณะออกกำลังกายทั้งกลางแจ้งและในยิม หูฟังตัวนี้จึงถูกผลิตออกมาให้มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX4 คือสามารถสัมผัสกับเหงื่อและละอองฝนได้โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับตัวหูฟัง

แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง

แบตเตอรี่ในตัวสามารถรีชาร์จได้ผ่านทางช่อง USB-C (ศรชี้ภาพบน) ที่มีฝายางปิดกันฝุ่นและกันน้ำ ซึ่งการชาร์จแต่ละครั้งใช้เวลาไม่นาน ตอนเสียบสายชาร์จไฟ LED (ศรสีเขียว ภาพล่าง) จะสว่างขึ้นเป็นสีแดง เมื่อชาร์จเต็มไฟจะดับลง และสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จจนเต็มแต่ละครั้ง ครอบคลุมช่วงเวลาออกกำลังกายของคุณได้สบายๆ

สั่งงานด้วยสัมผัส

พื้นที่ด้านหลังบนบอดี้ของหูฟังข้างขวาติดตั้งเซ็นเซอร์รับการสังงานแบบสัมผัสเอาไว้ คุณสามารถใช้ปลายนิ้วแตะลงบนแป้นพลาสติกที่ติดอยู่บนตัวบอดี้ของหูฟังข้างขวาเพื่อควบคุมสั่งงานได้ทุกฟังท์ชั่นที่หูฟัง Openear 2 ตัวนี้ถูกกำหนดมาให้ทำได้

อาทิเช่น ต้องการเปิดเครื่องขึ้นมาใช้งานให้แตะปลายนิ้วค้างไว้ประมาณ 3 วินาที ต้องการปิดเครื่องก็แตะค้างไว้ประมาณ 5 วินาที กรณีใช้ควบคุมการเล่นเพลง ขณะกำลังเล่นเพลงอยู่ ถ้าแตะสั้นๆ หนึ่งครั้งจะเป็นการสั่งหยุดเล่นชั่วคราว (pause) แตะซ้ำกลับมาเล่นต่อ ถ้าแตะสั้นๆ 2 ครั้งติดกันเป็นการเลื่อนไปเล่นเพลงถัดไป ถ้าแตะสั้นๆ ติดกัน 3 ครั้งเป็นการสั่งย้อนกลับไปเล่นเพลงก่อนหน้า ในขณะฟังเพลงถ้ารับสายโทรเข้าเสร็จ ให้แตะสั้นๆ หนึ่งครั้งเป็นการวางสาย ถ้าแตะสั้นๆ ติดกัน 2 ครั้งเป็นการปฏิเสธที่จะรับสายนั้น กรณีที่หูฟังทำงานผิดปกติ ต้องการ reset ค่าใหม่ก็แตะสั้นๆ ติดกัน 5 ครั้ง

เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง

รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ 2 เครื่องพร้อมกัน สามารถสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์สองชิ้นไปมาได้ทันที เป็นฟังท์ชั่นที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้มาก

ผลการทดสอบใช้งาน

ความประทับใจจากการทดสอบหูฟังตัวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้นเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone 12 ของผมเลยทีเดียว เพราะมันเชื่อมต่อเร็วมาก และหลังจากการเชื่อมต่อครั้งแรกแล้ว จากนั้น ถ้า iPhone 12 ของผมเปิด Bluetooth ทิ้งไว้ พอผมแตะเปิดการทำงานของหูฟังตัวนี้ขึ้นมา มันก็เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของผมทันทีโดยอัตโนมัติ และเมื่อสมาร์ทโฟนอยู่กับตัวผม การเชื่อมต่อระหว่าง Openear 2 ตัวนี้กับสมาร์ทโฟนของผมก็ไม่เคยหลุดออกจากกันเลย ไม่ว่าผมจะเคลื่อนไหวตัวเร็วๆ ก็ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับการเชื่อมต่อและการสั่งงานแต่อย่างใด ในแง่การเชื่อมต่อถือว่ามีความเสถียรสูงมาก

เรื่อง น้ำหนักก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของหูฟังตัวนี้ที่ผมชอบมากกับความเบาของมัน เวลาสวมใช้งานแทบจะไม่รู้สึกเลยว่ามีหูฟังหนีบอยู่ข้างหู ส่วนเรื่องการควบคุมสั่งงานด้วยการสัมผัสก็ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับคำสั่งต่างๆ และทำความคุ้นเคยกับน้ำหนักและความกระชั้นในการแตะนิดนึง แต่คิดว่าถ้าเป็นคนที่เคยใช้งานหูฟังที่ควบคุมสั่งงานด้วยระบบสัมผัสลักษณะนี้มาก่อนก็ไม่น่าจะยากในการทำความคุ้นเคยแต่อย่างใด

ทางด้าน เสียงนั้นเป็นอะไรที่เซอร์ไพร้มาก.! เพราะปกติแล้ว ถ้าเป็นหูฟังแบบ in-ear ที่ต้องสอดตัวบอดี้และท่อนำเสียงให้เข้าไปในรูหู ทุกคนที่เคยใช้หูฟังประเภทนั้นจะรู้ดีว่า ถ้ายัดเข้าไปไม่แน่นพอ ช่องหูชีลด์ไม่สนิท เสียงทุ้มจะบางลงมาก ยิ่งเป็นหูฟังคุณภาพต่ำบางทีอาจจะถึงขั้นเสียสมดุลของโทนเสียงไปเลยก็มี คือเสียงจะเบาวูบลง ทุ้มแทบจะหายไปเหลือแต่กลางกับแหลม ฟังไม่ได้ไปเลย แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นหูฟัง in-ear ระดับไฮเอ็นด์ แต่ถ้าดึงออกมาห่างจากรูหูแค่นิดเดียวเบสก็หายเหมือนกัน เสียงโดยรวมจะเบาและบางลง น้ำหนักเสียงจะอ่อนระโหยโรยแรงลงไปทันที ทั้งไดนามิกและเนื้อเสียงด้อยลงไปอย่างมาก แต่กับหูฟัง Open-Ear ของ SOUL ตัวนี้มันกลับให้เสียงที่มีสมดุลของโทนัลบาลานซ์ที่ดี แม้ว่าในการใช้งานจริง ตัวบอดี้มันอยู่นอกรูหูห่างออกมาเกือบครึ่งเซ็นต์.!! แต่ทั้งเสียงทุ้มกลางแหลมก็ยังผ่านเข้ามาให้ได้ยินอย่างชัดเจน แม้ว่าจะไม่ได้คมเข้มเท่ากับเสียงของหูฟังแบบ in-ear ที่สอดเข้าไปในรูหู แต่เสียงที่ได้ยินก็ถือว่ามาครบ ผมทดลองฟังเพลงกับหูฟังตัวนี้ก็ได้อรรถรสพอสมควร สร้างความเพลิดเพลินในขณะออกกำลังกายได้มาก ดีกว่าปล่อยให้ฟุ้งซ่านไปกับความเงียบ

ที่ชอบอีกอย่างคือมันใช้รับสายโทรเข้าได้นี่แหละ ชอบที่ไม่ต้องไปแตะที่ตัวสมาร์ทโฟนเพราะตอนออกกำลังกายที่อุ้งมือจะมีเหงื่อ ไม่อยากจะไปจับที่ตัวโทรศัพท์ แบตเตอรี่ก็ใช้ได้นาน แทบจะไม่ต้องกดปิดเลยเพราะช่วงออกกำลังกายก็แค่ 2 – 3 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก แบตเตอรี่ที่ให้มาถือว่าเหลือเฟือ ก่อนใช้ชาร์จแค่ครั้งเดียวก็พอ

สรุป

สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงอยู่แล้ว อาจจะมีหูฟังแบบ in-ear ที่มีคุณภาพสูงๆ ใช้สำหรับฟังเพลงอยู่แล้ว ซึ่งไม่เหมาะที่จะเอามาใช้ฟังขณะออกกำลังกาย เพราะหูฟังเหล่านั้นไม่ได้ออกแบบมาให้เปิดรับเสียงจากภายนอก ถ้าเอามาใช้จะเสี่ยงต่ออันตรายได้ อีกทั้งหูฟังแบบ in-ear ทั่วไปมักจะไม่แน่น กรณีที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายเร็วๆ อาจจะหลุดหล่นหายได้

Openear 2 เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเฉพาะเจาะจงให้ใช้ขณะออกกำลังกายโดยตรง มันจึงมีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งในแง่ของความปลอดภัย ไม่ทำให้รู้สึกเป็นภาระกับผู้ใช้ด้วยน้ำหนักที่เบาและโครงสร้างที่โปร่ง กันเหงื่อ รับสายโทฯ ได้ และที่สำคัญคือ ใช้ฟังเพลงได้อรรถรสที่น่าพอใจ รวมๆ คุณสมบัติทั้งหมดนี้กับราคาค่าตัวที่ 990 บาท / ชุด ผมถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ได้ของใช้ตรงกับวัตถุประสงค์โดยที่ไม่ลำบากกระเป๋า..!!
********************
ราคา : 990 บาท / ชุด

***พิเศษ.! สำหรับ FC ของเว็บไซต์ allabout ถ้าไปซื้อหูฟัง SOUL รุ่น Openear 2 ตัวนี้ที่ร้านอัศวโสภณฯ ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาเซ็นทรัล แอมบาสซี่) แล้วบอกกับพนักงานที่ร้านว่าอ่านรีวิวมาจากเว็บไซต์ allabout แห่งนี้ คุณจะได้รับส่วนลด 20% ทันที จากราคาเต็ม 990 บาท เหลือเพียง 792 บาท เท่านั้น*** (โปรโมชั่นนี้มีไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เท่านั้น)

***หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทอัศวโสภณ เช่น ผ่านทาง เว็บไซต์อัศวโสภณ, ผ่านทาง Facebook ของอัศวโสภณ หรือผ่านทาง Line OR ให้กรอกโค๊ด ‘ABOPE20ก็จะได้รับส่วนลด 20% เช่นกัน*** (โปรโมชั่นนี้มีไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 เท่านั้น)

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า