ในขณะที่เครื่องเสียงระดับไฮเอ็นด์ฯ ในปัจจุบันมีราคาสูงขึ้นมาก แต่ถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่า เครื่องเสียงในระดับมิดเอ็นด์ฯ กลับเป็นระดับที่ “คุ้มราคา” มากที่สุดสำหรับปัจจุบัน.! โดยเฉพาะอุปกรณ์ประเภทแหล่งต้นทาง, แอมป์ และลำโพง ที่มีราคาแต่ละชิ้นไม่เกิน 100,000 บาทนี่แหละ
อินติเกรตแอมป์ที่มี “ภาค DAC” ในตัว
คือทางเลือก “ที่ดีที่สุด” สำหรับซิสเต็มระดับกลาง.!
สำหรับซิสเต็มที่อยู่ในระดับปานกลาง รวมงบประมาณทั้งชุดอยู่ระหว่าง 100,000 – 200,000 บาท อินติเกรตแอมป์ที่มี DAC ในตัวจะเป็นทางเลือกที่ลงตัวมากกว่าปรี+เพาเวอร์ฯ แยกชิ้นที่ต้องใช้งบประมาณสูงกว่าและมีความเสี่ยงต่อการ mismatch อีกด้วย (*ถ้าปรี+เพาเวอร์ฯ ไม่แม็ชกัน เสียงโดยรวมก็จะแย่ลง)
ถ้าจะให้ผมแนะนำอินติเกรตแอมป์ที่มีภาค DAC ในตัว และมีราคาอยู่ในงบประมาณ “ไม่เกิน 60,000 บาท” ณ วินาทีนี้ ผมจะแนะนำ LEAK รุ่น Stereo 230 ตัวนี้เป็นตัวเลือกแรก เหตุผลคืออะไร.? มาดูกันว่าอินติเกรตแอมป์ตัวนี้มีอะไรดี.? ทำไมถึงเป็นเป้าหมายแรกที่ผมตั้งใจเลือกมาแนะนำ..
ข้อแรกคือ.. สวย.!!
สำหรับเครื่องเสียงแล้ว ต้องยอมรับว่า เสียงดี+ฟังท์ชั่นครบ อาจจะยังไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบ ต้อง “สวย” ด้วยถึงจะเพอร์เฟ็กต์.!
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า LEAK ‘Stereo 230’ เป็นแอมป์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิด new technology บนรูปลักษณ์ vintage นั่นคือเหตุผลที่รูปร่างหน้าตาของ Stereo 230 จึงออกไปทางย้อนยุค โดยเฉพาะกรอบไม้วอลนัทสีน้ำตาลเข้มที่ล้อมรอบตัวถังเครื่องทั้ง 4 ด้านนั้นเป็นตัวสะท้อนที่ชัดเจนถึงดีไซน์ที่นิยมกันมาตั้งแต่ยุค ‘70 รวมถึงลักษณะของปุ่มลูกบิดใหญ่–เล็กทั้ง 5 ปุ่มที่อยู่บนหน้าปัดก็ยิ่งช่วยตอกย้ำให้นึกถึงวิทยุสมัยโบราณ ซึ่งต้องชมว่า ทีมผู้ผลิตของค่าย AIG เขาทำการบ้านมาดี ทำออกมาได้กลิ่นอายย้อนยุคที่มีความกลมกลืนมาก ถ้าใครที่มีพื้นนิสัยชื่นชอบอะไรที่ดีไซน์ย้อนยุคแบบนี้อยู่แล้ว มาเห็นรูปร่างหน้าตาของ Stereo 230 ตัวนี้เข้าคงได้กรี๊ดสลบ.!!
บอดี้ของ Stereo 230 มาในทรงหน้าแคบแต่ลึกลงไปทางด้านหลัง บนแผ่นหลังมีติดตะแกรงสีดำเพื่อช่วยระบายความร้อนไว้ด้วย ดูลักษณะของตะแกรงแล้วก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นวินเทจหนักเข้าไปอีก
แผงหน้ากับฟังท์ชั่นที่จำเป็น
1. ปุ่ม input selector
2. ปุ่มปรับเสียงทุ้ม (bass)
3. ปุ่ม direct
4. ปุ่มปรับเสียงแหลม (treble)
5. ช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 6.3 ม.ม.
6. ปุ่ม power
7. ปุ่มปรับบาลานซ์ซ้าย–ขวา
8. ปุ่มปรับวอลลุ่ม
อย่างที่เกริ่นมาข้างต้นว่า Stereo 230 ถูกออกแบบมาภายใต้คอนเซ็ปต์ new technology บนรูปลักษณ์ vintage ด้วยเหตุนี้ แอมป์ตัวนี้จึงมีทั้งฟังท์ชั่นและเทคโนโลยีสมัยใหม่อัดอยู่เต็มเหยียดภายใต้รูปลักษณ์ย้อนยุคที่เห็นอยู่ภายนอก ไม่เว้นแม้กระทั่งความสามารถในการสั่งเปิด/ปิดเครื่องผ่านทางรีโมทไร้สายได้ ซึ่งแยกสวิทช์ main ที่ปิด/เปิดให้ไฟเอซีเข้าเครื่องแยกไว้ที่แผงหลัง และติดตั้งปุ่มกดสำหรับเปิดเครื่องและสแตนด์บาย (6) ไว้ที่แผงหน้ากรณีที่ต้องเปิด/ปิดเครื่องด้วยมือ ที่ข้างๆ ปุ่ม power ทางซ้ายมือจะมีไฟ LED ดวงเล็กๆ อยู่หนึ่งดวง ซึ่งจะติดสว่างขึ้นเป็นสีแดงเมื่อปุ่ม power ถูกกดหรือปุ่ม power บนรีโมทไร้สายถูกกดเพื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใช้งาน
รีโมทไร้สายที่แถมมาให้
แม้ว่าจะมีฟังท์ชั่นปรับทุ้ม (2) กับแหลม (4) มาให้สำหรับคนที่อยากจะเติมสีสันให้กับเสียงเพลง แต่กระนั้น Stereo 230 ก็ไม่ได้ละทิ้งนักเล่นเครื่องเสียงไปซะเลย พวกเขาได้เตรียมอ๊อปชั่นพิเศษมาให้สำหรับนักเล่นฯ ที่ต้องการรักษาความบริสุทธิ์ของสัญญาณอินพุตก็สามารถตัดเส้นทางสัญญาณไม่ให้ผ่านวงจรปรับทุ้ม–แหลมได้โดยกดที่ปุ่ม Direct (3) ให้ไฟ LED ที่อยู่เหนือปุ่ม Direct สว่างเป็นสีแดง เท่านี้ สัญญาณอินพุตก็จะเดินทางสั้นลง ไม่ต้องวิ่งอ้อมไปผ่านวงจรปรับทุ้ม–แหลมแล้ว เสียงที่ออกมาก็จะตรงตามต้นฉบับที่เข้ามาทางอินพุตมากขึ้น
Stereo 230 ให้อินพุตมามากถึง 8 อินพุต เลือกผ่านปุ่มหมุนขนาดใหญ่ (1) ครอบคลุมได้หมดทั้งจากแหล่งต้นทางที่เชื่อมต่อกับ Stereo 230 ด้วยวิธีไร้สายผ่านคลื่น Bluetooth และทางสายเชื่อมต่อที่ให้มาครบทั้งดิจิตัลและอะนาลอก และที่เซอร์ไพร้มากก็คืออินพุต HDMI (ARC) ที่ให้มาเพื่อใช้เชื่อมต่อกับสัญญาณเสียงจากทีวีด้วย (*นั่นคือคุณสามารถใช้อินติเกรตแอมป์ตัวนี้เป็นแอมป์หลักในห้องรับแขก สำหรับดูหนัง–ฟังเพลงได้เลย) นอกจากนั้น ยังมีภาคขยาย 50 มิลลิวัตต์ สำหรับขยายเสียงให้กับหูฟังที่มีอิมพีแดนซ์ตั้งแต่ 16 – 600 โอห์ม มาให้ด้วย
ช่องอินพุต & เอ๊าต์พุต
9. ช่องอะนาลอก อินพุต
10. ช่องอะนาลอก Pre-Out
11. ช่องดิจิตัล อินพุต
12. ช่องอินพุต USB
13. ขั้วต่อสายลำโพง
14. ปุ่มเมนสวิทช์
15. เต้ารับสายไฟเอซี
16. ลู๊ป in/out สำหรับสัญญาณกระตุ้น trigger switch 12V
เทอมินัลสำหรับเชื่อมต่อกับสัญญาณจากแหล่งต้นทางต่างๆ รวมถึงช่องเอ๊าต์พุตทุกรูปแบบถูกติดตั้งไว้บนแผงหลังของตัวเครื่องทั้งหมด ยกเว้นรูเสียบแจ็คหูฟังเท่านั้นที่อยู่บนแผงหน้า
อินติเกรตแอมป์ตัวนี้ให้อินพุตมาครบทั้ง analog และ digital โดยที่ทางด้านอะนาลอกนั้นมีมาให้ใช้ทั้งหมด 3 ช่อง ด้วยกัน (9) ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นช่องอินพุต Phono ให้มาสำหรับรองรับสัญญาณเอ๊าต์พุตจากหัวเข็มของเครื่องเล่นแผ่นเสียง ซึ่งในตัวของ Stereo 230 มีภาคขยายสัญญาณจากหัวเข็ม MM และ MC High Output มาให้ แต่เป็นภาคโฟโนที่มีเกนค่อนข้างต่ำ มีความไวอยู่ที่ 4.1mV ถือว่าต้องการหัวเข็มที่มีเกนค่อนข้างสูง และมีจุดเชื่อมกราวนด์จากเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาให้ด้วย (อยู่ด้านบนของช่องอินพุต Phono)
อีก 2 ช่องที่เหลือคือช่อง AUX1 กับ AUX2 ซึ่งให้มารองรับแหล่งต้นทางที่ให้สัญญาณเอ๊าต์พุตออกมาในรูปของสัญญาณอะนาลอกที่มีความแรงระดับ Line Level คือระหว่าง 2.0 – 4.0V อย่างเช่นสัญญาณอะนาลอก เอ๊าต์พุตจากเครื่องเล่นแผ่นซีดี, เอ๊าต์พุตจากสตรีมเมอร์ (เครื่องเล่นไฟล์เพลงผ่านเน็ทเวิร์ค) หรือเอ๊าต์พุตจาก external DAC ทั่วไป
ส่วนช่องอินพุตและเอ๊าต์พุตสำหรับสัญญาณดิจิตัลมีมาให้รวมทั้งหมด 4 ช่อง แยกเป็นช่องอินพุต 2 ช่อง (11) ที่ใช้รองรับสัญญาณดิจิตัลด้วยมาตรฐาน S/PDIF ได้แก่ optical กับช่อง coaxial โดยที่ช่องอินพุต coaxial กับ optical นั้นถูกกำหนดให้รองรับสัญญาณดิจิตัลตระกูล PCM ได้ตั้งแต่ 44.1kHz ขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดที่ 192kHz ไม่รองรับสัญญาณตระกูล DSD และให้ช่องอินพุต HDMI มาหนึ่งช่องสำหรับรับสัญญาณเสียงดิจิตัลฟอร์แม็ต PCM จากทีวี ส่วนดิจิตัล อินพุตช่องที่ 4 เป็นช่องอินพุต USB (12) ที่มีให้ไว้ใช้รองรับสัญญาณดิจิตัลจากคอมพิวเตอร์ หรือสตรีมเมอร์ โดยที่ช่อง USB นี้เป็นช่องอินพุตที่มีความสามารถรองรับสัญญาณดิจิตัลได้สูงที่สุด คือรองรับตระกูล PCM ได้สูงสุดถึง 768kHz และรองรับสัญญาณดิจิตัลตระกูล DSD ได้สูงถึงระดับ DSD512 (22.4MHz) นอกจากนั้น ยังแถมช่องดิจิตัล เอ๊าต์พุตมาให้อีก 2 ช่อง (ในกรอบสีแดง) ผ่านขั้วต่อ coaxial กับ optical อย่างละช่อง
ขั้วต่อสายลำโพงที่ให้มาก็ดูดีมาก หน้าตาคล้ายของ WBT โลหะตัวนำชุบทอง ในขณะที่ตัวล็อคเป็นพลาสติกแข็ง สามารถเชื่อมต่อกับสายลำโพงได้ทุกรูปแบบ ให้การจับยึดที่มั่นคงแน่นหนา
แม็ทชิ่ง
ภาคเพาเวอร์แอมป์ของ LEAK ‘Stereo 230’ ระบุกำลังขับเอาไว้ที่ข้างละ 75W ที่โหลด 8 โอห์ม และปั๊มเพิ่มขึ้นมาได้เป็น 115W ต่อข้างที่โหลด 4 โอห์ม แสดงว่าแอมป์ตัวนี้มีกำลังสำรองอยู่ประมาณเกือบๆ 80% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย
ตอนทดสอบผมมีโอกาสทดลองแม็ทชิ่ง Stereo 230 เข้ากับลำโพงหลายคู่ด้วยกัน พบว่า ลำโพงที่นำมาจับคู่กับอินติเกรตแอมป์ตัวนี้แล้วมีประเด็นที่ “ไปกันได้” มีอยู่ทั้งหมด 4 คู่ ด้วยกัน เรียงตามลำดับราคาก็คือ PSB รุ่น Alpha P5 (*คู่ละหมื่นกว่าบาท), Wharfedale รุ่น Super Denton (*คู่ละสามหมื่นกว่าบาท)(REVIEW), PSB รุ่น Imagine T65 (*คู่ละ 7-8 หมื่นบาท)(REVIEW) และ Audio Physic รุ่น Classic 8 (*คู่ละแสนนิดๆ)(REVIEW) (***ราคาปัจจุบันของลำโพงแต่ละคู่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง รบกวนสอบถามราคาลำโพงแต่ละคู่กับตัวแทนจำหน่ายหรือผู้นำเข้าอีกครั้ง)
โทนเสียงที่ได้จากการแม็ทชิ่งกับลำโพงแต่ละคู่
LEAK ‘Stereo 230’ + PSB ‘Alpha P5’
ลำโพง PSB ‘Alpha P5’ รองรับกำลังขับสูงสุดได้แค่ 90W ที่โหลด 8 โอห์ม ในขณะที่ LEAK ‘Stereo 230’ สามารถจ่ายกำลังขับได้ 75W ที่โหลด 8 โอห์ม นั่นก็เท่ากับว่าเกือบจะเต็มพิกัดที่ลำโพงรับได้ แสดงว่ากำลังขับ Stereo 230 สามารถควบคุม Alpha P5 ได้อย่างราบคาบ ผมทดสอบ Stereo 230 + Alpha P5 ในห้องรับแขกโดยอาศัยรับสัญญาณเสียงจากทีวีเข้าทางช่อง HDMI เพื่ออัพเกรดระบบเสียงตอนดูหนังจาก Netflix และฟังเพลงจากสตรีมมิ่งโดยใช้ Bluesound ‘New NODE’ เป็นมิวสิค สตรีมเมอร์ป้อนสัญญาณเสียงอะนาลอกเอ๊าต์เข้าทางอินพุต AUX1 ของ Stereo 230 ซึ่งเสียงที่ออกมาก็ช่วยยืนยันผลไปตามนั้น คือได้ไดนามิกที่สวิงได้เต็มสเกล ได้มิติ–เวทีเสียงที่หลุดตู้ทุกความถี่ รายละเอียดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเกินราคาลำโพงไปไกล แฮ้ปปี้ทั้งดูหนังและฟังเพลง
LEAK ‘Stereo 230’ + Wharfedale ‘Super Denton’
ผมย้าย Stereo 230 เข้ามาทดสอบในห้องฟังตอนจับคู่กับ Super Denton ซึ่งผมพบว่า จริงๆ แล้ว คู่ Stereo 230 + Alpha P5 จะให้เสียงออกมาตึงๆ เครียดๆ นิดๆ เมื่อเปิดดังๆ เป็นลักษณะของแอมป์ที่คุมลำโพงมากไปหน่อย หรืออีกมุมหนึ่งก็คือ ลำโพงเล็กกว่าแอมป์ไปนิด ใช้ฟังในห้องรับแขกพอไหว แต่จะยกเข้าห้องฟังแล้วอัดความดังสูงๆ เพื่อดึงไดนามิกเร้นจ์ออกมาให้สวิงเต็มห้องลำโพงแบบนั้นมันไม่ไหว พอเปลี่ยนลำโพงมาเป็น Whafedale ‘Super Denton’ ถึงค่อยรู้สึกว่า แอมป์กับลำโพงมันค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ลำหักลำโค่นไปกันได้ดีกว่า ซึ่งค่าเฉลี่ยโดยรวมถือว่าออกมาดีน่าพอใจ นับว่าเป็นคู่แอมป์+ลำโพงที่แม็ทชิ่งกันมาก โทนัลบาลานซ์สวย ปริมาณของทุ้ม–กลาง–แหลมมีความสมดุลกำลังดี ไม่เน้นแหลมหรือเน้นทุ้มมากเกินไป ความโดดเด่นเป็นพิเศษสำหรับแอมป์+ลำโพงคู่นี้อยู่ที่ “เสียงกลาง” ที่น่าฟังมาก มันให้ทั้งความนุ่มกับความเนียนที่พอเหมาะ บวกกับความสดคล้ายจริง ไทมิ่งดี ไม่ติดเฉื่อย
LEAK ‘Stereo 230’ + PSB ‘Imagine T65’
สำหรับคนที่มีห้องขนาดใหญ่ ประมาณ 15 – 24 ตรม. และชอบฟังเพลงที่ไม่ตึงตังมาก ดนตรีไม่ซับซ้อนและไม่เน้นเสียงทุ้มหนักๆ กระชับๆ น่าจะชอบเสียงของคู่ Stereo 230 + Imagine T65 ชุดนี้ เพราะมันให้เสียงที่เปิดโล่งมากเป็นพิเศษ รายละเอียดมีออกมาให้ครบตั้งแต่แหลมลงไปถึงทุ้ม เวทีเสียงแผ่กว้าง อิมเมจขยายใหญ่ คุณสมบัติที่ยังไม่สมบูรณ์แบบก็คือไดนามิกที่ยังสวิงได้ไม่สุดสเกล แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเลวร้าย เรียกว่าถ้าสเกลสูงสุดคือ 10 คู่ของ Stereo 230 + Imagine T65 ชุดนี้ทำได้สูงสุดประมาณ 8.5 ซึ่งก็ยังมากพอที่จะแยกแยะชิ้นดนตรีได้เด็ดขาด เปิดดังมากๆ เวทีเสียงจะเดินหน้าออกมาหน่อยๆ แสดงถึงกำลังสำรองของแอมป์ที่น้อยไปนิด จึงยังควบคุมลำโพงได้ไม่เด็ดขาดขณะที่เปิดดังมากๆ แต่ก็อย่างที่บอก ถ้าเปิดในระดับปกติ ไม่เล่นเพลงที่ซับซ้อนมากๆ อย่างเพลงคลาสสิกวงใหญ่แนวโอเวอเจ้อร์ก็จะไม่รู้สึกถึงข้อจำกัดทางกำลังสำรองที่ว่านั้น
LEAK ‘Stereo 230’ + Audio Physic ‘Classic 8’ + ซับวูฟเฟอร์ KEF ‘KC92’ x 2
ตอนทดลองขับลำโพง Audio Physic ‘Classic 8’ ในระบบเสียง stereo 2 ch เสียงโดยรวมออกมาในระดับที่พอใช้ได้ กลาง–แหลมออกมาดี นวลเนียนน่าฟัง ส่วนทุ้มติดนุ่มไปนิด เพลงช้าๆ จะไม่รู้สึกว่าติดหน่วงช้า แต่พอฟังเพลงที่มีเบสกระชั้นๆ จะรู้สึกนุ่มๆ หน่วงๆ นิดนิด ตอนท้ายๆ ของการทดสอบ ผมทดลองเอาลำโพงแอ๊คทีฟ ซับวูฟเฟอร์รุ่น KC92 ของ KEF เข้ามาเสริม 2 ตัว (ที่เห็นก้อนสี่เหลี่ยมสีดำด้านข้าง Classic 8 นั่นแหละ) โดยดึงสัญญาณ Line Level จากช่อง Pre-Out ของ Stereo 230 ไปใช้ หลังจากเซ็ตอัพ “จุดตัด+เฟส+วอลลุ่ม” ของลำโพงซับวูฟเฟอร์จนกลืนกับเสียงจากลำโพง Classic 8 แล้ว ผมพบว่า เสียงโดยรวมที่ได้จาก Stereo 230 + Classic 8 + KC92 (x2) มันขยับไปอีกขั้น คือรู้สึกได้เลยว่าสนามเสียงมันแผ่ขยายออกมาเต็มห้องมากขึ้น น้ำเสียงโดยรวมมีความอิ่มเอิบมากขึ้น เสียงกลางและเสียงแหลมมีลักษณะที่ “ลอยตัว” ขึ้นมาโดยมีมวลของแอมเบี้ยนต์คอยโอบอุ้มเอาไว้ และที่น่าแปลกก็คือ พอมีซับวูฟเฟอร์เข้ามาเสริม โดยที่ใช้วอลลุ่มเท่ากับตอนที่ไม่ได้เสริมซับฯ ผมพบว่า เสียงกลางและแหลมมันมีลักษณะที่ผ่อนคลายมากกว่าตอนที่ไม่มีซับวูฟเฟอร์ ซึ่งน่าแปลกมาก.! เสียงโดยรวมออกมาดีขึ้น เสียงอิ่มเต็มมากขึ้น เสียงทุกย่านมีลักษณะที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งๆ ที่วอลลุ่มเท่าเดิม.!! คือตอนไม่มีซับฯ มาช่วย ผมรู้สึกว่ากำลัง+สำรองของ Stereo 230 น้อยไปนิดที่จะควบคุม Classic 8 ให้อยู่หมัด แต่พอเพิ่มซับวูฟเฟอร์เข้ามา อาการข้อจำกัดที่เคยรู้สึกว่ากำลังของแอมป์ไม่พอหายไปเลย..!!!
สรุปเสียงของ LEAK Stereo 230
ในอดีตนั้น ภาค DAC ในตัวอินติเกรตแอมป์ถูกผู้ผลิตมองว่าเป็น “ของแถม” จึงมักจะใส่มาให้แบบ “พอให้มีเสียง” ถ้าไปส่องในสเปคฯ ของแอมป์ที่แถมภาค DAC มาให้ จะพบว่า โดยมากแล้ว ชิป DAC ที่ใช้อยู่ในภาค DAC ที่แถมมาให้มักจะเป็นชิปรุ่นเก่าที่มีสเปคฯ ต่ำกว่ารุ่นใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพเสียงที่ออกมาก็จะอยู่ในระดับที่ “ต่ำกว่า” อุปกรณ์ประเภท external DAC ที่เป็นแบบแยกชิ้นของแบรนด์เดียวกันที่อยู่ในยุคปัจจุบัน
มีข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นแบรนด์ที่ทำ external DAC ออกมาด้วย ก็ถือว่าเป็นเหตุเป็นผลที่เขาจะทำแบบนั้น คือเอาชิป DAC รุ่นต่ำกว่าหรือเก่ากว่าไปใส่ไว้ในภาค DAC ที่แถมมาให้ในอินติเกรตแอมป์หรือออล–อิน–วัน แต่ในตัว external DAC จะใช้ชิปที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
จะว่าเป็นโชคดีก็ได้ที่แบรนด์ LEAK ไม่ได้ทำ external DAC ออกมาขาย พวกเขาจึงจับชิป DAC เบอร์ใหญ่ๆ อย่าง ES9038Q2M ใส่มาให้ในภาค DAC ที่แถมมากับอินติเกรตแอมป์รุ่น Stereo 230 แถมยังให้ช่องดิจิตัล อินพุตมาครบทั้ง optical, coaxial และ USB ใครที่ใช้สตรีมเมอร์ทรานสปอร์ตเป็นตัวเล่นไฟล์เพลง หรือใช้วิธีเล่นไฟล์เพลงด้วยโปรแกรมเล่นไฟล์เพลงบนคอมพิวเตอร์ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากภาค DAC ในตัว LEAK ‘Stereo 230‘ ได้อย่างน่าพอใจกับน้ำเสียงที่ได้ออกมา ซึ่งเทียบชั้นได้กับ external DAC ราคา 3-4 หมื่นได้สบายๆ (*เสียงจากภาค DAC ในตัว stereo 230 จะออกมาดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสตรีมเมอร์ ทรานสปอร์ต หรือประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ที่คุณใช้อยู่นั่นเอง)
ในภาพนั้น ผมทดลองใช้สตรีมเมอร์ ทรานสปอร์ตของ Innuos รุ่น PULSE ทำหน้าที่เล่นไฟล์เพลงจากเน็ทเวิร์ค (NAS และสตรีมจาก TIDAL) แล้วส่งสัญญาณเสียงไปที่อินพุต USB ของ Stereo 230 เสียงออกมาดีมาก สิ่งแรกที่รับรู้ได้ก็คือ “เกน” ของเสียงที่แรงพอ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการแม็ทชิ่งด้วยการปรับจูนระหว่างเอ๊าต์พุตของภาค DAC กับภาคขยายในตัว Stereo 230 ที่ลงตัวนั่นเอง ทำให้ได้เสียงที่มีพลังอัดฉีดที่ดี ไดนามิกสวิงได้กว้าง เนื้อเสียงอิ่มและเนียนดี เสียงโดยรวมออกมาดีกว่าที่คาด
อัลบั้ม : Nothing Gonna Change My World (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Barbara Dickson
สังกัด : 2006 Universal/Concord (985 454-5)
เพราะใช้ชิป DAC ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่กำหนดแบนด์วิธของภาคปรี+เพาเวอร์ฯ ไว้แค่ 20Hz – 20kHz จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เสียงของภาค DAC ในตัว Stereo 230 ออกมาเข้มข้นและเนียนสะอาด เพราะความผิดเพี้ยนที่เกิดจากกระบวนการ D-to-A converter ได้ถูกดันขึ้นไปอยู่เหนือ 20kHz ไปไกล และได้ถูกวงจรฟิลเตอร์กรองทิ้งไปทั้งหมด ส่งผลให้เสียงตลอดทั้งย่าน 20Hz – 20kHz มีความสะอาดอย่างที่ว่ามาตอนต้น โดยเฉพาะ “เสียงกลาง” ที่มีลักษณะเปิดเผย จะแจ้ง แต่ไร้ซึ่งเกรนโดยสิ้นเชิง ทำให้สามารถเปิดได้ดังโดยไม่มีอาการหยาบหู เสียงร้องของ Barbara Dickson ในเพลง Eleanor Rigby มีลักษณะที่เปิด โปร่ง และลอย มีมวลเนื้อที่เนียนนวล พร้อมด้วยเกนที่เข้มข้นทำให้เปิดดังๆ เสียงร้องก็ยังคงเนียนสะอาด ไม่แตกหยาบ และไม่แบนบาง
ข้อดีของ DAC ที่มีสเปคฯ สูงๆ จะให้ “รายละเอียด” ของเสียงในลักษณะที่ไม่พยายาม “ดัน” รายละเอียดที่เบาๆ ให้ดังขึ้นมามากเกินไปจนเสียรูปวง แต่จะ “เปิดเผย” รายละเอียดที่ระดับ Low Level ออกมาในลักษณะที่มีความกลมกลืนไปกับเสียงอื่นๆ ทำให้ลักษณะของรูปวงเวทีเสียงไม่เปลี่ยนไปจากต้นฉบับ ลองฟังเพลง Eleanor Rigby แทรคเดียวกันนี้ ผมได้ยินเสียงซินธิไซเซอร์ที่มีโทนทุ้มต่ำๆ ลอยอยู่ด้านหลังของเสียงร้อง แยกเป็นเลเยอร์ที่ทอดลึกเข้าไปไกลๆ และช่วงกลางๆ เพลง ตอนที่มีเสียงประสานดังขึ้นมา พบว่า เสียงประสานที่ว่านั้นมีลักษณะที่ลอยแผ่ขึ้นมาเป็นแผงอยู่ด้านหลังของเสียงร้องอีกชั้นนึง และที่รู้สึกชัดก็คือพลังของเสียงประสานที่ฟังแล้วขนลุก.!!
อัลบั้ม : In Need Again (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Repercussion Unit
สังกัด : CMP Records
ถึงจะดีแค่ไหน.. ก็ต้องมีข้อจำกัด กับเพลงที่ไม่เน้นไดนามิกที่รุนแรงผมพบว่า ภาค DAC + ภาคเาเวอร์แอมป์ในตัว Stereo 230 สามารถรับมือได้สบายเมื่อจับกับลำโพงที่ไม่โหดมาก (Alpha P5, Super Denton) เสียงโดยรวมจะออกมาน่าพอใจ แต่เมื่อจับกับลำโพงที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกระดับอย่าง Imagine T65 กับ Classic 8 ผมพบว่า กับเพลงร้องที่มีดนตรีไม่ซับซ้อน ไม่เน้นไดนามิกทรานเชี้ยนต์ที่รุนแรงมากๆ ก็พอไหว แต่พอลองฟังเพลงที่ดุดันมากๆ อย่างอัลบั้มชุด In Need Again ผมพบว่า เสียงทุ้มของอัลบั้มนี้จะออกมานุ่มและติดช้านิดๆ หัวเสียงสัมผัสแรกที่เป็นอิมแพ็คของหัวโน๊ตเพอร์คัสชั่นที่ความถี่ต่ำๆ จะขาดความฉับไวไปหน่อย อืออม.. เป็นเพราะภาค DAC หรือเป็นผลมาจากภาคเพาเวอร์แอมป์กันแน่.?
เพื่อเอาให้ชัด.. ผมเลยเปลี่ยนยก Innuos PULSE ไปจับคู่กับ Ayre Acoustic ‘QB-9 DSD Twenty’ และป้อนสัญญาณอะนาลอก เอ๊าต์พุตจาก QB-9 DSD Twenty ไปเข้าที่อินพุต AUX1 ของ Stereo 230 แล้วลองฟังเพลงเดิมคือ It’s Ridiculous ในอัลบั้ม In Need Again ชุดเดิม ปรากฏว่าคราวนี้เสียงดีขึ้นเยอะเลย ทุกเสียงมีความสด กระจ่าง ให้รายละเอียดกับสัมผัสที่เข้าใกล้กับเสียงจริงในธรรมชาติมากขึ้น ไทมิ่งดีขึ้น โดยเฉพาะเสียงในย่านทุ้มที่กระชับและเร็วขึ้น แยกหัวเสียง–บอดี้–หางเสียงออกจากก้ันได้เด็ดขาดมากขึ้น แสดงว่าภาคแอมปลิฟาย (ปรี+เพาเวอร์ฯ) ของ LEAK ‘Stereo 230’ ไม่ธรรมดาเลย.!!!
อัลบั้ม : Asian Roots (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : TaKeDaKe with Neptune
สังกัด : Denon
ภาคเพาเวอร์แอมป์ของ Stereo 230 เป็นแบบโซลิดสเตท ภาคขยายใช้ทรานซิสเตอร์ยุคใหม่ ทำงานด้วย class-AB โดยมีเคล็ดลับอยู่ที่ภาคจ่ายไฟ ซึ่งใช้ทรานฟอเมอร์ขนาดใหญ่ ที่มาของน้ำหนักที่เยอะมาก.! เกินขนาดของรูปร่างภายนอก เมื่อลองฟังอัลบั้มนี้แล้ว ผมก็สรุปฟันธงได้เลยว่า ตัวเลข 75W ต่อข้างของ Stereo 230 มันมากพอที่จะใช้ขับลำโพงระดับกลางทั่วไปได้สบายๆ เพราะเป็น 75W ที่มีกำลังสำรองหนุนอยู่เยอะนั่นเอง และด้วยเหตุที่ทีมดีไซน์ตั้งใจใช้วงจรขยาย class-AB แทนที่จะเป็น class-D อย่างที่กำลังฮิตกัน มีผลให้ได้บุคลิกเสียงบางอย่างที่ได้ฟังแล้วก็ให้ความรู้สึกถึงสิ่งดีๆ ใน “อดีต” ที่คุ้นเคย โดยเฉพาะลักษณะของ “มวลเนื้อเสียง” ที่มี texture ของผิวที่รู้สึกถึงความขรุขระเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ฟังดีแต่เรียบลื่นเป็นพลาสติก.. มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายลำบาก แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณเล่นเครื่องเสียงมานาน ผ่านแอมป์ที่ดีไซน์รูปแบบต่างๆ มาเยอะพอ คุณจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดถึงอย่างแน่นอน.. และถ้าคุณถวิลหาความรู้สึกดีๆ ในอดีตแบบนั้น อยากจะบอกว่า แอมป์ตัวนี้มีอยู่ในตัวครบ..!
อัลบั้ม : Fairly Tales (MQA-CD 24/176.4)
ศิลปิน : Radka Toneff
สังกัด : ODIN Records
อินพุต coaxial และ optical ของ Stereo 230 รองรับ MQA ได้ด้วย ผมลองเล่นไฟล์ WAV 16/44.1 ที่ผมริปจากแผ่น MQA-CD ด้วยสตรีมเมอร์ Roon nucleus+ ส่งสัญญาณดิจิตัล เอ๊าต์ไปที่อินพุต coaxial ของ Stereo 230 พบว่ามันสามารถถอดรหัส MQA ได้จริง เสียงที่ออกมามีรายละเอียดที่พร่างพรายกว่าไฟล์ WAV 16/44.1 ธรรมดาอย่างชัดเจน คอนทราสน์ไดนามิกเกลี่ยได้เนียนกว่า เสียงที่ออกมาจึงมีความพลิ้ว ลื่นไหล น่าฟัง โดยเฉพาะเสียงร้องที่โดดเด่นมาก
ใครที่ชอบเล่นง่ายก็สามารถสตรีมสัญญาณดิจิตัลจากอุปกรณ์พกพาที่ใช้เล่นไฟล์เพลงไปที่อินพุต Bluetooth ของ LEAK ‘Stereo 230’ ได้ด้วยนะ ผมแทบจะลืมอินพุตนี้ไปซะแล้ว สุ้มเสียงที่ออกมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ฟังเพลินๆ ได้อยู่
สรุป
นี่คืออินติเกรตแอมป์ที่ “เป็นทุกอย่างให้คุณ” ในราคาระดับกลางที่ไม่ทรมานกระเป๋า.. หลังจากได้ทดลองฟังและใช้งานมานานหลายเดือน ผมอยากจะสรุปสั้นๆ เลยว่า LEAK ‘Stereo 230’ ตัวนี้เป็นอินติเกรตแอมป์ที่ฝ่ายออกแบบคิดว่ากำลังทำแอมป์ไฮเอ็นด์ฯ ในขณะที่ฝ่ายขายคิดราคาต้นทุนผิด..!!!
**********************
ราคา : 52,900 บาท / ตัว
**********************
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บ. HiFi Tower
โทร. 02-881-7273-5
facebook: @hifitowerShop
LineID: @hifitower