ความเชี่ยวชาญอย่างเดียวไม่พอ ถ้ามุ่งหวังความสำเร็จ ต้องรู้จักวางกลยุทธในการเดินด้วย – ถ้ามองย้อนหลังไป คุณจะเห็นถึงลักษณะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในหมวดหูฟังและเครื่องเล่นไฟล์เพลงของ Sony ที่มีการวางแผนกันมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน คือเริ่มด้วยการเปิดตัวซีรี่ย์สูงสุดระดับเรือธง (flagship) นั่นคือ Signature Series ออกมาก่อนเมื่อปี 2016 ซึ่งมีทั้งหูฟัง full size รุ่น MDR-Z1R และหูฟังอินเอียร์รุ่น IER-Z1R พร้อมกับเครื่องเล่นไฟล์เพลงวอล์คแมนรุ่น NW-WM1Z ตัวสีทอง โดยดันขึ้นไปอยู่ในระดับพรีเมี่ยม วางราคาขายไว้สูงลิบ เหมือนตั้งใจจะไม่หวังยอดขาย หลังจากนั้น ในปีถัดมาคือ 2017 โซนี่จึงค่อยปล่อยเครื่องเล่นไฟล์เพลงวอล์คแมนรุ่น NW-ZX300 ตามออกมา โดยวางตัวให้ NW-ZX300 เป็นเครื่องเล่นไฟล์เพลงแบบพกพาระดับไฮเอ็นด์ที่มีสเปคฯ ไม่เป็นรอง Signature Series มากนัก แต่วางราคาขายไว้ในระดับที่คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้งานได้
จะเห็นว่า การพัฒนารุ่นใหญ่อย่าง Signature Series ออกมาก่อนได้ประโยชน์ถึง 2 ทาง ทางแรกคือสร้างแบรนด์อิมเมจ แสดงศักยภาพความเป็นผู้นำทางด้านเสียงโดยใช้ชื่อเสียงเก่าที่สั่งสมมาเป็นฐานในการผลักดัน ส่วนอีกทางคือประโยชน์ทางด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยตรง เพราะการเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าผลิตสินค้าประเภท cost-no-object ที่ไม่ต้องพะวงกับต้นทุนและไม่ต้องกังวลกับยอดจำหน่าย ทำให้ทีมออกแบบของโซนี่มีโอกาสทดลองทำตามแนวคิดที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถคิดออกมาได้ หลังจากนั้นก็นำเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้จากการออกแบบซีรี่ย์ Signature มา trickle-down ขัดเกลาใช้ในการออกแบบซีรี่ย์ ZX ที่มีราคาต่ำกว่า Signature Series มากกว่าครึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ ZX Series ทำหน้าที่เป็นตัวขายทำเงินให้กับแบรนด์นั่นเอง
จาก NW-ZX300 มาถึง NW-ZX507
เจนเนอเรชั่นที่สองของการ trickle-down
NW-ZX507 คือผลผลิตลำดับที่สองจากการจำลองตัวตนของ NW-WM1Z วอล์คแมนเพลเยอร์ตัวท๊อปใน Signature Series ลงมาอยู่ในระดับไฮเอ็นด์ที่คนทั่วไปสามารถซื้อหาได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Sony ยังได้ฉวยโอกาสพิเศษครบรอบปีที่ 40 ของกำเนิดวอล์คแมนมาใช้เพิ่มความน่าสนใจให้กับเครื่องเล่นไฟล์เพลงซีรี่ย์ 100 และซีรี่ย์ 500 เข้าไปอีก
powered by Android
ไม่เพียงแค่นั้น เครื่องเล่นไฟล์เพลงทั้งสองซีรี่ย์คือ 100 และ 500 ยังได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Android แบบเต็มรูปแบบอีกด้วย ซึ่งทางโซนี่คงถือว่านี่คือของขวัญพิเศษที่มอบให้กับเหล่าอารยธรรมของโซนี่ในวาระครบรอบปีที่ 40 นั่นเอง
โซนี่จับเอาเครื่องเล่นไฟล์เพลงซีรี่ย์ 100 มาแพ็คใส่กล่อง ตั้งชื่อรุ่นว่า NW-A100TPS เลียนแบบชื่อรุ่นของเครื่องเล่นเทปคาสเส็ทวอล์คแมนรุ่นแรกคือ TPS-L2 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1979 แล้วเปิดพรี–ออเดอร์ให้สาวกโซนี่ทั่วโลกได้มีโอกาสจับจองล่วงหน้าจนของขาดตลาดไปในเวลาอันรวดเร็ว
หน้าตา + ปุ่มปรับสั่งงาน
ของ NW-ZX507
สัดส่วนตัวเครื่อง
แผงหลังทำด้วยวัสดุอโลหะ คล้ายพลาสติกผสมยาง
1 = ปุ่ม power = กดเปิด/ปิดเครื่อง
หลังจากกดปุ่ม power ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที จะปรากฏตัวเลือกขึ้นมาบนจอ 3 ตัวเลือก (ในกรอบสีแดง) นั่นคือ 1 – Power Off = ปิดเครื่อง, 2 – Restart = กลับไปสู่ขั้นตอนเปิดเครื่องใหม่ และ 3 – Screenshot = บันทึกภาพหน้าจอ
2 = ปุ่ม volume = กดเพิ่ม (+) หรือลด (-) ความดัง
3 = ปุ่ม next & previous = กดเลือกข้ามไปแทรคข้างหน้า หรือย้อนกลับไปแทรคก่อนหน้า
4 = ปุ่ม play & pause = กดเลือกเล่น และกดซ้ำเพื่อหยุดเล่นชั่วคราว กดซ้ำอีกทีเพื่อเล่นต่อ
5 = สวิทช์ hold = เลื่อนเพื่อหยุดการทำงานของปุ่มกด 2, 3 และ 4
ลักษณะการใส่ microSD จะมีถาดรองเหมือนที่ใส่ซิมการ์ดของสมาร์ทโฟน
มีที่คล้องสายกันหล่น
มีเอ๊าต์พุตสำหรับหูฟังมาให้เลือกใช้ 2 ช่อง ติดตั้งช่องเสียบขั้วต่อ mini 3.5 mm กับช่องเสียบขั้วต่อ balanced 4.4 mm อย่างละช่อง
หน้าจอ + ฟังท์ชั่นใช้งาน
NW-ZX507 ให้หน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 3.6 นิ้ว มาให้ ผิวหน้าจอทำมาแบบใส สะท้อนเต็มๆ ไม่เคลือบด้านเหมือนจอของรุ่น NW-ZX300
หน้าจอหลักของเครื่อง (หน้า Home)
A = “Google Search” ใช้ค้นหาเว็บไซต์ที่ต้องการเหมือน Google Search บนคอมพิวเตอร์ทุกอย่าง ซึ่งรองรับการค้นหาด้วยวิธีพิมพ์ตัวอักษรลงไปในช่องก็ได้ หรือใช้วิธีพูดก็ได้
B = “Guide to quality sound”
ในนี้ไม่มีอะไร กดเข้าไปจะมีรายละเอียดของตัวคาปาซิเตอร์ (capacitor) หรือตัวเก็บประจุที่ใช้อยู่ใน NW-ZX507 ตัวนี้ ซึ่งก็ยังงงๆ อยู่ว่าจะบอกมาทำไมแค่อุปกรณ์ตัวเดียว.? หรือในอนาคตอาจจะมีอัพเดตเพิ่มเติมข้อมูลอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนทำให้เสียงของ NW-ZX507 ออกมาดีก็ได้.. (มั้ง?)
C = ปุ่ม shortcut ที่รวบรวมแอพลิเคชั่นมาตรฐานไว้ด้วยกัน อาทิเช่น Google, Chrome, Gmail, YouTube, Google Drive, Calendar ฯลฯ
ซึ่งเหล่านี้เป็นแอพฯ ที่ผูกอยู่กับแอคเคาต์ Google ของคุณ โดยที่คุณสามารถลงทะเบียน Google Account ของคุณเข้าไปในตัวเครื่อง NW-ZX507 เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ที่คุณเก็บบันทึกไว้บนคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ร่วมกับ NW-ZX507 ตัวนี้ได้
D = จุดรวบรวมแอพฯ กับเมนูที่คุณใช้บ่อย ที่ปรากฏในภาพก็คือ แอพฯ เล่นไฟล์เพลง Walkman music player, เมนู sound settings, แอพฯ Google Play ศูนย์รวมของแอพลิเคชั่นที่คุณสามารถดาวน์โหลดมาติดตั้งบน NW-ZX507 ได้, แอพฯ Google Chrome สำหรับเจาะเข้าอินเตอร์เน็ต และตัวสุดท้ายคือ Help Guide หรือคู่มือช่วยเหลือในการใช้งาน NW-ZX507 ที่ดูผ่านอินเตอร์เน็ต
ดีไซน์ภายใน
ตัวถังของ NW-ZX507 ทำมาจากอะลูมิเนียมทั้งชิ้นที่ขุดด้วย CNC ไร้รอยต่อ ทำให้สามารถป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพระดับเดียวกับ NW-WM1Z และ NW-ZX300
นอกจากนั้น ระบบการทำงานภายในตัวเครื่องก็ยังถูกพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้นจากรุ่น NW-ZX300 ไปหลายจุด เช่นในภาคเพาเวอร์ซัพพลายได้เลือกใช้ FT Capacitor ซึ่งเป็นไฮ–โพลีเมอร์ คาปาซิเตอร์คุณภาพสูงที่ภาคเอ๊าต์พุตของ NW-ZX507 เพื่อให้จ่ายกำลังขับได้สูงขึ้น โดยเฉพาะเอ๊าต์พุตบาลานซ์ ซึ่งคาปาซิเตอร์ที่ใช้นี้เป็นแบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในเฮดโฟนแอมป์รุ่นท็อป TA-ZH1ES และยังได้ออกแบบระบบชีลด์ป้องกันสัญญาณรบกวนการทำงานของวงจรดิจิตัลด้วยการใช้แผ่นทองแดงครอบพื้นที่ส่วนที่ติดตั้งวงจรดิจิตัลเอาไว้ และได้ทำการปรับปรุงการเชื่อมต่อกราวนด์ในระบบให้ดีขึ้นด้วย
ตะกั่วที่ใช้ผนึกคอมโพเน้นต์แต่ละตัวลงบนแผงวงจรมีส่วนผสมของทองคำ ทำให้ความต้านทานต่ำ ช่วยให้การส่งผ่านสัญญาณมีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนั้น ภาค clock ของ NW-ZX507 ยังใช้ Crystal Oscillator ถึง 2 ตัว แยกกันสร้างสัญญาณนาฬิกาเพื่อควบคุมการทำงานของภาค DAC ในการแปลงสัญญาณดิจิตัลที่ใช้ฐาน 44.1kHz กับฐาน 48kHz เพื่อขจัดความผิดพลาดทางเวลาออกไป
สมรรถนะ และสเปคฯ
สเปคฯ ที่แตกต่างกันระหว่างรุ่น NW-WM1Z vs. NW-ZX300 vs. NW-ZX507
จากข้อมูลในตารางข้างบนนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานทางเทคนิคของเครื่องเล่นไฟล์เพลงพกพาระดับไฮเอ็นด์กับระดับพรีเมี่ยมทั้งสามรุ่นที่กล่าวถึง จะเห็นว่า ในคุณสมบัติบางด้านนั้น รุ่นพรีเมี่ยมอย่าง NW-WM1Z กลับไม่ได้แจ้งข้อมูลเอาไว้ ?
มีคุณสมบัติของ NW-ZX507 อยู่ 4 จุดที่ทำให้ NW-ZX507 มีความแตกต่างที่โดดเด่นไปกว่าทั้งสองรุ่นที่ออกมาก่อนหน้า ที่เป็นไฮไล้ท์ก็คือ “ระบบปฏิบัติการณ์” (Operation System = OS) ซึ่งในรุ่น NW-WM1Z กับ NW-ZX300 นั้นใช้ OS ที่โซนี่พัฒนาขึ้นมาเอง ในขณะที่ NW-ZX507 เปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Android ของกลูเกิ้ล แต่ที่จริงแล้ว NW-ZX507 ไม่ใช่เครื่องเล่นตัวแรก ก่อนเปิดตัวรุ่น NW-ZX300 โซนี่ก็ได้พัฒนาเครื่องเล่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Android ออกมาแล้ว นั่นคือรุ่น NW-ZX2 โดยใช้แพลทฟอร์ม Android 4.2 เป็นระบบปฏิบัติการณ์ หลังจากรุ่น NW-ZX300 ออกมาโดยไม่มีรุ่นใหม่ที่ใช้ Android ออกตามมา ทำให้คิดไปว่า Sony อาจจะเลิกใช้ Android สำหรับเครื่องเล่นไฟล์เพลงหรือเปล่า.? แต่แล้ว NW-A105 กับ NW-ZX507 ก็ออกมาเฉลยว่า Sony ยังคงเลือกใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการณ์สำหรับเครื่องเล่นไฟล์เพลงต่อไป
ด้วยเหตุของการใช้ Android 9.0 เป็นระบบปฏิบัติการณ์ของ NW-ZX507 นี่เอง ทำให้ทางโซนี่ต้องปรับเปลี่ยน “ความละเอียดของจอแสดงผล” ให้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับจอที่ใช้ในเครื่องเล่นไฟล์เพลงรุ่น NW-WM1Z กับ NW-ZX300 โดยกระโจนข้ามจากมาตรฐานคอมพิวเตอร์ไปสู่มาตรฐาน HD (High Definition) 720p ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ NW-ZX507 รองรับการรับชมคอนเท็นต์วิดีโอด้วยแอพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง YouTube ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่เกิดตามมาก็คือความสามารถในการใช้งาน NW-ZX507 ที่เหมือนกับอุปกรณ์ Android ทั่วไป เมื่อเชื่อมต่อ NW-ZX507 เข้ากับอินเตอร์เน็ตก็เท่ากับติดปีกให้กับมัน คือทำให้คุณสามารถใช้ทรัพยากรต่างๆ ของ Google ผ่าน NW-ZX507 ได้ ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Google Search, Google Map, Google Play ฯลฯ
ความเปลี่ยนแปลงอีกจุดหนึ่งที่ Sony ตัดสินใจทำกับ NW-ZX507 และผมชอบมันมาก นั่นคือ เปลี่ยนรูปแบบของขั้วต่อสายระหว่าง NW-ZX507 กับคอมพิวเตอร์จากขั้วต่อ NW-Port 22 pins ซึ่งเป็นขั้วต่อที่โซนี่คิดค้นขึ้นมาเองและใช้มาตลอด มาเป็นขั้วต่อ USB type C ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เปิดกว้างกว่า ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน NW-ZX507 ได้มาก
ทดสอบ
ที่จริงแล้ว ควรจะใช้ชื่อเรียก NW-ZX507 อย่างเป็นทางการว่า “Digital Media Player” มากกว่า music player เพราะมันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้เล่นไฟล์เพลงอย่างเดียวเหมือน NW-WM1Z หรือ NW-ZX300 แต่ NW-ZX507 สามารถเล่นไฟล์ภาพวิดีโอพร้อมเสียงได้ด้วย (ผ่านแอพ YouTube) อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทางโซนี่ยังอยากจะใช้ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ว่า Walkman มากกว่า แต่เนื่องจากจุดเริ่มต้นของชื่อ Walkman ได้โฟกัสไปที่การเล่นเพลงอย่างเดียว นั่นทำให้บางครั้งโซนี่ต้องแอบเรียก NW-ZX507 ว่าเป็น Digital Media Player
เมื่อใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการณ์ มีผลให้ NW-ZX507 สามารถสตรีมไฟล์เพลงจากอินเตอร์เน็ตมาเล่นบนตัวมันได้ นอกเหนือจากการเล่นไฟล์เพลงที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสในตัวมัน ก่อนจะเริ่มต้นทดสอบประสิทธิภาพเสียงของ NW-ZX507 ตัวนี้ด้วยการลองเล่นไฟล์เพลงประเภทต่างๆ ที่เก็บอยู่ในตัวมัน ผมได้ทดลองฟังด้วยการสตรีมไฟล์เพลงจากแหล่งต่างๆ ดูก่อน
ทดลองฟังเสียงของ NW-ZX507
ด้วยการสตรีมผ่านแอพ TIDAL
ทีมพัฒนาของ Sony ไม่ได้จับเอาแอพ TIDAL เข้าไปผนวกเข้ากับ engine ของแอพ Walkman music player ที่ใช้เล่นไฟล์เพลงสำหรับ NW-ZX507 ถ้าคุณต้องการรับฟังเพลงด้วยการสตรีมจาก TIDAL หรือ Spotify คุณต้องทำการติดตั้งแอพลิเคชั่นของผู้ให้บริการเหล่านั้นลงไปบน NW-ZX507 ซะก่อน แล้วตอนฟังก็ต้องใช้แอพฯ ของผู้ให้บริการเหล่านั้นจัดการทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการ browse เลือกหาเพลงที่จะฟังจากไลบรารี่ รวมไปจนถึงควบคุมการเล่นเพลงด้วย
หน้าจอตอนเล่นไฟล์จาก TIDAL ก็เหมือนกับหน้าจอ TIDAL บนสมาร์ทโฟน Android ทั่วไป
ผมทดลองเลือกเล่นไฟล์เพลงที่เป็น Master MQA ซึ่ง NW-ZX507 ก็สามารถเล่นได้ และโชว์ให้เห็นว่าเป็นกำลังเล่นไฟล์ระดับ Master แต่ไม่ได้แจกแจงว่าตัวสัญญาณที่ถอดออกมาจาก MQA มีความละเอียดระดับไหน.? ซึ่งในเว็บไซต์เมืองนอกมีพูดคุยกันว่า สัญญาณเสียงที่เป็นไฟล์ไฮเรซฯ ทุกประเภทที่เล่นด้วยแอพลิเคชั่นอื่นๆ บน Google (อย่างเช่น YouTube และ TIDAL) จะถูก downconvert ลงมาอยู่ที่ 16bit/48kHz ก่อนส่งเข้าภาค DAC เสมอไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ Android ตัวไหนๆ
* ภาพจากโซนี่
ภาพด้านบนนี้ผมได้รับมาจากบริษัท Sony Thai (ต้องขอขอบคุณคุณหลิวมา ณ ที่นี้ด้วยที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูลนี้มาให้) จากภาพแสดงให้เห็นถึงเส้นทางเดินสัญญาณของเพลเยอร์ Walkman ที่เริ่มจากคอนเท็นต์ฝั่งต้นทาง (ซ้ายมือ) ผ่านแอพลิเคชั่นที่ใช้เล่น จนได้ออกมาเป็นสัญญาณดิจิตัลก่อนส่งเข้าสู่ภาคขยาย S-Master HX แล้วส่งออกเอ๊าต์พุต
จากภาพจะเห็นว่า NW-ZX507 แยกส่วนของเส้นทางการเล่นไฟล์ออกเป็น 2 เส้นทาง ถ้าคุณเล่นไฟล์ด้วยการสตรีมและเล่นไฟล์เพลงผ่านแอพฯ อื่นๆ อาทิเช่น Spotify, Apple Music, YouTube รวมถึงแอพฯ ของ TIDAL เส้นทางการเล่นไฟล์เพลงจะต้องผ่านระบบปฏิบัติการณ์ Android (Android Audio-Path) ก่อนจะผ่านสัญญาณเข้าถึงภาคขยาย S-Master HX ของ NW-ZX507 ซึ่ง OS ของ Android จะทำการ downconvert สัญญาณเสียงทุกรูปแบบที่ได้รับมาจากการเล่นไฟล์ที่สตรีมมาจากแอพฯ เหล่านั้นให้ออกมาเป็นอัตราแซมปลิ้งเดียวกัน (fixed frequency) ทั้งหมด นั่นคือ 48kHz หรือ 192kHz ก่อนส่งเข้าสู่ภาคขยาย S-Master HX ในตัว NW-ZX507 ซึ่งขณะเล่นจะไม่มีการแจ้งสถานภาพของสัญญาณที่ถูกส่งให้กับภาคขยาย S-Master HX แต่อย่างใด
แต่ถ้าคุณเล่นไฟล์เพลงที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสในตัว NW-ZX507 หรือในการ์ด microSD ที่เสียบอยู่ในตัว NW-ZX507 ด้วยแอพฯ Walkman music player ที่อยู่ในตัว NW-ZX507 สัญญาณดิจิตัลที่เล่นจากแอพฯ นี้จะถูกส่งไปที่ภาคขยาย S-Master HX ผ่านอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งทางทีมวิศวกรของ Sony ออกแบบรองรับไว้โดยเฉพาะ (ในภาพที่ชื่อว่า Special Developed Audio-Path) ซึ่งสัญญาณที่เล่นมาจากไฟล์เพลงฟอร์แม็ตต่างๆ จะถูกจัดการในลักษณะที่เรียกว่า Bit-perfect คือทุกบิตข้อมูลของสัญญาณจะถูกส่งไปที่ภาคขยาย S-Master HX โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่มีการ downconvert เหมือนเส้นทาง Android Audio Path นั่นคือถ้าคุณเล่นไฟล์ 24/192 ด้วยแอพ Walkman music player คุณก็จะได้ยินคุณภาพเสียงออกมาเต็มๆ 24/192 และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เสียงที่ได้จากการเล่นไฟล์เพลงที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสในตัว NW-ZX507 และในการ์ด microSD มีคุณภาพสูงกว่าการเล่นไฟล์ที่สตรีมมาจากภายนอกทั้งหมด
ทดลองสตรีมไฟล์เพลง 360 Reality Audio จาก TIDAL
อะไรคือ 360 Reality Audio ? เข้าไปอ่านที่ ลิ้งค์ นี้เลย
360 Reality Audio เป็นระบบเสียง stereo 2 ch แบบพิเศษที่ผ่านขั้นตอนการมิกซ์ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า object based spatial audio technology เพื่อทำให้ได้เสียงที่แยกแยะชิ้นดนตรีได้อย่างเด็ดขาด เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นจะลอยห่างจากกันมากกว่าระบบเสียงสเตริโอธรรมดา ไม่ซ้อนทับกัน โดยที่เสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นจะมีบรรยากาศห้อมล้อมอยู่รอบๆ ทุกตัวโน๊ต ให้ความรู้สึกเหมือนฟังเสียงเครื่องดนตรีจริงมากขึ้น Sony เพิ่งนำเสนอระบบเสียงแบบนี้ออกมาไม่นานนี้เอง
การจะฟังระบบเสียง 360 Reality Audio ได้อย่างที่มันถูกมิกซ์มาจากสตูดิโอจริงๆ ต้องมีองค์ประกอบดังนี้คือ
1 – ต้องใช้ไฟล์เพลงที่มิกซ์มาด้วยเทคโนโลยีนี้
2 – บนเครื่องเล่นจะต้องลงแอพ Headphone Connect ของ Sony ด้วย (เวอร์ชั่น 6.1.0 ขึ้นไป)
3 – เล่นไฟล์นี้ด้วยแอพฯ ที่รองรับ
4 – ฟังด้วยหูฟังที่รองรับเทคโนโลยีนี้ผ่านทาง Bluetooth
ทาง Sony Music Entertainment เลือก TIDAL, deezer และ nugs.net เป็นแหล่งที่ฝากไฟล์เพลง 360 Reality Audio นั่นเท่ากับว่า คุณต้องดาวน์โหลดแอพฯ ใดแอพฯ หนึ่งในสามแอพฯ นี้มาลงบนเครื่องเล่น NW-ZX507 ซะก่อน ส่วนตัวผมเลือกใช้แอพฯ TIDAL เป็นตัวเล่นไฟล์เพลงนี้ ซึ่งต้องสมัครแพ็คเกจ Hi-Fi ด้วยจึงจะมีไฟล์ 360 Reality Audio โผล่ขึ้นมาใน Library ของ TIDAL ให้เราสตรีมมาเล่นได้ ส่วนหูฟังที่รองรับตอนนี้ก็มีเฉพาะหูฟังของ Sony หลายรุ่นที่เป็นหูฟังไร้สาย เชื่อมต่อกับเพลเยอร์ด้วยบลูทูธ ส่วนตัวผมใช้หูฟังรุ่น WF-1000XM3 ของ Sony ซึ่งรองรับการเล่นไฟล์เพลง 360 Reality Audio ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ถ้าเปิดแอพ TIDAL บนคอมพิวเตอร์จะไม่มีหัวข้อ 360 Reality Audio ออกมาให้เลือกนะครับ เพราะระบบเสียงนี้จะใช้ได้เฉพาะระบบปฏิบัติการณ์ iOS (ตั้งแต่เวอร์ชั่น iOS 13.1 ขึ้นไป) กับ Android เท่านั้น ไม่รองรับการเล่นบนแพลทฟอร์ม Windows และ OS X ของ Mac
หูฟังไร้สายของโซนี่ที่รองรับการเล่นระบบเสียง 360 Reality Audio มีหลายรุ่น นั่นคือ WF-1000XM3, WI-1000X, 1000X, 1000XM2, 1000XM3, WH-H900N, WH-800, WI-SP600N, WI-H700, WF-SP700N, MDR-XB950B1, WH-CH700N และรุ่น MDR-XB950N1
นับจนถึงขณะนี้ มีอัลบั้มที่มิกซ์มาเป็นฟอร์แม็ต 360 Reality Audio อยู่มากถึงเกือบ 100 อัลบั้มแล้ว! และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งงานเพลงทั้งหมดเป็นของศิลปินในสังกัดที่ Sony Music Entertainment (SME) เป็นเจ้าของ ซึ่งก็มีศิลปินดังๆ อยู่มากมาย ครอบคลุมทุกแนวเพลง อาทิเช่น Aerosmith, Meat Loaf, Jeff Beck, George Benson, Miles Davis, Dave Brubeck, James Taylor, Nina Simone, Herbie Hancock, Earth, Wind & Fire, Keb’ Mo, John Denver, Billy Joel, Elvis Presley, Johnny Cash, Paul Simon, Tony Bennett, Dolly Parton, Bill Withers, Barry Manilow, Billie Holiday ฯลฯ
ถ้าจะถามว่า ฟอร์แม็ต 360 Reality Audio เสียงเป็นอย่างไร.? ผมต้องขอบอกว่า มันให้ประสบการณ์ในการฟังที่น่าสนใจ หลายๆ อัลบั้ม ให้เสียงที่แปลกหูไปจากที่เคยได้ยินจากเวอร์ชั่น Stereo ธรรมดาก่อนหน้านี้ แต่ละอัลบั้มจะให้ความรู้สึกคล้ายๆ กันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือ ความรู้สึกของเสียงที่ “เหมือน” ฟังจากการบรรเลงของเครื่องดนตรีจริงมากกว่าที่เคยฟังมา อิมแพ็คของแต่ละเสียงมีความเข้มข้นและเด็ดขาดมากขึ้น หลายๆ อัลบั้มที่ให้เนื้อมวลที่เข้มข้นกว่าเวอร์ชั่นสเตริโอธรรมดาที่เคยฟังอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกับว่าฟอร์แม็ตนี้พยายามถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงดนตรีแต่ละเสียงที่บันทึกอยู่ใน basic track (ก่อนมิกซ์ลงบนมาสเตอร์ stereo 2 ch) ออกมาให้ใกล้เคียงต้นฉบับบนเบสิคแทรคให้มากที่สุด ทุกเสียงจึงมีความเข้มข้นของมวลเสียงสูงมาก ผมขอแนะนำว่า คุณทุกคนควรจะหาโอกาสทดลองฟังด้วยหูของตัวเองสักครั้งในชีวิต หลังจากนั้นจึงค่อยมาถกกันว่า ชอบหรือไม่ชอบ.. อย่างไร..!!!
ใช้แอพ Walkman music player ของ Sony
เล่นไฟล์เพลงที่เก็บอยู่ในตัวเครื่องและไฟล์เพลงที่เก็บอยู่บนการ์ด microSD ของผม
ภาพบนหน้าจอจะแสดงรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปตามแอพลิเคชั่นที่คุณเลือกใช้ หลังจากเปิดเครื่อง เมื่อคุณเลือกใช้แอพลิเคชั่น Walkman music player (ศรชี้) เพื่อเล่นไฟล์เพลงที่เก็บอยู่ในหน่วยความจำของเครื่อง หน้าจอจะปรากฏรายละเอียดดังนี้
หลังจากใช้ปลายนิ้วจิ้มไปที่ไอค่อนของแอพ Walkman music player แล้ว หน้าจอของเครื่องจะแสดงหน้าเปิดของไลบรารี่ที่โซนี่ใช้ชื่อเรียกว่า “Library top” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกลักษณะการแสดงคอนเท็นต์ (เพลง) โดยมีหัวข้อรูปแบบให้เลือก 11 รูปแบบ อาทิ แสดงเป็นอัลบั้ม, แยกตามศิลปิน, แยกตามคนแต่ง, แยกแสดงเฉพาะอัลบั้มที่เป็นไฮเรซฯ, แสดงเป็น folder ที่เก็บไฟล์เพลง ฯลฯ
ภาพด้านบนนี้คือลักษณะหน้าจอเมื่อเลือกรูปแบบการแสดงเป็น “Album” ซึ่งแต่ละอัลบั้มจะถูกเรียงเป็นคอลัมน์โดยมีภาพปกอัลบั้มอยู่ทางซ้าย ส่วนชื่ออัลบั้ม, ชื่อศิลปิน และจำนวนเพลงในอัลบั้มนั้นจะเรียงอยู่ทางขวา เนื่องจากความสูงของหน้าจอ จึงแสดงอัลบั้มได้คราวละ 5 อัลบั้ม คุณสามารถเลื่อนสไลด์หน้าจอขึ้นด้านบนด้วยปลายนิ้วเพื่อดูอัลบั้มที่เหลือได้ และใช้ปลายนิ้วสไลด์ขึ้นๆ ลงๆ เพื่อเลือกอัลบั้มที่ต้องการฟัง..
เมื่อพบอัลบั้มที่ต้องการฟัง ให้ใช้ปลายนิ้วจิ้มลงไปที่ภาพปกอัลบั้มนั้น หน้าจอจะเปลี่ยนไปตามภาพด้านบน คือแสดงรายชื่อเพลงในอัลบั้มนั้นเรียงจากบนลงมาล่าง ตามลำดับแทรคแต่ไม่ได้ลงเลขกำกับแต่ละแทรคไว้ด้วย มีแต่ชื่อเพลง, ชื่อศิลปิน, ประเภทของไฟล์ฟอร์แม็ต และความยาวของแทรคนั้นๆ
ที่ด้านหลังของแต่ละแทรคจะมีจุดสามจุด (ศรชี้) เมื่อจิ้มปลายนิ้วลงไป จะปรากฏหน้าต่างเล็กๆ ขึ้นมาโดยมีเมนูให้เลือก 3 ข้อคือ Add to Bookmarks = เพิ่มเพลงนี้เข้าไปในบุ๊คมาร์ค, Detailed song information = ดูรายละเอียดของเพลงนี้ และ Delete = ลบเพลงนี้ (คุณสามารถสั่งลบเพลงนี้ได้)
เมื่อต้องการฟังเพลงใดก็ให้จิ้มลงไปบนชื่อเพลงนั้น หน้าจอของเครื่องจะเปลี่ยนไปตามภาพด้านบน โดยมีรายละเอียดของเพลงที่กำลังเล่น กับฟังท์ชั่นที่ให้คุณสามารถใช้งานได้
A = จอสัมผัสขนาด 3.6 นิ้ว
B = แจ้งประเภทของไฟล์ และความละเอียดของไฟล์เพลงที่กำลังเล่น
C = นาฬิกา
D = เป็นตำแหน่งแสดงสัญลักษณ์ของแอพฯ ที่กำลังใช้งาน (ในภาพแสดงสัญลักษณ์ MQA)
E = ปุ่มกดไปหน้าแรกของ Library
F = สัญลักษณ์เชื่อมต่อกับคลื่นไร้สาย
G = แสดงปริมาณแบตเตอรี่
H = ปุ่มเปิดเข้าฟังท์ชั่น Settings
I = ภาพหน้าปกอัลบั้มที่กำลังเล่น
J = พื้นที่แสดงรายละเอียดของแทรคเพลงที่กำลังเล่น ประกอบด้วย ชื่อเพลง, ชื่อศิลปิน, ชื่ออัลบั้ม, ความยาวของเพลง, ลำดับของเพลง/จำนวนเพลงทั้งหมด และสเกลลายเส้นที่เคลื่อนไปตามระยะเวลาของเพลงที่กำลังเล่นจริงแบบเรียลไทม์
K = พื้นที่ติดตั้งไอค่อนที่ใช้สำหรับควบคุมการเล่นไฟล์เพลง ประกอบด้วย กดเล่น, กดหยุดชั่วคราว, เดินหน้าไปแทรคต่อไป, ถอยหลังไปแทรคก่อนหน้า, เล่นซ้ำ
L = พื้นที่ติดตั้งปุ่มกด 3 คำสั่ง คือ เพื่อย้อนไปคำสั่งก่อนหน้า (สามเหลี่ยม), กลับไปหน้าโฮม (วงกลม) และ เปิดหน้าแอพฯ ที่เปิดซ่อนอยู่ด้านหลังแอพฯ ที่กำลังใช้งาน (สี่เหลี่ยม)
M = โลโก้สัญญลักษณ์วอล์คแมน
N = ไฟแอลอีดีแสดงสถานะการชาร์จไฟแบตเตอรี่
สรุปการเล่นไฟล์เพลงที่เก็บอยู่บนฮาร์ดดิสในตัวเครื่อง และไฟล์ที่เก็บอยู่ในการ์ด microSD รวมถึงฟังท์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับการเล่นไฟล์
– เมื่อเล่นไฟล์ WAV หน้าจอไม่แสดงภาพปกอัลบั้ม (น่าจะมีการอัพเดตเฟิร์มแวร์แก้ไขได้ในอนาคต)
– เมื่อเล่นไฟล์เพลงที่ริปมาจากแผ่น MQA-CD เครื่องจะเล่นออกมาเป็นไฟล์ 44.1kHz บนหน้าจอไม่ได้แสดงการถอดรหัส MQA (เหมือนจะไม่ถอดรหัส MQA ให้)
– สามารถปรับตั้งให้หน้าจอแสดงภาพม้วนเทปคาสเส็ทขณะเล่นไฟล์เพลงได้ (ให้แสดงหรือไม่ก็ได้)
– สามารถเล่นไฟล์ DSD5.6MHz ได้ (DSD128)
– ไม่มีฟังท์ชั่น USB-DAC
– มีเมนู “Sound Settings” ที่มีฟังท์ชั่นให้เลือกใช้ในการปรับแต่งเสียงมากถึง 6 ฟังท์ชั่น นั่นคือ
1. Direct = ปิดการทำงานทุกฟังท์ชั่นในเมนู Sound Settings
2. Equalizer = 10 จุด ตั้งแต่ 32Hz ถึง 16kHz รวมอีคิวสำเร็จรูปให้เลือก 6 รูปแบบ + custom อีก 2 เมมโมรี่
3. DSEE HX = อัพสเกลสัญญาณเสียงที่ถูกบีบอัด (compressed) รวมถึงสัญญาณที่มีความละเอียดระดับ CD ให้ขึ้นมาใกล้เคียงกับระดับไฮเรซฯ
4. DC Phase Linearizer = ปรับเฟสของสัญญาณความถี่ต่ำให้มีลักษณะเหมือนสัญญาณอะนาลอก
5. Dynamic Normalizer = ปรับความดังของแต่ละเพลงให้ใกล้เคียงกัน
6. Vinyl Processor = ปรับจูนเสียงให้มีลักษณะอบอุ่น นุ่มนวล คล้ายเสียงที่ได้จากการเล่นแผ่นเสียง
– มีฟังท์ชั่นปรับตั้ง “High gain output” ซึ่งแยกปรับตั้งได้ระหว่างช่อง mini 3.5mm กับ balanced 4.4mm
เสียงของ NW-ZX507
NW-ZX300 ถอดแบบจาก NW-Z1R ออกมาได้แค่ความเนียน และความละเมียดละมัยของเนื้อเสียงเท่านั้น แต่สิ่งที่ยังจำลอง NW-Z1R ออกมาได้ไม่เหมือนก็คือ “ความสามารถในการควบคุมเสียง” ให้มีความนิ่งและความสามารถในการสูบฉีดไดนามิกที่เต็มเหนี่ยว นั่นจึงทำให้เสียงของ NW-ZX300 ขาดความสดและพลังที่เด็ดขาด
หลังจากที่ผมได้ทดลองฟังเสียงของ NW-ZX507 ผ่านหูฟังอินเอียร์แบบใช้สาย 2-3 ตัว ทั้งที่เป็นหูฟังของ Sony เองอย่างรุ่น IER-M9 (REVIEW) และรุ่น IER-Z1R (REVIEW) และยี่ห้ออื่นนั่นคือ Shozy รุ่น BG 5ba (REVIEW) ผมพบว่า NW-ZX507 ให้ลักษณะเสียงที่มีพลังการควบคุมที่เหนือกว่ารุ่น NW-ZX300 นั่นคือ NW-ZX507 สามารถขับดันเสียงออกมาจากหูฟังเหล่านั้นออกมาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่า เสียงที่ได้ยินมีความเป็นอิสระ หลุดลอยออกมาจากหูฟังแบบสบายๆ ไร้ซึ่งอาการเครียดใดๆ เวทีเสียงเหยียดออกมาจนเต็มรอบศีรษะ ซึ่งเป็นอาการของแอมป์ฯ ที่มีพลังมากเพียงพอในการควบคุมการทำงานของไดเวอร์หูฟังให้เปล่งเสียงออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่มีอาการอมพะนำ เมื่อทดลองฟังเพลงที่มีไดนามิกเร้นจ์กว้างๆ ผมพบว่า NW-ZX507 สามารถถ่ายทอดอัตราสวิงของไดนามิกที่เปิดกว้างออกมาได้อย่างน่าพอใจ หัวเสียงกระชับและมีน้ำหนักย้ำเน้น ไม่มีอาการหน่วงช้าและอ่อนละโหย อีกทั้งสปีดทรานเชี้ยนต์ของสัญญาณฉับพลันก็สามารถตอบสนองได้เร็ว ทำให้ได้ทรานเชี้ยนต์ของเสียงที่มีทั้งความฉับไวและกระแทกกระทั้น
NW-ZX507 ให้เสียงที่มีบุคลิกสด กระจ่าง และกระฉับเฉง และรู้สึกได้ว่ามันมีพลังในการขับดันหูฟังที่มากกว่ารุ่น NW-ZX300 อย่างชัดเจน ซึ่งฟังท์ชั่น High gain output ที่ให้มานับว่ามีส่วนช่วยอยู่มากในกรณีที่ต้องการใช้ NW-ZX507 ขับหูฟังแบบฟูลไซร้อย่าง AKG รุ่น K702/65th ที่ผมมีอยู่ ซึ่งตอนแรกดูเหมือนว่ามันจะขับไม่ออก แต่เมื่อลองปรับตั้งเอ๊าต์พุตให้เป็น High gain ปรากฏว่าฟังแล้วได้อรรถรสขึ้นมามาก แม้ว่าจะยังไม่เต็มที่เหมือนตอนขับด้วย DAC/Amp แบบตั้งโต๊ะ แต่เสียงที่ได้ยินผมก็ถือว่าดีกว่าที่เคยทดลองใช้เพลเยอร์ตัวอื่นๆ ขับมากทีเดียว.. ผมยอมรับว่ามีความประทับใจทางด้านกำลังขับของ NW-ZX507 มากเป็นพิเศษ!
ข้างต้นนั้นคือบุคลิกเสียงของ NW-ZX507 เมื่อผมปรับตั้งฟังท์ชั่น Sound Settings ไว้ที่ “Direct” คือไม่ทำการปรับแต่งเสียงใดๆ ซึ่งน้ำเสียงโดยรวมจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของไฟล์เพลงของคุณ ซึ่งผมพอใจคุณภาพเสียงที่ NW-ZX507 ถ่ายทอดออกมามาก มันทำผลงานได้ดีเยี่ยมกับหลายๆ อัลบั้มที่ผมใช้อ้างอิงในการทดสอบ หลังจากเก็บข้อมูลจนเพียงพอแล้ว ผมก็ทดลองฟังโดยใช้การปรับแต่งเสียงในฟังท์ชั่น Sound Settings เข้ามาช่วย ผมพบว่า มีอยู่ 2 ฟังท์ชั่นที่ทำให้เสียงออกมาน่าฟังมาก นั่นคือฟังท์ชั่น DC Phase Linearizer ซึ่งช่วยทำให้เสียงในย่านทุ้มมีโฟกัสที่ชัดเจนมากขึ้น ลดอาการบวมเบลอลงไปได้พอสมควร มีผลให้สามารถฟังจับโน๊ตต่ำๆ ได้ดีขึ้น ส่วนอีกฟังท์ชั่นก็คือ Vinyl Processor ซึ่งทำให้เสียงของไฟล์เพลงมีลักษณะคล้ายเสียงจากการเล่นแผ่นเสียง คือเบสจะอวบหนาขึ้นมาและสปีดของเพลงจะเนิบช้าลงเล็กน้อย เป็นสีสันที่เกิดขึ้นทันที สามารถจับความแตกต่างที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งมีผลทำให้ได้บุคลิกเสียงที่น่าฟังมากขึ้น ไม่ได้ใช้แล้วเกิดอาการหลอนๆ หลอกๆ เหมือนฟังท์ชั่นปรับแต่งเสียงรูปแบบต่างๆ ในอดีต.. ผมยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากสำหรับ DSP ที่โซนี่พัฒนาขึ้นมาใช้กับ NW-ZX507 ตัวนี้.!!
ทดลองเชื่อมต่อ Bluetooth กับหูฟังไร้สาย
ถ้าเน้นคุณภาพเสียงสูงสุด ต้องใช้ NW-ZX507 กับหูฟังแบบใช้สาย แต่กรณีที่คุณต้องการความสะดวกและยอมลดหย่อนเรื่องคุณภาพเสียงลงมาบางส่วน คุณก็สามารถใช้งาน NW-ZX507 กับหูฟังแบบไร้สายหรือ True Wireless Headphone ได้ ด้วยการเชื่อมต่อหูฟังกับ NW-ZX507 ผ่านคลื่นไร้สาย Bluetooth
แต่ก็ใช่ว่า การใช้งาน NW-ZX507 กับหูฟังบลูทูธแบบไร้สายจะเน้นแต่ความสะดวกโดยไม่สนใจคุณภาพเสียงนะครับ ถ้าคุณต้องการความสะดวกอิสระจากความไม่มีสายระเกะระกะ แต่ยังต้องการคุณภาพเสียงที่น่าพอใจ ผมแนะนำให้เลือกใช้ NW-ZX507 ร่วมกับหูฟังไร้สาย True Wireless ของ Sony รุ่น WF-1000XM3 เหมือนที่ผมใช้อยู่ เพราะหูฟังตัวนี้รองรับการฟังเพลงที่เป็นฟอร์แม็ต 360 Reality Audio นั่นเอง.. ซึ่งผมลองฟังแล้วติดใจมาก.. บอกเลย!!!
วิธีใส่ไฟล์เพลงเข้าไปใน NW-ZX507
หลังการเปิดตัว Signature Series ทาง Sony ก็ได้ทำการปรับปรุงแอพลิเคชั่น SongPal ที่เคยใช้ในการควบคุมอุปกรณ์เครื่องเสียงของ Sony ขนานใหญ่ มีการปรับปรุงฟังท์ชั่นต่างๆ มากมาย และได้ทำการเปลี่ยนชื่อจาก SongPal มาเป็น “Sony Music Center” พร้อมทั้งเปลี่ยนโลโก้ของแอพฯ ด้วย
แอพฯ Sony Music Center มีทั้งเวอร์ชั่นโมบายสำหรับดาวน์โหลดติดตั้งบนอุปกรณ์พกพาทั้งที่ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Android และ iOS และยังมีเวอร์ชั่นที่ใช้ติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ที่รองรับบน Windows ชื่อว่า Music Center for PC ส่วนคอมพิวเตอร์ Mac ใช้โปรแกรม Content Transfer for Mac
ซึ่งหน้าที่สำคัญของแอพฯ Sony Music Center บนคอมพิวเตอร์ก็คือใช้เป็นสื่อกลางในการ “ถ่ายไฟล์เพลง” (file transfer) จากคอมพิวเตอร์เข้าไปที่หน่วยเก็บความจำของ NW-ZX507 ซึ่งเลือกได้ว่าจะเก็บไว้ในฮาร์ดดิสที่ตัว NW-ZX507 หรือเก็บไว้ในการ์ด microSD ที่เสียบอยู่ในตัว
ในภาพข้างบนนั้นคือภาพหน้าจอของแอพฯ Music Center for PC ซึ่งผมลงไว้บนคอมพิวเตอร์ PC ที่ใช้ Windows 10 เป็นระบบปฏิบัติการณ์ ในภาพนั้นขณะทำการถ่ายโอนไฟล์เพลง FLAC จำนวน 5 อัลบั้มเข้าไปไว้ในการ์ด microSD ของผมที่อยู่ในตัว NW-ZX507 ซึ่งที่มุมขวาล่างของภาพจะเห็นกรอบดำๆ ซึ่งแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์ในการถ่ายโอน ว่าในขณะนั้นกำลังถ่ายโอนแทรคที่ 5 จากจำนวนทั้งหมด 95 แทรคที่จะต้องถ่ายโอน เหนือขึ้นด้านบนก็แสดงรายละเอียดของไฟล์ที่กำลังถ่ายโอนว่ามีขนาดทั้งหมดเท่ากับ 3.4GB และการ์ด microSD มีพื้นที่ว่างเหลือเท่ากับ 67GB ซึ่งแอพฯ ตัวนี้ทำให้การจัดการและการถ่ายโอนไฟล์เพลงระหว่างคอมพิวเตอร์กับ NW-ZX507 ทำได้ง่ายมากๆ
คลิปสั้นๆ แสดงลักษณะการถ่ายไฟล์เพลงเข้าที่ตัว NW-ZX507
https://rd1.sony.net/help/dmp/mov0003/h_zz/
สรุป
หลังจากได้ทดสอบแล้ว ต้องขอบอกว่าประทับใจสุดๆ กับความสามารถของ NW-ZX507 ที่มีให้เล่นได้หลากหลายรูปแบบมาก มันได้ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นไปเยอะมากเมื่อเทียบกับรุ่น NW-ZX300 โดยเฉพาะความสามารถในการใช้งานออนไลน์ที่อิสระและกว้างขวางอย่างยิ่ง แต่ที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ “คุณภาพเสียง” ซึ่ง NW-ZX507 ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับผม ผมถือว่าเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับเครื่องเล่นไฟล์เพลงของ Sony เลยทีเดียว..!!!
**********************
ราคา : 25,990 บาท
**********************
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บ. Sony Thai
facebook : Sony.co.th