รีวิวเครื่องเสียง Xiaomi ‘1MORE’ รุ่น Omthing AirFree Pods OE005 หูฟังไร้สาย True Wireless แบบ Half In-Ear Earphones

หูฟังเป็นของใช้ที่ใกล้ชิดกับตัวเรามาก โดยเฉพาะหูฟังขนาดเล็กอย่างพวก In-Ear ที่เสียบเข้าไปในรูหูโดยตรง ซึ่งตัวบอดี้กับจุกยางของมันจะบล็อคเสียงจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือไม่ให้มีเสียงภายนอกเล็ดลอดเข้าไปภายในรูหูของผู้ใช้ได้เลย แต่บางคนไม่ชอบ บอกว่าใส่แล้วรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว ในขณะที่บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยเมื่อต้องสวมใส่ใช้งานขณะที่กำลังเคลื่อนที่ไปด้วย

นอกจากอินเอียร์แล้ว หูฟังที่มีลักษณะบอดี้เล็กกระทัดรัดยังมีอีกรูปแบบหนึ่ง เรียกว่า Earbud ซึ่งลักษณะบอดี้จะคล้ายกับแบบ In-Ear แต่ตรงปลายท่อนำเสียงจะไม่มีจุกยางเพื่อบล็อคเสียงภายนอก จึงทำให้มีเสียงจากภายนอกเล็ดลอดเข้าไปภายในรูหูได้บ้าง ซึ่งตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบ In-Ear แท้ๆ ได้ในแง่ของความปลอดภัยแต่ในแง่คุณภาพความชัดเจนของเสียงจะยังคงเป็นปัญหา ปัจจุบัน ได้มีการออกแบบบอดี้ของหูฟังแบบ Earbud ให้มีลักษณะของท่อนำเสียงที่ยื่นยาวเข้าไปในร่องหูมากขึ้น คล้ายบอดี้ของหูฟังแบบ In-Ear แต่ไม่มีจุกยางสวมตรงปลายท่อนำเสียง กลายเป็นแคตากอรี่ใหม่ เรียกว่าหูฟังแบบ “Half In-Earซึ่งเอาข้อดีของหูฟัง In-Ear และ Earbud ในแง่ของคุณภาพเสียง vs. ความปลอดภัยมารวมกันอยู่ในหูฟังประเภทนี้

1MORE Omthing AirFree Pods ของ Xiaomi

นี่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดในอนุกรม “Omthingของ Xiaomi ซึ่งเป็นหูฟังแบบ Half In-Ear ที่ออกแบบมาเน้นให้มีคุณสมบัติทั้งใส่สบาย และฟังสบาย

แกะกล่อง

ภาชนะที่บรรจุหูฟังตัวนี้เป็นกล่องกระดาษสองชั้น ใช้วิธีดึงสไลด์กล่องชั้นในเพื่อเปิด ในขณะที่ตัวหูฟังถูกบรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกที่ถูกชีลด์ด้วยพลาสติกบางๆ ใสๆ แล้วแพ็คอยู่ในบล็อคพลาสติกสีขาวขุ่นอีกที

กล่องพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาว กว้าง x ยาว ประมาณ 5 .. นิดๆ หนาแค่ 2.5 .. ผิวเรียบด้าน เหลี่ยมมุมทั้งสี่ด้านถูกลบเหลาจนโค้งมน หยิบจับได้นุ่มมือ ขนาดกระทัดรัด ซุกอยู่ในอุ้งมือได้เต็ม น้ำหนักของกล่องใส่พร้อมหูฟังทั้งสองข้างอยู่ที่ 55 กรัม เบากว่ามือถือหลายเท่า (น้ำหนักเฉพาะหูฟังสองข้างอยู่ที่ 8 กรัม เท่านั้น)

ที่มุมหนึ่งของตัวกล่องมีห่วงเชือกยาวๆ ติดไว้ เข้าใจว่าสำหรับคล้องกับเข็มขัด เป้ หรือกระเป๋า เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการหยิบใช้งานขณะเดินทาง

บนตัวกล่องด้านนอกคุณจะพบว่ามีแค่ช่องเสียบขั้วต่อ USB-C อยู่หนึ่งช่องเท่านั้น ให้มาสำหรับใช้เสียบชาร์จไฟเข้ากล่อง ซึ่งในกล่องมีแบตเตอรี่ขนาด 400mAh สำหรับกักเก็บกระแสไฟ เมื่อเปิดฝากล่องขึ้นมา จะเห็นว่าพื้นที่ด้านในทำเป็นหลุมพลาสติกแข็งสำหรับบรรจุหูฟังโดยมีตัวอักษรพิมพ์ระบุข้างซ้าย/ขวาของหูฟังเอาไว้ชัดเจน (R / L) นอกจากนั้นก็มีหมุดโลหะตัวนำสีทองอยู่ข้างละสองตัว ซึ่งตอนใส่หูฟังลงไปในช่อง หมุดสีทองทั้งสองจะอยู่ในตำแหน่งที่สัมผัสเข้ากับแป้นโลหะตัวนำบนตัวหูฟังพอดีๆ เป็นจังหวะที่ไฟที่เก็บอยู่ในกล่องจะถูกชาร์จให้กับหูฟังโดยอัตโนมัติ และบนพื้นที่ด้านล่างของหลุมใส่หูฟังจะมีไฟ LED อยู่ 4 ดวง ซึ่งมีไว้ใช้แสดงสถานะขณะชาร์จไฟเข้ากล่องและชาร์จไฟเข้าหูฟัง

การชาร์จไฟ

ตัวหูฟังใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และจะใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 5 ชั่วโมง หลังจากนั้นสามารถชาร์จผ่านกล่องได้อีก 4 ครั้ง รวมแล้วใช้งานได้ทั้งหมดประมาณ 25 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งตัวหูฟังและกล่องชาร์จ

ชาร์จไฟจากกล่องโดยตรง

ชาร์จไฟจากปลั๊กไฟโดยผ่านกล่อง นอกจากนั้น หูฟังตัวนี้ยังถูกออกแบบมาให้สามารถชาร์จไฟจากแท่นชาร์จแบบไร้สายได้ด้วย

รูปร่างหน้าตา + ฟังท์ชั่นของตัวหูฟัง

ทั้งสีสัน, ขนาด และรูปร่างของตัวหูฟัง Omthing AirFree Pods มาทรงเดียวกับ Apple AirPods มาก ส่วนที่ต่างกันอยู่ที่ส่วนก้าน ซึ่งก้านของ Omthing AirFree Pods จะมีลักษณะที่อวบใหญ่กว่า ความยาววัดจากบอดี้ถึงปลายสุดของก้านอยู่ที่ 4 .. ในขณะที่ตัวบอดี้ที่มีทรงกลมๆ โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 1.7 x 1.5 .. บนตัวก้านจะถูกติดตั้งตัวนำสำหรับชาร์จไฟ และระบบการควบคุมสั่งงานด้วยวิธีสัมผัส

ช่องนำเสียงของหูฟังตัวนี้อยู่ที่ด้านข้างของตัวบอดี้ โดยมีตะแกรงโลหะปิดอยู่ด้านหน้าเพื่อป้องกันไดเวอร์เอาไว้

หูฟังตัวนี้ใช้ระบบ noise-canceling แบบ cVc (Clear Noise Capture) เวอร์ชั่น 8.0 ซึ่งออกแบบมาช่วยเพิ่มความคมชัดของเสียงสนทนาโทรศัพท์เป็นหลัก ทำงานโดยใช้ไมโครโฟนที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านหลังก้านหูฟังตรวจวัดความดังจากสภาพภายนอก และใช้ไมโครโฟนตัวที่อยู่ด้านล่างของก้านหูฟังรับเสียงพูดของเรา เอามาเทียบกัน วงจร noise-cancelling cVc 8.0 จะทำการตัดเสียงรบกวนที่มีความดังไม่มากออกไป อย่างเช่นเสียงลม ส่วนเสียงแวดล้อมที่มีความดังมากๆ จะไม่ได้ถูกตัดออกไปทั้งหมด แต่เสียงพูดของเราจะถูก boost ให้ดังขึ้นสู้กับเสียงภายนอก ทำให้คู่สนทนาได้ยินเสียงของเราได้ชัดขึ้น นอกจากนั้น หูฟังตัวนี้ยังมีระบบ noise-canceling แบบ ENC (Environmental Noise Cancellation) เข้ามาเสริมเพื่อช่วยลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมขณะใช้หูฟังให้ได้ยินเสียงที่ดีขึ้นอีกด้วย

ประสิทธิภาพ

หัวใจของ Omthing AirFree Pods คือชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของ Qualcomm เบอร์ QCC3020 ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพสูงในสี่คุณสมบัติสำคัญคือใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่าเดิม, การเชื่อมต่อของคลื่น Bluetooth ที่มีความสเถียรมากขึ้น, รองรับระบบเสียงที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง aptX และกินไฟต่ำ

Omthing AirFree Pods ใช้ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ในการเชื่อมต่อสัญญาณกับอุปกรณ์อื่นๆ โดยรองรับฟังท์ชั่นใช้งานตามมาตรฐานของโปรไฟล์ HSP/HFP/A2DP และ AVRCP ส่วนทางด้านสัญญาณเสียงนั้น นอกจากฟอร์แม็ต aptX แล้ว หูฟังตัวยังนี้รองรับการเข้ารหัสเสียงด้วยฟอร์แม็ต AAC และ SBC ด้วย ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์พกพาที่ใช้ระบบปฏิบัตการณ์ iOS และ Android ได้อย่างลื่นไหล

ไดเวอร์ที่ใช้ในหูฟังตัวนี้เป็นแบบไดนามิก ขนาดของไดอะแฟรมพร้อมเซอร์ราวนด์อยู่ที่ 13 .. ส่วนที่เป็นไดอะแฟรมทำมาจากโลหะ ไตตาเนี่ยม มีความต้านทานอยู่ที่ 32 โอห์ม ถ่ายทอดความถี่เสียงครอบคลุมตั้งแต่ 20Hz ขึ้นไปจนถึง 20kHz

ฟังท์ชั่นสั่งงานด้วยการสัมผัส

การควบคุมการเล่นเพลงและรับสายโทรศัพท์ของหูฟังตัวนี้ใช้วิธีแตะลงบนก้านของหูฟัง ซึ่งทั้งข้างซ้ายและข้างขวาสามารถรับคำสั่งที่ต่างกัน ดังนี้

แตะ1 ครั้ง = รับสายโทรฯ เข้า หรือ ขณะเล่นเพลงจะเป็นการสั่งหยุดเล่นเพลงชั่วคราว
แตะ 2 ครั้ง = วางสายหลังโทรฯ เสร็จ หรือ ปฏิเสธไม่รับสายเข้า
แตะ 3 ครั้ง = เปิดการสั่งงานด้วยเสียง
แตะก้านหูด้านซ้ายค้างไว้นานประมาณ 1 วินาที = ย้อนไปเล่นเพลงก่อนหน้า
แตะก้านหูด้านขวาค้างไว้นานประมาณ 1 วินาที = ข้ามไปเล่นเพลงถัดไป
ขณะกำลังฟังเพลง แตะ 2 ครั้งที่ก้านหูด้านซ้าย = เพิ่มความดัง
ขณะกำลังฟังเพลง แตะ 2 ครั้งที่ก้านหูด้านขวา = ลดความดัง
แตะค้างไว้ที่ข้างใดก็ได้นาน 5 วินาที = เปิด / ปิด การทำงาน

แอพลิเคชั่น Omthing

Omthing มีแอพลิเคชั่นให้ใช้กับหูฟังตัวนี้ โหลดได้ฟรีจาก app store แต่ในนั้นยังไม่ค่อยมีฟังท์ชั่นอะไรให้ใช้งานมากนัก น่าจะยังใหม่อยู่ แต่ที่สำคัญและจำเป็นคือเข้าไปอัพเดตเฟิร์มแวร์ ซึ่งเฟิร์มแวร์ตัวใหม่ล่าสุด V0.00.32 มีอัพเกรดให้เสียงดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเดิมที่ติดมากับตัวหูฟังมาก ฟังออกได้อย่างชัดเจน ใครซื้อหูฟังตัวนี้ไปใช้ อย่างแรกที่แนะนำคือให้อัพเฟิร์มแวร์ใหม่ซะก่อนจะเริ่มใช้งาน!

ผลการทดลองใช้งาน

อย่างแรกที่หูฟังตัวนี้ทำให้รู้สึกประทับใจก็คือน้ำหนักที่แสนจะเบาของมัน ทำให้ใส่แล้วไม่รู้สึกรำคาญไม่เป็นภาระของหู ส่วนความประทับใจลำดับที่สองคือความเสถียรของการเชื่อมต่อที่นิ่งสนิทมาก ผมทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เปิดเพลง วางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะรับแขกในบ้าน แล้วทดลองเดินไปทั่วๆ บ้าน ปรากฏว่าการเชื่อมต่อไม่มีปัญหาเลย ติดนิ่งตลอด ซึ่งในสเปคฯ แจ้งว่าระยะหวังผลของการเชื่อมต่อสำหรับหูฟังตัวนี้อยู่ที่รัศมี 10 เมตร โดยรอบ แสดงว่า Bluetooth 5.0 เจ๋งจริง.!!

ความประทับใจอย่างที่สามคือคุณภาพเสียง ซึ่งปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบหูฟังแบบ Earbuds สักเท่าไหร่ เพราะผมเป็นคนชอบฟังเพลงมาก จึงให้ความสำคัญกับหูฟังในแง่ของการฟังเพลงมากเป็นพิเศษ ซึ่งหูฟังแบบ Earbuds เก็บเสียงได้ไม่ดีเท่ากับอินเอียร์ เมื่อเปิดเพลงฟังจะมีเสียงจากภายนอกลอดเข้ามารบกวนเสียงเพลงที่ฟัง ทำให้ฟังเพลงไม่ค่อยชัด แต่กับ Omthing AirFree Pods ตัวนี้ต้องยอมรับในประสิทธิภาพของภาค noise canceling ของมันซึ่งทำงานได้ผลดีมาก สามารถลดเสียงแวดล้อมลงไปได้เยอะ เวลาฟังเพลงผมจึงได้ยินรายละเอียดของเพลงได้ชัด* และได้ยินความถี่มาครบ ทุ้มกลางแหลม แม้ว่าในย่านเสียงทุ้มจะยังไม่อิ่มแน่นเหมือนหูฟัง In-Ear ราคาแพงๆ ที่ผมใช้อยู่ แต่เมื่อคำนึงถึงราคาของหูฟังตัวนี้ที่อยู่ในหลักพันต้นๆ และด้วยความที่มันเป็นหูฟังแบบ Half In-Ear อย่างนี้ ในแง่เสียงทุ้มและความอิ่มของมวลเสียงที่ทำออกมาได้ขนาดนี้ก็ต้องถือว่าทำได้ดีมากแล้ว

* ตอนแกะกล่องใหม่ๆ เสียงของหูฟังตัวนี้จะออกมาบางๆ เบสไม่ค่อยมี อย่าเพิ่งตกใจ แนะนำให้เปิดเพลงแล้วกด repeat ทิ้งไว้ เร่งวอลลุ่มไว้ประมาณ 50% เป็นวิธีการเบิร์นฯ ให้ไดเวอร์ทำงาน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเสียงจะอิ่มขึ้น และความถี่จะมาครบมากขึ้น หลังจากนั้นเมื่อใช้งานต่อไปเรื่อยๆ เสียงก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ

การควบคุมสั่งงานด้วยวิธีแตะลงบนก้านหูฟังก็สะดวกดี แต่อาจจะต้องค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับจำนวนครั้งที่แตะกับหผลที่ต้องการไปสักพักก็จะจำได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยกับผมคือตอนเอามือไปจับเพื่อขยับให้หูฟังฟิตอยู่ในร่องหู (มีผลกับคุณภาพเสียง ให้ลองขยับหาตำแหน่งของแต่ละคน) มือจะไปโดนตัวหูฟังแล้วทำให้เพลงหยุดเล่น นอกนั้นก็ไม่ีปัญหาอะไรในการใช้งาน จากการทดลองใช้ฟังท์ชั่นต่างๆ ผมพบว่า มันตอบสนองได้ดี ไม่ค่อยเอ๋อ.. /

*********************
ราคา : 1,199 บาท / ชุด
*********************
สนใจสั่งซื้อได้ที่
https://shp.ee/nfamypz

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า