รีวิวเครื่องเสียง Transparent Cable รุ่น Ultra Speaker Cable

ใครไม่เคยแวะเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Transparent Cable มาก่อน ผมแนะนำให้เข้าไปดูในเซคชั่น System Explorer () แล้วคุณจะพบว่า พวกเขามีตรรกะที่เยี่ยมยอดมากทั้งในการออกแบบไปจนถึงเทคนิคการขาย สิ่งที่พวกเขาบอกเล่าไว้ในนั้นมันดูสอดคล้องและเป็นเหตุเป็นผลมากถ้าจะวัดกันในเชิงตรรกะ ซึ่งบอกเลยว่า คอนเท็นต์ที่พวกเขาทำไว้ในนั้นมันช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของพวกเขาให้ดูน่าเชื่อถือ ดูเป็นวิทยาศาสตร์

พวกเขาเริ่มด้วยการแบ่งระดับความสามารถในการ เข้าถึงอรรถรสของดนตรีที่สอดคล้องกับ ประสิทธิภาพของชุดเครื่องเสียงออกมาเป็น 8 ระดับ โดยเริ่มจากความพึงพอใจระดับพื้นฐานคือ Satisfying (ความพึงพอใจในการฟัง) > Engaging (ความรู้สึกมีส่วนร่วม) > Believable (ความเชื่อว่ากำลังฟังเสียงของเครื่องดนตรีนั้นๆ) > Authentic (แท้จริง) > Realistic (เหมือนจริง) > Lifelike (เหมือนมีชีวิต) > Ultimate (สุดยอด) และระดับสูงสุดคือ Transcendent (หลุดพ้น)

ความหมายคือเมื่อชุดเครื่องเสียงดีขึ้น ก็จะทำให้ผู้ฟังเข้าถึงอรรถรสของเพลงได้ลึกซึ้งมากขึ้นเป็นลำดับ หลังจากนั้น พวกเขาก็ออกแบบสายสัญญาณและสายลำโพงออกมาเป็นหลายระดับ พร้อมทั้งกำกับไว้ให้รู้ว่า สายรุ่นไหนเหมาะกับซิสเต็มเครื่องเสียงระดับไหนที่จะทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ฟังในระดับนั้นอย่างเต็มที่ นับเป็นการตลาดที่น่าชื่นชมจริงๆ ..!!

Ultra Speaker Cable
สายลำโพงระดับกลางๆ ของ Transparent Cable

Transparent Cable มีสายลำโพงอยู่ทั้งหมด 10 รุ่น เรียงกันตั้งแต่รุ่นเล็กขึ้นไปถึงรุ่นใหญ่ เริ่มจากราคา 110 เหรียญ ขึ้นไปจนถึง 72,000 ยูเอสดอลล่าร์ รุ่น Ultra Speaker Cable ที่ผมได้รับมาทดสอบนี้อยู่ในอันดับที่ 6 ของกลุ่ม ในอเมริกาตั้งราคาไว้ที่ 4,000 ยูเอสดอลล่าร์ ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ

ข้อมูลทางเทคนิคของสายลำโพงตัวนี้มีไม่มากนัก ในเว็บไซต์บอกไว้แค่ว่าใช้ตัวนำทองแดงเกรด OFHC (Oxygen-Free High Thermal Conductivity) แต่ถ้าเป็นแฟนของแบรนด์นี้มาก่อน จะทราบดีว่า แบรนด์นี้เขามีแนวทางในการออกแบบที่แตกต่างจากผู้ผลิตสายออดิโอ เคเบิ้ลแบรนด์อื่นๆ คือเขาจะใช้เทคนิคในการควบคุมคุณสมบัติของตัวนำด้วยวงจรอิเล็กทรอนิคที่นำไปคั่นไว้ตรงกลางเส้นตัวนำ ที่เห็นเป็นกระเปาะสีดำๆ นั่นแหละ

วงจรอิเล็กทรอนิคที่ว่าจะถูกผนึกอยู่ในกระเปาะดำๆ ที่เห็นในภาพ ซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร วงจรที่อยู่ด้านในถูกผนึกด้วยอีพ็อกซี่เพื่อลดการสั่นสะเทือน เนื่องจากทางผู้ผลิตค้นพบว่า การสั่นสะเทือนของตัวนำที่เกิดจากการเหนี่ยวนำด้วยแรงสั่นจากภายนอกจะส่งผลเสียต่อสัญญาณเสียงที่เดินทางไปบนตัวนำที่อยู่ภายในสายลำโพง นั่นคือเหตุผลที่ต้องห่อหุ้มวงจรไว้ในกระเปาะขนาดใหญ่ที่มีความแน่นหนาแข็งแรงมากขนาดนั้น

ที่ด้านล่างของกระเปาะมีเดือยแหลมติดอยู่ 4 ตัว ซึ่งช่วยยกกระเปาะให้สูงจากพื้นขึ้นมา เหตุผลก็เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นบนพื้นห้อง ไม่ให้ถ่ายเทพลังงานมาที่กระเปาะได้เต็มที่ เดือยแหลมที่สัมผัสกับพื้นห้องแค่ส่วนปลายแหลมนั่นแหละเป็นตัวเบรคความสั่นสะเทือนเอาไว้ แต่ตอนใช้งานจริงๆ ตัวกระเปาะมักจะไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นตรงๆ เนื่องจากสายลำโพงที่โผล่ออกมาทั้งสองด้านของกระเปาะมีความแข็ง มันจะขืนตัวดึงให้กระเปาะพลิกหงายขึ้นมาได้ถ้าส่วนที่เป็นสายลำโพงมีความยาวไม่มากพอ หรือในกรณีที่ขั้วต่อสายลำโพงของลำโพงติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นไปจากพื้นมากๆ ถ้าลำโพงของคุณติดตั้งขั้วต่อสายลำโพงไว้สูง แนะนำให้ซื้อความยาวมากหน่อย เผื่อไว้เลยเพื่อให้ตัวกระเปาะมันสามารถวางราบลงไปบนพื้นได้อย่างเต็มที่ ไม่กระดกหงาย ซึ่งทางผู้ผลิตมีความยาวให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 8 (2.40 เมตร), 10, 12, 15, 20 ไปจนถึง 25 ฟุต (7.50 เมตร)

ตัวนำถูกห่อหุ้มด้วยฉนวนแน่นหนา และชั้นนอกสุดยังมีตาข่ายหุ้มทับไว้อีกชั้น ทำให้ตัวสายมีขนาดใหญ่และแข็ง

คู่ที่ผมได้รับมาทดสอบเป็นสายลำโพงแบบ single-to-biwire คือฝั่งที่ต่อเข้าที่เอ๊าต์พุตของแอมป์จะมีสายอยู่ 2 เส้น ส่วนฝั่งที่ต่อเข้าลำโพงจะมีสายอยู่ 4 เส้น สายตัวนำทั้ง 2 เส้นที่ต่อจากแอมป์จะถูกแพ็คเข้ามาอยู่เป็นเส้นเดียวกันก่อนเข้าไปที่กระเปาะ และหลังจากออกจากกระเปาะก็ยังคงรวบกันมาในฉนวนเส้นเดียว ก่อนจะมาแยกออกเป็นเส้นย่อยๆ 4 เส้นฝั่งที่จะเชื่อมต่อกับลำโพง

ขั้วต่อฝั่งที่ต่อเข้าแอมป์ (บน) และฝั่งที่ต่อเข้าลำโพง (ล่าง) เป็นแบบที่มีระบบขันล็อค ช่วยเพิ่มความแน่น ไม่หลุดง่าย ตัวโลหะขั้วต่อชุบทองช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่ายเทสัญญาณให้ลื่นไหลดีขึ้น อันนี้ผมชอบใจมาก เพราะส่วนตัวชอบใช้ขั้วต่อแบบบานาน่าอย่างนี้มากกว่าแบบหางปลา เพราะมันถอดเข้าถอดออกง่าย แต่มักจะหลวมและหลุดง่าย ทว่า ขั้วต่อที่ติดมากับสายลำโพง Transparent Cable รุ่น Ultra Speaker Cable ตัวนี้มีระบบขันล็อคด้วย บอกเลยว่า ดีงาม.!!

นี่คือตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด ช่วงหนึ่งของการทดสอบ ผมทดลองใช้สายลำโพงตัวนี้กับลำโพงสามทางวางขาตั้งของ Wharfedale รุ่น Elysian 2 (REVIEW) ซึ่งขั้วต่อสายลำโพงของลำโพงคู่นี้ให้มาเป็นแบบแยก 4 ขั้ว แต่เมื่ออยู่บนขาตั้ง ตัวลำโพงจะลอยจากพื้นขึ้นไป 24 นิ้ว บวกกับระยะติดตั้งขั้วต่อที่สูงจากฐานล่างของตัวลำโพงขึ้นไปอีกสามสี่นิ้ว ทำให้สายลำโพงต้องถูกยกลอยตามขึ้นไปด้วย ถ้าไม่ได้ขั้วต่อแบบล็อคได้ผมว่าสายลำโพงต้องหลุดล่วงลงมาอย่างแน่นอนเพราะโดนน้ำหนักของตัวสายกับกระเปาะถ่วงลงมา

ทดสอบ

นอกจากลำโพง Wharfedale รุ่น Elysian 2 แล้ว ผมก็ยังใช้ลำโพงอีก 2 คู่ในการทดสอบสายลำโพงชุดนี้ คู่แรกเป็นลำโพงวางขาตั้งที่ผมใช้เรฟเฟอร์เร้นจ์ส่วนตัวมาตลอด ชื่อรุ่น The One ของ Totem Acoustic ส่วนอีกคู่เป็นลำโพงตั้งพื้นรุ่น R3 Arrete จากประเทศเดนมาร์ก ส่วนแอมปลิฟายที่ขับลำโพงเหล่านี้มีอยู่ 2-3 ชุดที่แวะเวียนเข้ามาในห้องฟังของผมในช่วงนั้น มีทั้งแอมป์หลอดคืออินติเกรตแอมป์รุ่น LM-805IA (REVIEW) และโซลิดสเตทคือรุ่น Diablo-120 ของยี่ห้อ Gryphon Audio Design (REVIEW) นอกนั้นก็เป็นชุดปรี+เพาเวอร์ฯ รุ่น K5 + V-3 ของยี่ห้อ Ayre Acoustic เข้าร่วมวงทดสอบสายลำโพงรุ่นนี้ด้วย

ส่วนสายสัญญาณนั้น ทางบริษัท เอลป้า ชอว์ ซึ่งเป็นตัวแทนนำเข้าไม่ได้ส่งสายสัญญาณของ Transparent Cable มาด้วย ผมจึงใช้สายสัญญาณที่ผมมีอยู่ในขณะนั้น 2-3 ชุดมาจับคู่ทดลองฟังกับสายลำโพงตัวนี้ อาทิ Nordost รุ่น Vahalla, Purist Audio Design รุ่น Musaeus และรุ่น Gold MK II ของยี่ห้อ Life Audio ทั้งหมดนั้นเป็นสาย Balanced XLR ซึ่งสายสัญญาณเหล่านี้ต่างก็มีบุคลิกเสียงที่ต่างกันไปตามรูปแบบการปรับจูนของแต่ละยี่ห้อ อย่างเช่น Nordost นั้นมีชื่อเสียงในแง่ของการตอบสนองสปีดของเสียงที่เร็วและฉับไว เมื่อจับคู่กับสายลำโพง Transparent Cable ตัวนี้ จึงทำให้ได้ทรานเชี้ยนต์ไดนามิกที่ดี รายละเอียดยิบย่อยในส่วนที่เป็นไมโครไดนามิกออกมาดี ในขณะที่สายสัญญาณของ Purist Audio Design นั้นจะเด่นที่เสียงกลางลอยๆ แหลมและเบสออกสไตล์นุ่มนวล ซึ่งคล้ายกับโทนเสียงของสายลำโพงของ Transparent Cable ตัวนี้อยู่มาก เรียกว่าไปทางเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงออกมาในลักษณะของเสียงกลางที่โดดเด่นมาก มีมวลและมีความอิ่มเข้ม ในขณะที่สายสัญญาณของ Life Audio ซึ่งให้บุคลิกของเสียงที่เด่นไปทางแยกชิ้นดนตรีได้กว้าง ให้ความโปร่งโล่งภายในวงได้ดี ซึ่งลงตัวพอดีๆ กับสไตล์เสียงของสายลำโพง Ultra Speaker Cable ตัวนี้ เพราะมันช่วยทำให้แต่ละชิ้นดนตรีมีมวลที่อิ่มหนามากขึ้นในขณะที่ยังคงโชว์ความโล่งโปร่งของเวทีเสียงซึ่งเป็นจุดเด่นของสายสัญญาณ Life Audio ตัวนี้ออกมาได้

ส่วนสายไฟเอซีที่ใช้ร่วมในการทดสอบครั้งนี้ก็มีผสมกันระหว่าง Furutech, Tchernov Audio, Life Audio และ Purist Audio Design

เสียงของ Transparent Cable : Ultra Speaker Cable

ได้ยินเสียงของสายลำโพง Transparent Cable ตัวนี้เข้าไปวูบแรกทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนทดสอบสายไฟเอซีรุ่น Refernce AC Cable เมื่อเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว (REVIEW) คือไม่ว่าจะเอาสายลำโพงตัวนี้ไปผสมกับสายสัญญาณตัวไหน มันก็จะโชว์จุดเด่นของมันออกมาให้เห็นตลอด นั่นคือ ลักษณะของเสียงที่ให้มวลเสียงที่อิ่มเข้มตั้งแต่ย่านกลางลงไปจนถึงทุ้มตอนกลางๆ ที่สังเกตได้ง่าย

ถามว่า เป็นเสียงที่ boost ขึ้นมารึเปล่า.? คำตอบคือ ไม่ใช่แน่นอนครับ! เพราะสายลำโพงมีสถานะเป็นอุปกรณ์พาสซีฟที่ไม่มีไฟเลี้ยง ไม่มีวงจรแอ๊คทีฟที่เลี้ยงด้วยไฟฟ้า มันจึงไม่สามารถขยายความถี่ใดๆ เหมือนปรีแอมป์หรือเพาเวอร์แอมป์ แต่ภายในสายลำโพงมีตัวนำและฉนวนที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ส่งผลต่อการเดินทางของไฟฟ้า (ที่สัญญาณเสียงใช้เป็นพาหะ) ไปในตัวสาย และด้วยการเพิ่มวงจรอิเล็กทรอนิคที่ออกแบบขึ้นมาตามไอเดียของวิศวกรของ Transparent Cable เข้าไปคั่นกลางระหว่างเส้นตัวนำของสายลำโพงตัวนี้ มีผลให้ได้โทนเสียงออกมาตามที่พวกเขาปรับจูนเอาไว้

ทาง Trasparent Cable ไม่ได้ให้เหตุผลว่า boost แต่พวกเขามองว่าถ้าไม่มีการชดเชยใดๆ เลย สัญญาณเสียงที่วิ่งผ่านตัวนำที่มีสถานะเป็นพาสซีฟก็จะเกิดความสูญเสียสัญญาณไปในตัวสายบางส่วน โดยเฉพาะในย่านความถี่ตั้งแต่ย่านกลางต่ำลงไปถึงทุ้ม วงจรอิเล็กทรอนิคที่อยู่ในกระเปาะนั้นจึงถูกใส่เข้าไปเพื่อชดเชยความสูญเสียที่ว่านี้ (ในทางเทคนิคก็คือคุณสมบัติทางด้าน R, C และ L นั่นเอง)

เอาเถอะครับ… มุ่งไปทางเทคนิคมากไปก็ปวดหัว แค่ให้รู้ว่าพวกเขาทำอะไรลงไปเพื่ออะไรก็พอแล้ว ประเด็นสำคัญสำหรับผู้ใช้อย่างเราก็คือทดลองฟังเพื่อดูว่าสิ่งที่พวกเขาคิดมันตอบโจทย์ของเราหรือไม่.? ถ้าไปในทิศทางที่ถูกใจของเราก็คือใช่.. แค่นี้เอง

อัลบั้ม : Scott Hamilton With Strings (WAV 16/44.1)
ศิลปิน : Scott Hamilton
สังกัด : Concord Jazz

หลังจากเลือกเพลงลองฟังไปเรื่อยๆ ผมก็มาสะดุดหูกับเสียงเบสของอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นแนวเพลงสไตล์ easy listening ที่บรรเลงด้วยแซ็กโซโฟนและแบ็คอัพด้วยวงออเคสตร้าขนาดกลาง ซึ่งปกติแล้ว ผมจะได้ยินเสียงทุ้มของเพลงนี้ออกมาในลักษณะที่แผ่ออกไปกว้างๆ โดยไม่เน้นขึ้นมาจนโดดเด่นมาก แต่เมื่อลองฟังผ่านแอมป์หลอด Line Magnetic: LM-805IA + สายลำโพง Ultra Speaker Cable ตัวนี้ ผมได้ยินเสียงเบสของอัลบั้มนี้ต่างไปจากเดิม คือผมได้ยินเสียงของหัวโน๊ตของอะคูสติกเบสที่ชัดขึ้น มีน้ำหนักทิ้งตัวมากขึ้น อย่างในแทรค My Foolish Heart นั้น เสียงอะคูสติกเบสที่ชัดเจนและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นช่วยทำให้ได้โทนัลบาลานซ์ของเสียงโดยรวมมีความสมดุลมากขึ้น เสียงโดยรวมไม่ลอย ไม่บาง ช่วยให้เพลงน่าฟังมากขึ้น โดยเฉพาะในซิสเต็มที่ใช้ลำโพงขนาดเล็กอย่างพวกสองทางวางหิ้งจะช่วยได้มากทีเดียว ผมฟังกับ Totem Acoustic รุ่น The One รู้สึกแฮ้ปปี้กับเสียงทุ้มที่ได้มาก..

อัลบั้ม : Diamond Life (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Sade
สังกัด : Epic (CD 26044)

สายลำโพงของ Transparent Cable ตัวนี้ทำให้เพลง Smooth Operator ในอัลบั้มนี้มีลีลาที่กระชับ กระฉับกระเฉง เสียงเบสเคลียร์และชัด เด้งดึ๋งออกมาเป็นเม็ดๆ มวลอิ่มและแน่น ไม่มีอาการอุ้ยอ้ายเลย ฟังแล้วสนุกชวนเขย่าเท้าตาม ซึ่งเสียงเบสในแทรคนี้ช่วยพิสูจน์ตัวตนของสายลำโพงชุดนี้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คือมันให้เสียงเบสต้นๆ ที่มาพร้อมทุกคุณสมบัติ ทั้งคมด้วยอิมแพ็คของหัวโน๊ตทุกโน๊ต มวลบอดี้ของเบสที่อิ่มและมีเนื้อ และที่เด่นมากๆ คือให้สปีดการขยับเคลื่อนที่กระฉับกระเฉงทันกับจังหวะของเพลงได้อย่างแนบเนียน ซึ่งผิดกับสายลำโพงที่เน้นปริมาณเบสบางตัวที่ได้แต่เนื้อเบสที่อิ่มหนาแต่สปีดช้า ไม่ทันกับจังหวะเพลง ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่เกิดกับสายลำโพงของ Transparent Cable ตัวนี้เลย.. น่าทึ่งมากที่พวกเขาสามารถผสมผสานระหว่าง มวลเนื้อที่อิ่มแน่นเข้ากับ สปีดที่ฉับไวให้ลงตัวกันได้มากขนาดนี้!

อัลบั้ม : AYA – Authentic Audio Check (DSF64)
ศิลปิน : Various Artists
สังกัด : Stockfisch

อัลบั้มนี้คืออัลบัมแรกที่ผมเริ่มต้นทดลองฟังสายลำโพงของ Transparent Cable ชุดนี้แบบตั้งอกตั้งใจ และเมื่อแทรคเพลง Sharpening A Knife เริ่มขึ้นผมบอกตรงๆ ว่ารู้สึกแปลกใจ.. คือปกติแล้ว กับสายลำโพงบางตัวที่ผมเคยเจอมา ตอนลองฟังเพลงทั่วๆ ไปถ้าได้เบสออกมามีมวลหนา เวลาฟังเพลงที่บันทึกเสียงแบบพิถีพิถันแล้ว สายลำโพงพวกนั้นมักจะทำให้เสียงของอัลบั้มไฮเอ็นด์ฯ เสียทรงไปเลย โดยเฉพาะในแง่ของโทนัลบาลานซ์ที่ทำให้เบสโด่งและพื้นเสียงขุ่น แต่กับสายลำโพงของ Transparent Cable ตัวนี้มันกลับแสดงความพิเศษของเสียงทุ้มในแทรคเพลง Sharpening A Knife ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง คือลงลึก แผ่กังวาน และที่สำคัญคือ มีพลังซึ่งเป็นจุดเด่นของเสียงทุ้มในแทรคนี้ที่โปรดิวเซอร์ของเพลงนี้อยากนำเสนอ และเป็นเหตุผลที่แทรคนี้ถูกนำมาบรรจุไว้ในแผ่นทดสอบเสียงชุดนี้

พอต่อเนื่องมาถึงแทรคที่ 4 เพลง Improvisation ผมพบว่าสายลำโพงชุดนี้ถ่ายทอดเสียงกลองที่ให้ความถี่ต่ำลึกๆ (deep bass) ออกมาได้ดีมาก มันทั้งหัวเสียงไม้นวมกระแทกหนังกลอง แล้วตามมาด้วยอาการหนังกลองกระเพื่อมจนเกิดเป็น ริ้วของความถี่ต่ำที่ทอดลึกลงไปเป็นระลอก ได้ยินแล้วทำให้รู้สึกว่าเสียงทุ้มในแทรคนี้มันสามารถทอดลึกลงไปได้ไม่สิ้นสุด ซึ่งในทางเทคนิคน่าจะแสดงให้เห็นว่า สายลำโพงชุดนี้ไม่ได้กักหรือตัดความถี่ต่ำออกไป แต่มันพร้อมจะถ่ายทอดความถี่เหล่านั้นออกมาได้ลึกมากที่สุดเท่าที่ต้นฉบับจะส่งมาให้..

หลังจากฟังแทรค 4 เพลง Improvisation ไปแล้ว แต่ละเสียงที่ได้ยินจากแทรคนี้ มันทำให้ผมหวนคิดถึงข้อความในเว็บไซต์ของผู้ผลิตที่วางตัวสายลำโพงรุ่นนี้ไว้ในกลุ่ม “Lifelikeหรือมีชีวิตชีวา คือเขาต้องการสื่อว่า สายลำโพงตัวนี้ทำให้เสียงของซิสเต็มออกมาแบบมีชีวิตชีวา คือเหมือนเสียงของเครื่องดนตรีที่มีคนเล่นมันจริงๆ อยู่ตรงไหน.! ซึ่งน่าทึ่งมากที่ผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คือทุกเสียงในแทรค Improvisation มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังฟังการบรรเลงสดจริงๆ ไม่เหมือนว่าฟังจากแผ่นบันทึก ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งมาก.!

อัลบั้ม : Etta (WAV-16/44.1)
ศิลปิน : Etta Cameron and Nikolaj Hess with Friends
สังกัด : Master Music LTD.

อัลบั้ม : Another Time, Another Place (DSF64)
ศิลปิน : Jennifer Warnes
สังกัด : Impex Records IMP8317

สองอัลบั้มนี้ผมตั้งใจเลือกมาใช้ทดสอบสายลำโพงตัวนี้โดยเฉพาะ ซึ่งชุด Etta นั้นเป็นการบันทึกเสียงร้องที่ใช้เทคนิค close miking คือวางไมโครโฟนจับเสียงร้องใกล้ๆ ทำให้ได้รายละเอียดของเสียงร้องออกมาชัดเจนมากๆ เป็นรายละเอียดที่ลึกลงไปถึงระดับ inner detail ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เกิดจากอากัปกิริยาในการควบคุมการออกเสียงแต่ละประโยคของเธอ เสียงเลียริมฝีปาก เสียงกลืนน้ำลาย เสียงสูบลมหายใจ ถ้าฟังอัลบั้มนี้กับซิสเต็มที่ดีพอและแม็ทชิ่ง+เซ็ตอัพถึงๆ คุณจะได้ยินรายละเอียดเหล่านั้นพรั่งพรูออกมาจากอัลบั้มชุดนี้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ผมชอบใช้แทรคที่ 7 เพลง Motherless Child ในการฟังเพื่อตรวจสอบความสามารถของอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ทดสอบในการถ่ายทอดรายละเอียดเสียงในย่านกลางลงไปถึงกลางต่ำ ซึ่งเป็นย่านเสียงร้องของนักร้องคนนี้ และผมพบว่า สายลำโพงรุ่น Ultra Speaker Cable ของ Transparent Cable ตัวนี้สามารถ ปลุกให้เสียงร้องของเอ็ตต้ามีชีวิตขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง มันทำให้ผม เชื่อว่ากำลังฟังเสียงของเอ็ตต้าตัวเป็นๆ ในห้องฟังของผมเอง.!!

ใครๆ ก็ยอมรับว่า Jennifer Warnes เป็นนักร้องที่มีความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ออกมากับเสียงร้องได้อย่างยอดเยี่ยม (ภาษานักร้องเขาเรียกว่า interpret = ตีความ) ซึ่งหากว่าเสียงของเธอถูกบันทึกออกมาได้ตรงกับเสียงของเธอที่ร้องในธรรมชาติจริงๆ คุณจะยิ่งสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวาของเสียงร้องของเธอผ่านออกมากับอารมณ์ของเพลงที่คละเคล้าอยู่ด้วยกัน กับการเล่าเรื่องเศร้าเธอจะทำเสียงให้มีลักษณะหม่นคล้ำ หมองๆ และอมทุ้มนิดๆ แต่เมื่อใดที่กำลังเล่าเรื่องที่สนุก คุณจะสัมผัสได้ถึงความสดใสที่แผงอยู่ในเสียงร้องของเธออย่างชัดเจน

ผมมีงานเพลงของ Jennifer Warnes แทบทุกชุด และเสียงของเจนนิเฟอร์ในทุกชุดที่ผมมีได้ถูกบันทึกมาด้วยคุณภาพที่ดีเยี่ยม จวบจนผมมีโอกาสได้ฟังงานบันทึกเสียงของค่าย AIX Records ของคุณ Mark Waldrep ซึ่งเป็นค่ายเพลงอิสระเล็กๆ ที่เน้นบันทึกเสียงในฟอร์แม็ต Hi-Res เป็นหลัก (ปั๊มลงบนแผ่น DVD-Audio/Video) และค่ายนี้ยังเน้นไปที่การมิกซ์ออกมาเป็นระบบเสียงมัลติแชนเนลด้วย มีงานบันทึกเสียงของค่าย AIX Records แห่งนี้อยู่ชุดหนึ่งชื่อว่า Nitty Gritty Surround ซึ่ง Jennifer Warnes เธอได้รับเชิญให้ไปร้องเพลง Somewhere Somebody ในอัลบั้มชุดนี้ด้วย อัลบั้มของ AIX Records ชุดนั้นบันทึกไว้ที่ระดับ 24bit/96kHz โดยไม่มีการบีบอัด และมิกซ์ออกมาเป็นระบบเซอร์ราวนด์ 5.1 Ch สองเวอร์ชั่น (audience กับ stage) กับมิกซ์เป็นระบบเสียงสเตริโอ 2 Ch ให้เลือกฟัง หลังจากได้ยินเสียงร้องของ Jennifer Warnes ในอัลบั้มชุดนี้แล้ว ผมรู้สึกได้เลยว่า นั่นคือเวอร์ชั่นที่เข้าใกล้กับเสียงจริงๆ ของเธอมากกว่าที่ได้ยินในแผ่นซีดีอัลบั้มอื่นๆ ที่ผมมีอยู่

เมื่อกลางปี 2018 เจนนิเฟอร์ วอร์นมีผลงานใหม่ออกมาชุดหนึ่งชื่อว่า Another Time, Another Place ภายใต้สังกัด Impex Records เมื่อผมได้ฟังเสียงร้องของเธอในอัลบั้มชุดนี้ครั้งแรก ผมก็รู้สึกสะดุดกับลักษณะเสียงที่ได้ยิน มันเป็นลักษณะเสียงที่คล้ายกับตอนได้ยินจากงานบันทึกเสียงของค่าย AIX Records มาก เป็นเสียงร้องที่บันทึกออกมาได้ดีมาก เสียงร้องของเธอมีความเป็นธรรมชาติสูง ให้ความรู้สึกเหมือนเสียงคนจริงๆ มาก เวลาฟังจึงได้อารมณ์เหมือนฟังสด ซึ่งสายลำโพงของ Transparent Cable ก็สามารถ capture รายละเอียดยิบย่อยที่ประกอบกันอยู่ในเสียงร้องของเจนนิเฟอร์ วอร์นจากอัลบั้มนี้ออกมาได้อย่างครบถ้วน ยอดเยี่ยมมาก.!

สรุป

ผมเชื่อว่าสายลำโพงตัวนี้จูนเสียงมาตรงใจนักเล่นฯ ส่วนใหญ่แน่ๆ เพราะมันทำให้เสียงในย่านกลางลงไปถึงทุ้มตอนกลางๆ มีมวลเสียงที่หนาแน่น ส่งผลให้ฟังแล้วรู้สึกอิ่ม หนาและเข้ม ซึ่งเป็นการกลบจุดอ่อนของระบบเสียงดิจิตัลได้อย่างแยบยล แต่ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือความสามารถในการทำให้บอดี้ของเสียงดนตรีมีความ full หรือเต็มตัวมากขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนฟังเสียงจริงมากขึ้น และช่วยลดความแห้งของเสียงลงไปได้มาก.. โดยรวมๆ ถือว่าเป็นการออกแบบและปรับจูนที่ให้ผลลัพธ์ออกมาทางบวกในหลายๆ ด้าน /

***********************
ราคา : 138,600 บาท / คู่
(ความยาวข้างละ 8 ฟุต)
***********************
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
. เอลป้า ชอว์
โทร. 02-465-9833
แผนที่ร้าน

เย : 081-632-4036

mm

About ธานี โหมดสง่า

View all posts by ธานี โหมดสง่า