รวม “อุปกรณ์เสริม” ที่ “ใช้ติดที่” ประจำปี 2567 ที่ผ่านมา..!!

คำว่า “ใช้ติดที่” ในที่นี้ ผมตั้งใจสื่อว่า เป็นอุปกรณ์เสริมที่ผมจะ ”ต้อง“ ใช้ประกอบอยู่ในซิสเต็ม ”ทุกครั้ง“ ที่ทำการทดสอบอุปกรณ์เครื่องเสียง ”ทุกชิ้น“ ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา

ใน ปี 2567 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสทดสอบอุปกรณ์เครื่องเสียงทั้งหมด 40 ชิ้น แยกเป็นลำโพง 16 คู่, แอมป์ 8 ตัว, แหล่งต้นทางสัญญาณ 10 ตัว ที่เหลือเป็นอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อีก 6 ตัว

ในขั้นตอนการฟังเสียงของอุปกรณ์แต่ละชิ้นที่เป็นลำโพง, แอมป์ และแหล่งต้นทางสัญญาณ เพื่อสรุปผลครั้งสุดท้ายก่อนเขียนรายงาน ผมจะทดลองแม็ทชิ่ง+เซ็ตอัพ+ปรับจูน ซิสเต็มที่ใช้ในการทดสอบอุปกรณ์เครื่องเสียงชิ้นนั้นด้วยการทดลองเอาเครื่องนี้เข้าเอาเครื่องนั้นออก แล้วลองฟังเสียงจนได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดจึงนำผลทางเสียงมาสรุปเป็นรีวิว

ซึ่งในขั้นตอน ”ปรับจูน“ นั้นผมจะเอาอุปกรณ์เสริมประเภทต่างๆ มาทดลองใช้ในซิสเต็มที่ใช้ทดสอบ ทั้งที่เป็นอุปกรณ์เสริมที่เป็นแบบ active คือต้องเสียบไฟเอซี และแบบ passive ที่ไม่ต้องเสียบไฟ อันไหนใส่เข้าไปแล้วได้ผลลัพธ์โดยรวมของเสียงไปในทิศทางที่เป็นบวกก็คงไว้ อันไหนลองใส่เข้าไปในซิสเต็มแล้วพบว่าเสียงโดยรวมมีทิศทางที่แย่ลง หรือได้บางอย่างดีขึ้นในขณะที่บางอย่างแย่ลง แบบนึ้ก็ชักออก

ส่วนการทดสอบอุปกรณ์ประเภท accessories หรืออุปกรณ์เสริม อย่างพวกตัวกรองไฟ, ตัวกรองน้อยซ์ และตัวรองเดือยแหลมของลำโพง ผมจะใช้วิธีเซ็ตอัพซิสเต็มที่ใช้ทดสอบขึ้นมาชุดหนึ่งที่ผ่านการแม็ทชิ่ง+เซ็ตอัพ+ปรับจูนที่ลงตัวโดยไม่มีอุปกรณ์เสริมชนิดที่กำลังจะทดสอบอยู่ในซิสเต็ม อย่างเช่น ถ้าจะทดสอบตัวรองเดือยแหลมของลำโพง ในซิสเต็มที่ใช้ทดสอบก็จะไม่มีตัวรองเดือยแหลม การเซ็ตอัพและปรับจูนลำโพงกระทำโดยวางเดือยแหลมลงบนพื้นห้องโดยตรง หลังจากลงตัวแล้วจึงค่อยเอาที่รองเดือยแหลมที่ต้องการทดสอบเข้าไปใช้ในซิสเต็มแล้วฟังผล

ในจำนวนอุปกรณ์เสริมทั้งหมดที่ผมมีโอกาสทดลองใช้ยาวๆ ในซิสเต็มทดสอบช่วง ปี 2567 ที่ผ่านมา มีอยู่จำนวนหนึ่งที่ผมพบว่า ไม่ว่าจะยกเข้าไปใช้ในซิสเต็มไหนมันก็ให้ผลลัพธ์ทางเสียงโดยรวมออกมาในทิศทางที่เป็นคุณกับเสียง “ทุกครั้ง” เรียกว่า ยกเข้าไปเสริมแล้วต้องทิ้งคาไว้แบบนั้น ยกออกไม่ได้ มีอยู่ทั้งหมด 7 ชิ้น ดังนี้ (*ลำดับไม่ได้เรียงตามระดับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเสียงของซิสเต็ม)

1

ตัวกรองไฟ
Pulito รุ่น micro 0.6hr

รวมๆ แล้ว noise หรือสิ่งรบกวนที่เข้ามารบกวนในซิสเต็มเครื่องเสียงจะมี “ต้นเหตุ” อยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ แพร่มากับกระแสไฟฟ้าที่ป้อนเข้ามาที่เครื่องเสียง ซึ่งอาจจะเป็น noise ที่แพร่มาจากอากาศ หรือกำเนิดขึ้นจากการทำงานของอุปกรณ์ประเภทมอเตอร์หรือหม้อแปลง กับอีกต้นตอที่ทำให้เกิด noise ก็คือแรงสั่นสะเทือนแบบซ้ำๆ และต่อเนื่องที่เรียกว่า vibration นั่นแหละ

อุปกรณ์เสริมที่ใช้กันอยู่ในวงการเครื่องเสียงแทบจะทุกชนิดถูกออกแบบมาด้วยจุดประสงค์เพื่อขจัด noise ที่มาจากสองสาเหตุหลักๆ ที่กล่าวมาข้างบนนั่นเอง ซึ่ง Pulitomicro 0.6hrก็คือตัวกรองไฟที่ถูกออกแบบมาเพื่อขจัด noise ที่เกาะติดมากับกระแสไฟออกไปจากระบบก่อนจะป้อนให้กับอุปกรณ์เครื่องเสียง เพื่อให้กระแสไฟที่ป้อนให้กับชุดเครื่องเสียงมีความสะอาดบริสุทธิ์ ส่งผลให้อุปกรณ์เครื่องเสียงทำงานได้เต็มสมรรถนะมากที่สุด

หัวใจสำคัญที่ Pulitomicro 0.6hrใช้ในการขจัด noise ก็คือหม้อแปลง isolate ที่พันขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ทำให้ Pulitomicro 0.6hrตัวนี้มีความพิเศษเหนือกว่าคตัวกรองไฟอื่นๆ ที่ผมเคยทดสอบมาก็คือว่ามันไม่ได้ทำให้กระแสไฟสะอาดเท่านั้น เพราะตัวกรองไฟตัวอื่นๆ ที่โฆษณาว่าทำให้กระแสไฟสะอาดเหมือนตัวนี้ก็ไม่ได้ให้เสียงออกมาในลักษณะที่มี “ความเป็นดนตรี” ที่สละสลวยสวยงามมากเท่ากับ Pulitomicro 0.6hrตัวนี้ เพราะเคล็ดลับที่ คุณปัญญา แห่งสำนัก แสงทองวิทยุ 2494 เจ้าของผลิตภัณฑ์ตัวนี้แอบกระซิบให้รู้ก็คือว่าภายในตัวถังของ micro0.6hr ตัวนี้มีวงจรพิเศษที่เขาเรียกมันว่า “Harmonics Resonance” (ที่มาของตัวย่อ hr ที่ต่อท้ายรหัสรุ่น) ฝังอยู่ในนั้น.. ถ้าสงสัยใคร่รู้ว่าเจ้าวงจร Harmonics Resonance เนี่ยมันคืออะไร.? ทำงานยังไง.?? เหตุใดจึงทำให้ตัวกรองไฟยี่ห้อ Pulito ตัวนี้ให้เสียงออกมาดีซะจนผมต้องถึงกับ “ใช้ติดที่” ถอดไม่ออกแบบนี้ แนะนำให้คลิ๊กเข้าไปอ่านรีวิวตัวเต็มของ Pulitomicro0.6hrตัวนี้ได้ที่ลิ้งค์ https://www.allabout.in.th/review-pulito-%c2%b50-6hr/ นี้เลย.!!

2

ตัวกรองไฟ
RN Marsh Design รุ่น NoiseTrap

อุปกรณ์เสริมตัวนี้ก็ทำหน้าที่ในการขจัด noise ที่เกาะติดมากับกระแสไฟเอซีเช่นกัน แต่มันมีลักษณะการทำงานที่แตกต่างจากตัว Pulitomicro0.6hrและตัวกรองไฟอื่นๆ ตรงที่ว่า วงจรอิเล็กทรอนิคที่ใช้ลดสัญญาณรบกวนในตัว NoiseTrap ของ RN Marsh Design ตัวนี้มันถูกออกแบบมาให้สามารถทำงานได้ (คือสามารถกรองขยะออกไปจากกระแสไฟฟ้าได้) โดยที่ตัววงจรของมัน “ไม่ต้อง” เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่ “ขวางทางเดิน” ของกระแสไฟ เพราะมีนักออกแบบตัวกรองไฟบางคนค้นพบมาว่า ถ้าเอาวงจรอิเล็กทรอนิคที่ทำหน้าที่กรองไฟไปขวางทางเดินของกระแสไฟ เหมือนเครื่องกรองน้ำที่เอาผงถ่านกับสำลีไปขวางทางน้ำ แม้ว่ามัน (วงจรกรองไฟนั้น) จะสามารถกรองขยะออกไปจากกระแสไฟได้ก็จริง แต่การที่มันเข้าไปขวางทางเดินของกระแสไฟจะทำให้เป็นต้นเหตุของเสียงที่อั้น เพราะกระแสไฟถูกทำให้เดินทางได้ช้าลง ไม่ทันกับความต้องการของภาคจ่ายไฟของแอมป์ขณะที่ต้องกระชากกระแสไฟเข้าไปเลี้ยงวงจรจำนวนมากอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น ช่วงที่เพลงโหมขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เสียงอั้นตื้อ ไม่เปิดกระจ่างและไม่สามารถสวิงได้นามิกออกมาได้เต็มสเกล

วงจรกรองไฟของ NoiseTrap ตัวนี้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าตัววงจรจะไมได้เข้าไอยู่ในทางเดินเดียวกับกระแสไฟ (เรียกว่าต่อแบบขนาน) จึงไม่ทำให้เกิดปัญหาเสียงอั้นตื้อ ในทางกลับกัน ผลจากการทำงานของวงจรกรองในตัว NoiseTrap กลับทำให้เสียงมีลักษณะที่เปิดกระจ่าง และสวิงไดนามิกได้อย่างอิสระเต็มที่มากยิ่งขึ้น.. นี่คือสาเหตุที่ผมต้องเสียบตัว NoiseTrap ไว้ที่ปลั๊กไฟที่ผมเสียบเพาเวอร์แอมป์ “ติดที่” คาไว้แบบนั้นโดยไม่ถอดออกเลย..!!! อยากรู้จักอุปกรณ์เสริมตัวนี้ให้มากขึ้น แนะนำให้คลิ๊กเข้าไปอ่านรีวิว RN Marsh DesignNoiseTrapตัวนี้ได้ที่ลิ้งค์ https://www.allabout.in.th/review-rn-marsh-design-noise-traps/ นี้เลย..!!!

3

ตัวกรอง noise ของเน็ทเวิร์ค
Clef Audio รุ่น StreamBRIDGE-X

เราเต้อร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่มี noise เยอะมาก เพราะมันทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กลาง” ของระบบเน็ทเวิร์คที่วิ่งไปทั่วบ้านรวมถึงเข้ามาที่ชุดเครื่องเสียงที่เราต้องเอาตัวสตรีมเมอร์ไปเชื่อมต่อกับมัน ด้วยเหตุนี้ บรรดาชิปโปรเซสเซอร์ที่ทำงานอยู่ในเราเต้อร์จึงไม่ต่างอะไรจาก “บ่อกักขยะ” ในวงเน็ทเวิร์คดีๆ นี่เอง เพื่อขจัดขยะเหล่านี้ออกไป จึงเป็นที่มาของการนำเอาอุปกรณ์เน็ทเวิร์คอีกชนิดหนึ่งเข้ามาใช้ “คั่นกลาง” ระหว่างเราเต้อร์กับตัวสตรีมเมอร์ที่อยู่ในชุดเครื่องเสียง เพื่ออาศัยดูดขยะพิษที่พ่นออกมาจากเราเต้อร์ออกไป ชื่อของอุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือ “เน็ทเวิร์ค สวิทช์(network switch) ซึ่งในวงการไอทีก็มีใช้อยู่แต่อยู่ในรูปของสวิทชิ่งหรือฮับ เพื่อประโยชน์ในการกระจายสัญญาณเน็ทเวิร์คมากกว่าที่จะตั้งใจใช้สำหรับลด noise จากเราเต้อร์ ตัวเน็ทเวิร์ค สวิทช์ระดับไอทีเกรดจึงมีราคาไม่สูง ถามว่าเอามาใช้ในชุดเครื่องเสียงได้มั้ย.? ก็ใช้ได้ แต่อาจจะไม่บรรลุจุดประสงค์ถ้าคุณต้องการใช้เพื่อลด noise จากเราเต้อร์ นั่นจึงเป็นที่มาของ network switch ระดับ audio-grade ที่มีราคาสูงกว่าแบบไอทีเกรดมาก

ปัจจุบัน อุปกรณ์ประเภท network switch สำหรับวงการเครื่องเสียงถือว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปแล้ว ตามใดที่เรายังต้องใช้เราเต้อร์จากผู้ให้บริการอินเตอต์เน็ตกันอยู่ ซึ่งในปัจจุบัน การพัฒนาอุปกรณ์ประเภท network switch เดินทางไปไกลมากแล้ว อย่างรุ่น StreamBRIDGE-X ของแบรนด์ Clef Audio ตัวที่ผม “ใช้ติดที่” อยู่ทุกวันนี้นั้น นอกจากจะพัฒนาประสิทธิภาพในการขจัดขยะที่มาจากเราเต้อร์ออกไปแล้ว StreamBRIDGE-X ตัวนี้ยังได้ใช้ระบบ clock แบบ OCXO ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยทำ re-clocking เพื่อปรับปรุงคุณภาพข้อมูลให้ดีขึ้นก่อนส่งให้กับสตรีมเมอร์อีกด้วย.. อยากทำความรู้จัก StramBRIDGE-X ให้มากกว่านี้ คลิ๊กอ่านข้อมูลได้จากรีวิวที่ลิ้งค์ https://www.allabout.in.th/review-clef-audio-streambridge-x/ นี้เลย.!!

4

ตัวกรอง
noise ของอินเตอร์เฟซ USB
Innuos รุ่น Phoenix USB Reclocker

ส่วนตัวผมชอบเล่นสตรีมเมอร์แบบแยกชิ้น คือใช้ตัว streaming transport + external DAC เพราะมันให้ความยืดหยุ่นสูงกับการอัพเกรดในอนาคตไปได้เรื่อยๆ ส่วนการเชื่อมต่อสัญญาณระหว่างตัวสตรีมเมอร์กับ external DAC ผมชอบการเชื่อมต่อผ่านทางอินเตอร์เฟซ USB มากกว่าอินเตอร์เฟซแบบอื่น เหตุผลก็เพราะว่า USB เป็นการเชื่อมต่อที่รับ bandwidth ของสัญญาณอินพุตได้สูงกว่าอินพุตแบบอื่น ซึ่งเป็นอินพุตที่ extrnal DAC สามารถเปิดรับสัญญาณดิจิตัลที่มีสเปคฯ “สูงสุด” เท่าที่ภาค DAC ตัวนั้นจะสามารถรับได้

นอกจากนั้น การเชื่อมต่อระหว่างสตรีมมิ่ง ทรานสปอร์ตกับ external DAC ด้วย USB ยังเป็นการเชื่อมต่อแบบ pear-to-pear หรือเป็นการเชื่อมต่อแบบตัว-ต่อ-ตัวระหว่างเครื่อง-ต่อ-เครื่อง ตรงๆ เข้าหากัน ไม่ไปยุ่งกับเครื่องตัวอื่นขณะกำลังทำงาน

ด้วยความที่สัญญาณที่ส่งจากตัว streaming transport ไปที่ตัว external DAC มีเสเปคฯ ที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับ lossy, ระดับ CD quality ไปจนถึงระดับ Hi-Res จึงมีโอกาสที่ระบบ clock ที่ใช้ควบคุมการรับส่งสัญญาณระหว่างตัว streaming transport กับตัว external DAC จะทำงานผิดพลาดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ ถ้ามีระบบ clock ที่มีประสิทธิภาพความแม่นยำสูงกว่าที่ใช้อยู่ในตัว streaming transport และในตัว external DAC เข้ามาช่วยควบคุมการรส่งสัญญาณระหว่างตัว streaming transport กับตัว external DAC ก็จะช่วยขจัดปัญหา error จากระบบ clock ลงไปได้ ซึ่งคนที่เคยมีประสบการณ์ในการทดลองฟังระบบสตรีมมิ่งที่ใช้ clock ดีๆ มาแล้วคงทราบดีว่า ระบบ clock ดีๆ ช่วยทำให้เสียงโดยรวมออกมาดีมากแค่ไหน

ตัว Phoenix USB Reclocker ของ Innuos ตัวนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ทำหน้าที่ปรับและเปลี่ยน clock ที่มากับสัญญาณที่ส่งมาจากสตรีมมิ่ง ทรานสปอร์ตให้มีเรตที่ถูกต้องกับสัญญาณให้มากที่สุดก่อนส่งต่อไปให้ external DAC ซึ่งทำให้ภาค DAC ในตัว external DAC ทำการแปลงสัญญาณดิจิตัลเหล่านั้นให้ออกมาเป็นสัญญาณอะนาลอกได้อย่างมีคุณภาพตรงตามแซมปลิ้งเรตของสัญญาณต้นฉบับมากที่สุด ซึ่งหลังจากได้ทดลองใช้ตัว Phoenix USB Reclocker ตัวนี้แล้ว บอกเลยว่า “ใช้ติดที่” ถอดออกไม่ได้มาจนถึงบัดนี้ (ตัวนี้จะมีรีวิวตามมาในไม่ช้านี้)

5

ตัวรองใต้เดือยแหลมลำโพง
Audio Bastion รุ่น X-PAD Plus II

ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Audio Bastion นี้เป็น “ของดีราคาถูก” ที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าเขาจะขายในราคานี้ได้ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้มีอยู่หลายชนิด แต่ก็เป็นอุปกรณ์เสริมทั้งหมด ตัวที่ผมเอามาทดลองใช้แล้วพบว่าต้อง “ใช้ติดที่” คือใช้บ่อยมากก็คือตัวรองเดือยแหลมของลำโพง หรือรองเดือยแหลมของขาตั้งลำโพงรุ่น X-PAD Plus II ซึ่งพบว่ามันให้ผลทางเสียงที่ดีมาก ช่วยลดเรโซแนนซ์ที่เกิดจากลำโพงที่มีน้ำหนักปานกลางลงมาได้อย่างน่าพอใจ

ราคาถูก” จะดีเหรอ.? อย่าได้ปรามาสทีเดียว ถ้าได้ลองแล้วคุณจะอึ้งกับผลลัพธ์ที่ได้ ถ้าเป็นลำโพงตั้งพื้น หรือลำโพงวางขาตั้งที่มีน้ำหนักลำโพงรวมขาตั้ง ไม่เกิน 30 กิโลกรัมต่อข้าง จะเหมาะกับตัวรองเดือยแหลมรุ่นนี้ แต่ถ้าน้ำหนัก มากกว่า 30 กิโลกรัมขึ้นไป จะเกินพิกัด ต้องขยับไปรุ่นใหญ่กว่านี้ รองแล้วเสียงเป็นยังไง.? คุณอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า “เรโซแนนซ์” ที่เกิดขึ้นบนตัวตู้ถ้าไม่สามารถขจัดออกไปได้ มันจะส่งผลเสียต่อเสียงมากขนาดไหน ถ้าอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์เสริมชิ้นนี้ คลิ๊กเข้าไปอ่านรีวิวที่ลิ้ง https://www.allabout.in.th/review-audio-bastion-x-pad-plus-ii/ นี้ได้เลย..!!!

6

ตัวยกสายสัญญาณ/สายลำโพง/สายไฟเอซี
AUDI จาก AUDI HOME HIFI

ฝรั่งเรียก ‘cable lifterเอาไปรองใต้สายต่อเชื่อมต่างๆ ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นสายสัญญาณ, สายลำโพง หรือสายไฟเอซี ที่วางพาดอยู่ติดพื้นห้องให้ขึ้นมาลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งจะช่วยลดเรโซแนนซ์ที่เกิดขึ้นบนตัวสายให้เบาบางลง อาจจะไม่ได้มีผลมากขนาดที่เรียกว่าเห็นหน้าเห็นหลัง แต่ในบางซิสเต็มกับหูของบางคนจะสามารถรับรู้ความแตกต่างในแง่ที่รองแล้วดีขึ้นได้

ผมใช้ “ตัวยกสาย” ของแบรนด์ AUDI รองใต้สายลำโพงเพื่อยกให้ลอยจากพื้นมาตลอดทุกครั้งที่เซ็ตอัพซิสเต็มขึ้นมาเพื่อทำการทดสอบอุปกรณ์เครื่องเสียง แม้ว่าผลลัพธ์อาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่มันก็ช่วยให้เสียงโปร่งลอยมากขึ้นทุกครั้งที่ใช้อุปกรณ์เสริมตัวนี้ (สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมตัวนี้ได้ที่ คุณตั้ม AUDI HOME HIFI โทร. 089-028-7117)

7

เต้ารับปลั๊กไฟเอซี
Audio Bastion รุ่น Alpha

เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่า กระแสไฟจากปลั๊กผนังที่ส่งมาให้กับอุปกรณ์เครื่องเสียงมีผลกับเสียงมาก มันคือต้นตอของเสียงที่ดีหรือไม่ดีได้เลย ถ้าคุณเห็นด้วยกับสิ่งนี้ นั่นก็เท่ากับว่าเต้ารับปลั๊กไฟที่ติดตั้งอยู่บนผนังห้องมีบทบาทขึ้นมาทันที หลังจากที่ คุณมนตรี เจ้าสำนัก Audio House Thailand เข้ามาเปลี่ยนเต้ารับรุ่น Alpha ของแบรนด์ Audio Bastion ทดแทนกับเต้ารับ Panasonic ซึ่งเป็นของเดิมที่ผมใช้อยู่ ผมก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนกลับไปใช้ของพานาฯ อีกเลย เพราะเสียงมันต่างกันเยอะมาก.!! หลังจากเปลี่ยนเต้ารับรุ่น Alpha ของ Audio Bastion เข้าไปแล้ว เสียงโดยรวมมันสูบฉีดมากขึ้น รายละเอียดพรั่งพรูออกมาเต็มขึ้น เนื้อเสียงสุกสกาวไม่หม่นมัว เบสเด้งดึ๋งไม่อ่อนยวบ สรุปว่าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย “ใช้ติดที่” ถอดไม่ออกมาจนบัดนี้

เต้ารับของ Audio Bastion รุ่นนี้มีวัสดุเคลือบผิวแบบต่างๆ ให้เลือกตามโทนเสียงที่คุณชอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นชุบโรเดี้ยม, ชุบทอง 24K และชุบทองแดง สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่ คุณมนตรี Audio House Thailand โทร. 094-243-8833)

นอกจาก 7 ชิ้น นี้แล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกส่วนหนึ่งที่ผมใช้ประกอบในรีวิวอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับแม็ทชิ่งในแต่ละครั้งซึ่งไม่ได้ใช้บ่อยมากเท่ากับ 7 ชิ้นนี้ และมีอีกบางส่วนที่ใช้ได้ผลดีแต่ไม่ได้มีโอกาสทดลองใช้นานๆ /

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า